วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ศ. ดร. สุเนตร ชุตินธรานนท์ ผู้อำนวยการ ศูนย์พหุวัฒนธรรมศึกษา และนวัตกรรมทางสังคม สถาบันเอเซียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาคุยเรื่องโครงการ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านพหุวัฒนธรรมศึกษา และนวัตกรรมทางสังคม ที่ท่านบอกผมหลังผมไปพูดเรื่อง พันธกิจมหาวิทยาลัยกับสังคมในยุคทองแห่งโอกาส ที่หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๐ (๑) ว่าท่านกำลังจะประยุกต์เรื่อง วัฒนธรรมศึกษาเชื่อมโยงกับภาคีหุ้นส่วนสังคมหลากหลายด้าน และอยากขอคำปรึกษาจากผม
หลังจากนั้นท่านหายไปนาน แล้วก็ส่งข้อเสนอโครงการ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านพหุวัฒนธรรมศึกษา และนวัตกรรมทางสังคม มาให้อ่านล่วงหน้า และนัดคุยกันได้ในวันนี้ เป็นการคุยที่ผมตั้งตัวเป็น “นักเรียน” เต็มที่ ด้านการใช้ความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรมของไทย ในการสร้างความเข้มแข็งสารพัดด้านให้แก่บ้านเมือง โดยเฉพาะการก้าวกระโดดสู่สภาพ ประเทศไทย ๔.๐
วิธีตั้งตัวเป็นนักเรียนที่ดีที่สุดคือฝึกตั้งคำถาม
คำถามที่ดีในกรณีนี้คือคำถามที่ท้าทาย และล่อแหลม
ผมตั้งคำถามข้อแรกว่า พหุวัฒนธรรมแบบไหน พื้นที่ไหน ที่ท้าทายที่สุด โดยมีคำตอบเลาๆ ของผมเองว่า ๓ จังหวัดชายแดนใต้ แต่หากจะมองจากมุมว่ามีสีสันที่สุด คงจะตอบว่า ชนเผ่าในพื้นที่สูง (ซึ่งอาจรวมชนเผ่าในภาคอีสาน เช่นผู้ไท ที่เรณูนคร)
จึงมาถึงคำถามว่า ตีความคำว่า “วัฒนธรรม” โดยเน้นที่ประเด็นไหนของวัฒนธรรม
ผมติดใจคำว่า “ทุนซ่อนเร้น” ของ ดร. สุเนตร ซึ่งผมตีความอีกแบบหนึ่ง เพิ่มจากที่ท่านตีความไว้อย่างดีเยี่ยมในเอกสารดังกล่าว โดยผมตีความเพื่อนำไปสู่การดำเนินการแบบแหวกแนว ซึ่งท่านจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมมีหน้าที่ตั้งคำถามและเสนอแนะเพื่อสร้างมุมมองใหม่ๆ ที่อาจหลุดโลกไปหน่อยก็ได้
วิจารณ์ พานิช
๑๕ ก.พ. ๖๑
ไม่มีความเห็น