ผ่าตัดอาจารย์ใหญ่


หลังจากได้พักจากการผ่าตัดร่างอาจารย์ในช่วงเช้า ก็ได้เวลาเข้าฝึกผ่าตัดในช่วงบ่ายต่อไป และในตอนนั้นเอง ที่เจ้าของร่างตื่นขึ้นมาบอกผมว่า “เมื่อยเล็กน้อย ถูกผ่าตัดมาหลายรอบแล้ว” 

ร่างที่ไร้ชีวิตของอาจารย์ได้เอี้ยวตัวให้ผมดูสีข้างทางด้านขวาของท่าน ซึ่งมีร่องรอยของการถูกเลาะ ถูกเฉือน เห็นกล้ามเนื้อเว้าๆแหว่งๆ ดูๆไป น่าจะเป็นผลงานของนักศึกษาแพทย์เสียมากกว่าหมอแก่ๆอยางพวกผม

ผมยิ้มให้ท่าน แล้วเดินออกไปนอกห้องฝึกผ่าตัด แล้วผมก็พบว่า ท่านยืนรอผมอยู่

ผู้หญิงวัยเลยกลางคนไปสักหน่อย จะแก่ก็ยังไม่แก่ดี แต่จะว่าสาวก็ไม่สาวแน่ๆ หากริ้วรอยบนใบหน้านั้นมิได้ถูกกลบไปด้วยเครื่องสำอางใดๆ

เธอสวมเสื้อสีขาวลายดอกไม้เชยๆ ซึ่งอาจจะทันสมัยมากก็ได้หากชุดนั้นซื้อมาเมื่อครั้งแม่ผมยังสาวๆอยู่ กระโปรงยาวพ้นเข่าลงมาเล็กน้อย มีลายคล้ายๆผ้าซิ่น ซึ่งผมก็มองไม่ได้ละเอียด 

หน้าตาของเธอดูเรียบ หน้ายาวคล้ายรูปไข่ ผิวขาว มีกระบนใบหน้าพอเห็นได้ และท่านกำลังยิ้มส่งมาให้ผม เธอยืนคู่กับใครอยู่อีกสักคน

ผมยกมือสวัสดีเธอ 

และตื่น 

..............................

นี่ก็เช้าแล้ว รอบกายยังมืด อากาศยังคงเย็นสบาย คนข้างกายยังคงหลับพ่นลมหายใจอุ่นๆลงบนหัวไหล่ผม

ผมลืมตามองไปทั่วห้องนอน นกพิราบบนหลังคาส่งเสียงคราง ฮูด ฮูด ฮูด 

นี่ผมคงมีความวิตกปนตื่นเต้นเล็กน้อยกับการเข้าร่วมฝึกผ่าตัดโดยใช้ร่างอาจารย์ใหญ่กับทีมหมอมะเร็งของภาควิชาที่จะมีในวันเสาร์นี้จนถึงขั้นนำมาฝันได้เลยสินะ

 “ศูนย์ฝึกผ่าตัดอาจารย์ใหญ่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์” หรือ PSU Cadaveric Surgical Training Center คือที่ที่ผมกล่าวถึง

อันที่จริง ผมก็รู้สึกมานานแล้ว ว่าการที่นักศึกษาแพทย์ต้องมาเรียนวิชาผ่าศพ หรือ gross anatomy กันในขั้นปี ๒ นั้น มีประโยชน์มากมายจริงหรือ

คนที่คิดว่าเป็นประโยชน์ก็จะบอกว่า

“มีสิ” ได้ฝึกจับมีดผ่าตัด ได้เห็นของจริง ได้จับอวัยวะต่างๆจริงๆ เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องรู้จริงๆ

ส่วนคนที่เห็นประโยชน์น้อยก็จะแย้งว่า

“เฮ้ย อย่าเพิ่ง” ขึ้นชั้นคลินิกก็ได้ฝึกจับมีดอยู่ดี เรียนตอนปี ๒ ขึ้นคลินิกก็ลืมหมดแล้ว อีกอย่างก็คือ เวลาลงมีดกรีดอาจารย์ใหญ่กับกรีดคนไข้จริงๆก็ไม่เหมือนกันสักหน่อย ไอ้ที่เรียนๆไปน่ะ เส้นประสาทเส้นเลือดยิบย่อย โตแล้วก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเลย ค่อยๆเรียนรู้ไป เรียนตอนขึ้นชั้นคลินิกก็ไม่เสียหาย เป็นต้น

