การรับแคลเซียมที่เพียงพอ นอกจากจะเป็นการลดโอกาสกระดูกบางหรือพรุนแล้ว ยังส่งผลต่อน้ำหนักตัวอีกด้วย
จากการวิจัยพบว่าแคลเซียมมีความสัมพันธ์เชิงลบกับน้ำหนักตัว นั่นคือ การได้รับแคลเซียมสูงในขณะจำกัดพลังงานหรือเข้าโปรแกรมลดน้ำหนัก แคลเซียมจะสามารถเพิ่มการ #เผาผลาญไขมัน และช่วยรักษาอัตราการเผาผลาญได้
แต่ขณะเดียวกัน หากเราได้รับพลังงานสูงจากอาหาร แคลเซียมกลับลดการเผาผลาญไขมันในร่างกายเราลงได้เช่นกัน
และยังพบว่า กลุ่มคนที่บริโภคแคลเซียม 1,000 มก./วัน สามารถเพิ่มการเผาผลาญพลังงานได้มากกว่ากลุ่มที่รับแคลเซียมต่ำอย่างชัดเจน (38-64%)
แต่การรับแคลเซียมมากไปก็ไม่ดีค่ะ เพราะจะทำให้การดูดซึมแมงกานีส สังกะสี และเหล็ก ลดลง และการรับแคลเซียมมากไป หากไม่ได้รับแมกนีเซียมเพียงพอ จะทำให้เสียสมดุล สร้างกระดูกได้ไม่ดี และอาจเป็นเหตุหนึ่งของหัวใจถูกจู่โจมและสโตรค(คงเพราะเหตุนี้มังคะ บางบริษัทจึงผลิตแคลเซียมที่มีการเสริมแมงกานีส สังกะสี เหล็ก แมกนีเซียม และ วิตามินดีมาด้วยในเม็ดเดียวกันเลย)
การลดมวลไขมัน จึงอาจไม่ใช่การลดปริมาณอาหาร แต่หมายถึงการหาสัดส่วนและปริมาณของอาหารที่พอเหมาะกับการใช้พลังงาน โดยที่คุณค่าทางอาหารก็ไม่ถูกละเลยด้วย
ถ้าจะลดน้ำหนัก ต้องไม่ละเลยการจัดแคลเซียมในโปรแกรมอาหารลดน้ำหนัก ของคุณด้วยนะคะ
I think the 'recommended calcium daily requirement' for people under 60 is 1000mg but to make calcium work 600uG of vitamin D is needed.
A little more calcium and a little more time (5-10 minutes) outdoors in the Sun may be good for Health?
เรียนคุณ sr ค่ะ
อันที่จริง การรับแดดช่วงเช้า ช่วยให้ร่างกายสร้างวิตามินดีได้ค่ะ แต่ปัญหาคือ คนสาวนใหญ่ไม่มีเวลาเดินออกกำลังกายในช่วงเวลาดังกล่าว
อีกอย่าง การทาครีมกันแดดก็ส่งผลต่อการสร้างวิตามินดีของร่างกายค่ะ และพบว่าคนกรุงเทพส่วนใหญ่จะกระดูกบางเร็วขึ้น เพราะการขาดวิตามินดี ที่จะมาทำงานร่วมกันกับแคลเซียมเพราะการทาครีมกันแดดค่ะ
คุณหมอบางท่าน จ่ายแคลเซียม และบอกให้คนไข้รับแดดแทนการจ่ายวิตามินดีค่ะ
ขอบคุณสำหรับความเห็นมากค่ะ