เมื่อคืนที่แล้วผมได้ไปสวดมนต์ นั่งสมาธิภาวนาและค้างคืนที่วัดแห่งหนึ่ง ตอนเช้าก็เข้าร่วมกิจกรรมทำวัตรเช้า นั่งสมาธิภาวนาต่อ และใส่บาตร เสร็จแล้วก็ร่วมถวายภัตตาหารพระ หลังจากนั้นพระก็ให้ญาติโยมเข้าแถวไปตักอาหารมารับประทานกันด้วยอาการสงบ โดยพระได้นำสวดปฏิสังขา โยนิโส... ให้พิจารณาลดอัตตาในการบริโภคอาหาร
มีเหตุการณ์หนึ่งในขณะนั้นที่ผมอยากเอามาเล่า เพื่อเป็นข้อคิดให้แก่พ่อแม่ผู้ปกครองในยุคหลังๆ มิได้มีเจตนาเพ่งโทษหรือจับเป็นอารมณ์แต่อย่างใด เพียงแต่ผมไม่อยากให้เหตุการณ์นี้ผ่านไปโดยไม่นำมาวิเคราะห์ให้เกิดประโยชน์และเป็นข้อคิดในการอบรมสั่งสอนเด็กและเยาวชนในอนาคต
กล่าวคือในระหว่างการเข้าคิวเพื่อตักอาหารมีพ่อ แม่ ลูกชายครอบครัวหนึ่ง ลูกชายคงอายุราวๆเด็กประถมปลาย ก็ดูแต่งตัวดี น่าจะเป็นลูกคนมีฐานะและดูไม่น่าจะเป็นเด็กเกเร(ยังชมในใจว่ารู้จักพาลูกมาเข้าวัดเข้าวา) พ่อแม่พาเด็กคนนี้มาเข้าคิวต่อจากผม โดยเด็กพยายามเบียดเข้ามาเพื่อแย่งตักอาหารที่เขาหมายตาไว้ คล้ายกลัวจะถูกแย่งไปเสียก่อนปานนั้น โดยไม่ฟังคำเตือนตลอดเวลาของพ่อแม่ เวลาตักอาหารก็ตักจนล้นถาด ด้วยกิริยาไม่น่ารัก
เหตุการณ์นี้ทำให้ผมคิดและอยากสะท้อนไปถึงคนเป็นพ่อเป็นแม่รุ่นใหม่ๆทุกคนว่า น่าจะต้องช่วยกันอบรมกล่อมเกลาบุตรตั้งแต่ตอนเป็นเด็กตัวน้อยๆ(ไม้อ่อนดัดง่าย) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการรู้จักให้ และการรู้จักรอคอย เริ่มตั้งแต่ฝึกให้รู้จักการให้ตั้งแต่เรื่องเล็กๆน้อยๆเช่น รินน้ำให้พ่อแม่ดื่ม ตักข้าวให้พ่อแม่ก่อนของตนเอง แบ่งขนมให้น้องให้พี่ ให้ญาติ แบ่งปันของให้เพื่อน ดูแลช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากและสรรพสัตว์ทั้งหลาย รวมทั้งฝึกให้ช่วยพ่อแม่ทำงาน ช่วยยกของ ดูแลทุกข์สุขของคนใกล้ชิด เป็นต้น และทุกครั้งที่เขาทำความดีก็ต้องไม่ลืมที่จะชมเชย ยกย่องในสิ่งที่เขาทำอย่างจริงใจ ด้วยวิธีการที่เหมาะสม ก็จะทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจและติดพฤติกรรมที่ดีนี้ไป รวมทั้งเรื่องอื่นๆ เช่นการตักอาหารแต่พอรับประทาน และต้องรับประทานให้หมด การมีนิสัยที่พอเพียง เป็นต้น โดยการทำให้ดู ทำบ่อยๆ บอกสอน ให้เหตุผลประกอบ ทำกันเป็นปกติในชีวิตประจำวันนี่แหละเขาก็จะเกิดเป็นนิสัย
เมื่อเข้าโรงเรียนคุณครูก็อบรมกล่อมเกลาต่อเนื่อง เขาก็จะได้ซึมซับและจะเป็นเด็กที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี มีเมตตา มีความกตัญญู ถ้าเริ่มต้นกันอย่างนี้น่าจะลดนิสัยความโลภ การเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นลดน้อยหรือหายไปเอง และจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีคุณภาพ เป็นพ่อแม่ที่ดี เป็นคนดีของสังคม เป็นผู้ใหญ่ที่เป็นแบบอย่างที่ดีที่น่าเคารพให้แก่เด็กในรุ่นต่อๆไปอีก สังคมก็จะสงบสุขน่าอยู่มากขึ้น
แต่ที่ผ่านมาสถาบันครอบครัว และสถาบันสังคมเรายังถูกมองว่ามีความอ่อนแออยู่มาก ขาดตัวแบบที่ดีที่จะอบรมกล่อมเกลาเด็กและเยาวชน บางครั้งพ่อแม่เองก็เอารัดเอาเปรียบพ่อแม่ของตนหรือแสดงความไม่กตัญญูต่อบุพการีให้ลูกๆเห็น ตลอดจนขาดความจริงจังในการเลี้ยงดูเด็ก มีการสร้างภาพให้ดูดี มีทั้งเลี้ยงแบบปล่อยอย่างสุดกู่ หรือดูแลแบบคุณหนูไปทั้งชีวิต พอเด็กเติบโตขึ้นก็จะกลายเป็นผลผลิตที่คอยคิดแต่จะเอาทุกสิ่งทุกอย่างจากทั้งพ่อแม่ สังคมและบ้านเมือง ไม่รู้จักการเป็นผู้ให้ คอยเอารัดเอาเปรียบคนรอบข้าง ขึ้นรถไฟฟ้าก็จะแย่งคนแก่นั่งแล้วเล่นมือถือกันตลอดแถวโดยไม่ยี่หระใครทั้งนั้น ชอบขับรถปาดหน้าแซงคิวคนอื่นอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุกและเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อถูกต่อว่าก็จะโกรธพร้อมที่จะมีเรื่องกับทุกคนทุกวัย สะสมความโลภความเห็นแก่ตัวตั้งแต่เรื่องเล็กเรื่องน้อยจนถึงขั้นคอรัปชั่นโกงบ้านโกงเมือง โดยไม่รู้จักพอ ถ้าสังคมยังเป็นเช่นนี้กันมากขึ้น คนจะเก่งบ้านเมืองจะก้าวหน้าขึ้นอย่างไรก็คงจะหาความสงบสุขเหมือนสังคมสมัยรุ่นปู่รุ่นย่ารุ่นตารุ่นยายได้ยาก
เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะครับ...
ผมไปเห็นมาเมื่อวานนี้ ไม่อยากให้ผ่านไป เลยบันทึกเตือนพ่อแม่รุ่นใหม่ๆเสียหน่อย โดยเฉพาะตอนขึ้นรถไฟฟ้าเห็นชัดมาก