การถกเถียงแบบนี้มีอยู่ตลอด 

แต่หากมองตอนนี้ มันจะมีอีกรูปแบบหนึ่งของการเรียน นั่นคือ การมาฝึกผ่าตัดกับร่างอาจารย์ใหญ่

เดี๋ยวนี้มหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง ได้คิดค้นวิธีการเก็บรักษาร่างผู้เสียชีวิตในวิธีการต่างๆ ทำให้สามารถนำร่างท่านออกมานอนให้หมอหรือนักศึกษาได้เรียนรู้ด้วยสภาพที่ยังดูคล้ายร่างสดอยู่ คือเนื้อนิ่ม ข้อต่อต่างๆยังไม่ยึดติดแข็ง ซึ่งต่างจากสมัยก่อน ที่ร่างของผู้บริจาคจะต้องรับการฉีดน้ำยาฟอร์มาลินบริเวณหลอดเลือดที่ขาหนีบเพื่อให้น้ำยาได้ไหลเข้าไปยังอวัยวะภายในได้อย่างทั่วถึง จากนั้น ก็นำร่างของท่านลงไปแช่ในอ่างน้ำยาดองศพทั้งร่าง ซึ่งสภาพของร่างท่านเหล่านั้นเมื่อนำขึ้นมาเรียนจริงๆ ก็จะแข็ง สีซีด ผ่าตัดลอกดูอวัยวะต่างๆออกจะยากสักหน่อย

ที่บ้านผม สงขลานครินทร์ ยังไม่มีสูตรน้ำยารักษาสภาพศพแบบรักษาให้เนื้อนิ่ม หรือดูสดอย่างที่เล่ามาข้างต้น แต่เราใช้วิธีแช่ตู้เย็น

เราแช่ตู้เย็นจนร่างของท่านเป็นน้ำแข็ง รักษาความสดไว้อย่างดี (ลองนึกถึงสารคดีที่ทำเรื่องปลามากุโร่ดูสิ เมื่อได้ปลามาแล้วก็จะแช่เย็นจัด ในวันที่ขึ้นฝั่ง ปลาตัวโตๆแข็งเหมือนก้อนหินเลย เวลาเรากินมากุโร่ในร้านอาหารชั้นดี กลับไม่พบร่องรอยของการถูกแช่แข็งมาก่อนเลย แถมยังบอกกับเพื่อนร่วมโต๊ะอีกว่า “สดมากกกกก”) และเมื่อจะนำร่างท่านมาศึกษา ก็นำท่านออกมาจากตู้เย็นและรอให้น้ำแข็งละลาย (อย่าถามผมว่า ยังไงและอย่างไร กี่วัน กี่ขั่วโมงนะครับ ไม่รู้) และเมื่อถึงเวลา พวกหมอก็จะมาพบกับท่านในสภาพร่างสด การฝึกผ่าตัดก็จะเหมือนกับการผ่าตัดคนจริงๆที่ยังมีขีวิตอยู่ หรือเหมือนท่านเพิ่งเสียชีวิตไปนั่นเอง

................................

การฝึกผ่าตัดกับร่างอาจารย์ใหญ่นั้นมีประโยชน์มาก เราสามารถฝึกผ่าตัดจนเริ่มเก่ง แล้วลงไปปฏิบัติงานกับผู้ป่วยจริงได้ด้วยความปลอดภัย (ปลอดภัยต่อคนเป็น) 

และงานที่ผมจะมาเข้าร่วมฝึกในคราวนี้ เป็นการพลอยเขาเข้ามาครับ

หน่วยมะเร็งนรีเวชจะเข้ามาสอนหมอสูติผ่าตัดมดลูกด้วยกล้องส่องช่องท้อง ส่วนผมจะมาฝึกและมาสอนลูกศิษย์ผ่าตัดรักษาโรคฉี่เล็ด ช่วยๆกันเรียน ช่วยๆกันฝึก ครูและลูกศิษย์ก็จะได้ออกไปรักษาคนที่มีชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัย

ศูนย์ฝึกผ่าตัดฯอยู่ในพื้นที่ของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ มันคือห้องบรรยายเก่า ที่ผมเคยนั่งฟังบรรยายวิชา Gross ของอาจารย์เกษมและอาจารย์มัณฑนา ความทรงจำผมกลับมาอีกครั้ง ห้องเรียนแบบเก่า มีกระดานดำหน้าห้อง ชั้นเรียนเหมือนขั้นบันได คนสอนเป็นสตรีสูงวัย คนช่วยกดสไลด์เป็นชายสูงวัยร่างท้วมผมเรียบแปล้ สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้น สอนกันไปแซวกันไป หากนักเรียนไม่เข้าใจ ชายผู้นั้นจะลงมาวาดรูปในกระดานดำให้เราเข้าใจ แต่ห้องดังกล่าวในวันนี้ เป็นห้องพื้นราบ เตียงและโคมไฟผ่าตัดมีพรั่งพร้อม อาจารย์ใหญ่ถูกคลุมไว้ด้วยผืนผ้าใบทั้งร่าง เปิดเฉพาะหน้าท้องและอวัยวะเพศที่จะถูกใช้เพื่อการผ่าตัด 

ก่อนเริ่มงาน หมอและพยาบาลรวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนจะมายืนกลางห้องพร้อมๆกัน พวกเรากล่าวขอบคุณร่างไร้วิญญาณทั้ง ๖ ร่างด้วยจิตสำนึกที่แท้จริง เราขานชื่อของท่านทั้ง ๖ ด้วยเสียงดังฟังชัด เราวางมาลัยบนหน้าอกของท่านก่อนเริ่มลงมือผ่าตัด แล้วเราก็ได้เรียนกับพวกท่าน

.........................

ภารกิจลุล่วง พวกเราได้รับกระดาษคนละแผ่นซึ่งเขียนบทกล่าวขอบพระคุณเพื่อจะได้กล่าวขอบคุณท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ผมเลือกที่จะไม่รับกระดาษ เพียงแค่การกุมมือตัวเองไว้อย่างสุภาพ มองไปที่หัวเตียงประหนึ่งกำลังมองหน้าท่าน กล่าวขอบคุณท่านด้วยประโยคของตัวเอง 

พลัน ผมก็นึกถึงความฝันที่ผมได้พบสตรีคนหนึ่ง

ผู้หญิงวัยเลยกลางคนไปสักหน่อย จะแก่ก็ยังไม่แก่ดี แต่จะว่าสาวก็ไม่สาวแน่ๆ หากริ้วรอยบนใบหน้านั้นมิได้ถูกกลบไปด้วยเครื่องสำอางใดๆ

เธอสวมเสื้อสีขาวลายดอกไม้เชยๆ ซึ่งอาจจะทันสมัยมากก็ได้หากชุดนั้นซื้อมาเมื่อครั้งแม่ผมยังสาวๆอยู่ กระโปรงยาวพ้นเข่าลงมาเล็กน้อย มีลายคล้ายๆผ้าซิ่น ซึ่งผมก็มองไม่ได้ละเอียด 

หน้าตาของเธอดูเรียบ หน้ายาวคล้ายรูปไข่ ผิวขาว มีกระบนใบหน้าพอเห็นได้

ผมนึกในใจและถามตัวเองออกมาว่า “เราขอมองหน้าท่านสักหน่อยจะได้ไหม”

ธนพันธ์ ชูบุญระลึกถึงบุญคุณต่อผู้บริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาตลอดมาสาธุ

๒๖ พย ๖๐


หมายเลขบันทึก: 642092เขียนเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2017 15:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2017 15:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

-สวัสดีครับอาจารย์

-ลึกลับ..

-น่าตื่นเต้นนะครับ

-อ่านไปแอบมีกลัวเล็กน้อย..

-ยังคงจินตนาการได้ดีกับบันทึกของอาจารย์หมอ..

-ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับอาจารย์ ^^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท