ทำอย่างไร ให้คิดบวก
ทำอย่างไร ให้คิดบวกได้ (แบบแม่ดาว)
+++
หลายคนมักส่งข้อความมาถามกันเช่นนี้ อ่านดูแล้วหลายทีก็รู้สึกว่า นี่ไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เป็นประโยค บอกเล่าถึงความทุกข์ ที่อยากจะลุกขึ้นมาแล้วใช้ชีวิตให้มีชีวามากกว่าที่เป็นอยู่
+++
เป็นไหม ก็แค่อยาก "บ่น" บอกใครสักคน แล้วก็ทนกับมันต่อไปได้ 
?โพสต์นี้สำหรับใครที่สนใจไม่อยากจะทนทุกข์ ตั้งใจลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อนสิ้นปีเก่า เป็นของขวัญให้ตัวเองในปีใหม่ที่ใกล้มาถึง แน่นอนค่ะทุกอย่างต้องใช้เวลา ไม่ใช่ว่ารู้แล้ว จะทำได้ทันที ขอแค่ลงมือทำสักที และทำต่อไปอย่างต่อเนื่อง คุณจะค่อย ๆ เห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง+++ความรู้ที่จะแบ่งปันต่อจากนี้ เป็นความรู้ที่ได้นำมาใช้จริงและได้ผลจริงมาแล้วกับตัวเองนะคะ ซึ่งอ่านแล้วก็ต้องลองพิจารณากันดูว่าอยากจะลองนำไปใช้กับตัวเองไหม
+++
เริ่มต้น.....
1. มีศรัทธาต่อตนเองค่ะ ว่า "ฉันสามารถเปลี่ยนแปลงได้"
+
2. ปรับทัศนคติให้เป็นกลาง ไม่เป็น บวก หรือ เป็นลบ กับทุก ๆ ความคิด กับทุกอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเรา เห็นว่า เมื่อเกิดความคิดลบ ก็เป็นแค่ "ความคิด" หนึ่ง เมื่อคิดบวก ก็เป็นแค่ "ความคิด" เป็นความปกติของชีวิตที่มีทั้งคิดลบ คิดบวก การที่เราไปยึดมั่น ถือมั่นให้ค่ากับ "ความคิดบวก" มาก จนรังเกียจ ต่อต้าน "ความคิดลบ" นั่นแหละคือ ปัญหา นึกถึงคำสอนพระอาจารย์ไพศาล "อะไรที่เธอผลักไสจะคงอยู่ อะไรที่เธอตระหนักรู้จะหายไป"
+
3. ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงค่ะ กินอาหารที่ดีต่อร่างกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายได้ยิ่งดี ร่างกายส่งผลต่อจิตใจ ครูเอ๋(ครูที่แม่ดาวเคารพรักอีกคน)สอนว่า "กินอิ่ม นอนหลับ ขับถ่ายสะดวก" ชีวิตก็ดีมากพอ
+
4. ฝึกสติค่ะ มีหลากหลายวิธีในการฝึก หลักการง่าย ๆ "รู้กายเคลื่อนไหว รู้ใจคิดนึก" หรือ "ตัวอยู่ที่ไหน ให้ใจอยู่ที่นั่น" ซึ่งหลักการง่าย แต่ทำได้ไม่ง่ายเท่าไหร่? แรก ๆ ที่แม่ดาวฝึกก็รู้สึกว่ายากมาก แต่ก็แค่เรื่องยาก ที่สามารถเป็นจริงได้ อีกหลักกว้าง ๆ คือ "กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง" ทุกวันนี้สังเกตุตัวเองไหม แต่ละวันเรามักทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อม ๆ กัน กินข้าวไป ดุทีวีไป ขับรถไป ก็ฟังเพลงไป เดินไปก็ใช้มือถือด้วย เหล่านี้ตำรวจไม่จับ ไม่ผิดกฎหมายเนาะ แต่มันทำให้เราขาดสติ เช่น แม่ดาวจะทำสัญญากับบันไดไว้ว่า ทุกครั้งที่จะขึ้นหรือลงบันได ฉันจะอยู่กับปัจุบันอยู่กับกายกับใจนี้ ระหว่างที่เดินหากเผลอ จะถอยกลับมาตั้งต้นใหม่ในขั้นที่เผลอ หรือถ้าไม่รู้เผลอไปขั้นไหน ก็ไปเริ่มนับ 1 ใหม่ขั้นแรกสุด ส่วนมากจะเลือกทำตอนที่เดินลำพังคนเดียวนะคะ เดินกับลูก ลูกมักพูดเยอะ สติจะไปอยู่ที่เสียงของลูกแทน 
?
+
5. การรู้สึกขอบคุณ แรกๆ อาจยังไม่รู้สึกค่ะ แต่ให้คิดทุกวันว่าเช้านี้เราจะขอบคุณอะไรบ้าง เช่น ขอบคุณร่างกายนี้ที่ยังแข็งแรงพอที่จะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข ขอบคุณแม่ที่ให้ชีวิตนี้มา ขอบคุณสามีที่ยังอยู่ดูแลกันจนวันนี้ ขอบคุณท้องฟ้าในเช้าวันนี้ที่สดใสสวยงาม ในระหว่างวันเจออะไรก็คิดคำขอบคุณได้ค่ะ คิดบ่อย ๆ มันจะค่อย ๆ อินและฟินไปเอง
+
6. การเขียนบันทึกเรื่องราวดี ๆ ทุกๆ วัน อย่างน้อยวันละ 3 เรื่อง แรกๆ ที่ได้อ่านเจอเรื่องนี้ ตอนแรกก็คิดว่าง่าย ๆ พอทำจริง คิดหัวแทบระเบิด
? คือช่วงนั้นชีวิตมันคิดไม่ออกจริง ๆ ว่ามีอะไรดี ๆ ในชีวิต มันมองไม่เห็น ไม่รู้สึก แต่ต้องเค้นมันออกมาค่ะ จำได้มักเขียนว่า "ยังมีชีวิตอยู่" คือเรื่องดี "ร่างกายยังเคลื่อนไหวใช้งานได้อยู่" มีอาหารให้กิน มีบ้านให้อยู่ ทำนองนี้ และเมื่อเราต้องเขียนทุกวัน จึงทำให้รู้สึกว่าเราจะตั้งใจมองหาเรื่องดี ๆ เพื่อมาเขียนบันทึก และ "เมื่อเรามองหา เราจะเริ่มมองเห็น" ค่ะ แม่ดาวทำต่อเนื่องเป็นเดือน ๆ นะคะ ไม่ใช่เขียน 7 วันเลิก ปัจจุบันไม่ได้เขียนแบบนี้แล้วค่ะ มันรู้สึกได้จริง ๆ ว่าแต่ละวัน มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นเสมอ ๆ แม้เรื่องเล็ก ๆ เราก็จะมองเห็นและรู้สึกถึงพลังที่ยิ่งใหญ่ได้
+
7. การเสพสื่อดี ๆ ที่ส่งผลต่อพลังชีวิตด้านบวก แม่ดาวงดการดูข่าวในช่วงแรก ๆ ที่ฝึก ดูทีไร ใจ บ่ ดี เลือกติดตามเพจดี ๆ ที่จะทำให้เรามีพลังชีวิตดี ๆ ซื้อหนังสือดี ๆ ที่ส่งเสริมความคิดดี ๆ ให้ตัวเองและอ่านด้วยนะคะ มิใช่ซื้อแล้ววางไว้ มันไม่ซึมซับดูดซึมผ่านการสัมผัสนะเออ
+
8. การคบเพื่อนก็มีส่วนสำคัญต่อพลังชีวิตบวก ๆ ของเรานะคะ ในส่วนของครอบครัวนั้น อันนี้ต้องยอมรับ เรียนรุ้ที่จะอยู่อย่างไรให้เป็นสุขเนาะ แม่ดาวโชคดีที่ไม่ค่อยมีเพื่อนคบ?(แบบต้องพบหน้าพูดคุยกันบ่อยๆ) ด้วยความเป็นแม่บ้าน เลยได้มีโอกาสเป็นเพื่อนกับตัวเองได้มากขึ้น
+
9. คนบันดาลใจ ให้คิดบวก แม่ดาวจะมีต้นแบบในดวงใจของตัวเอง ที่เราศรัทธาและชื่นชม และพยายามเอาเขามาสิงร่างตัวเองบ่อย ๆ เท่าที่ทำได้ เช่น ในสถานการณ์นี้ ถ้าเป็น อ.ประมวล เพ็งจันทร์ ท่านจะคิด พูด ทำอย่างไร ซึ่งแม่ดาวก็มีต้นแบบหลายคนนะคะ
+
10.มองความคิดลบในแง่ดี กับเรื่องความคิดลบนั้น มองดีๆ บางความคิดก็มีประโยชน์นะคะ แค่เราเห็นประโยชน์ แล้วนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น ตอนลูกเข้าโรงเรียน แม่ดาวกังวลเรื่อง การกระทำอนาจาร หรือความรุนแรงในโรงเรียน แม่ดาวจึงสอนลูกให้เรียนรู้ที่จะดูแลตัวเอง และติดตามผล หรือ กลัวจะเกิดอันตรายเวลาขับรถไปคนเดียวลำพัง ก็จะระวังตัวมากขึ้น (แต่มิใช่ระแวงจนเกินเหตุ) ซึ่งไม่ว่าความคิดบวก หรือลบ หากคิดแล้วไม่เป็นประโยชน์ ก็วางมันลงเถอะ+++สมองคนเรานั้นไม่สามารถคิดอะไรได้ นอกเหนือจากสิ่งที่เราเคยได้เห็น ได้ยิน ได้สัมผัสมา ดังนั้นอย่าแปลกใจที่เราคิดอะไรบวก ๆ ไม่ค่อยออก แม่ดาวหลับตาและนึกย้อนไป คนแวดล้อมตัวเราไม่เห็นใครสักคนที่เป็นคนพลังบวกต้นแบบ มารู้จัก มองเห็น ก็ตอนที่มองหาตอนมีลูกแล้วนี่แหละ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่า "ไม้แก่ ยังแกะสลักได้สวยงามอยู่" แม้ดัดไม่ได้แล้ว
?
+++
รักตัวเอง อย่ารักกิเลสตัวเองนะคะ แม่ดาวเองก็ยังต้องซ่อมและสร้างนิสัยที่ดี ๆ อีกเยอะ เพราะมีนิสัยเสียอยู่แยะ เราแค่รู้จักตัวเองให้ดีพอ รักตัวเองให้เป็น และค่อย ๆ ดูแลพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ เพื่อตัวเอง เพื่อลูก เพื่อครอบครัว เพื่อสังคม เพื่อโลกใบนี้
+++
ข้อความเหล่านี้อาจมีประโยชน์ หรืออาจไม่มีประโยชน์ก็เป็นได้
? ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้อ่านค่ะ ว่าจะอ่านแล้วผ่านไป หรือจะลองนำมาใช้กันดูอย่างต่อเนื่องสักระยะ สำหรับแม่ดาวแล้วแค่ได้พิมพ์ ก็อิ่มใจแล้วค่ะ และหากท่านใดมีวิธีการดี ๆ ที่น่าสนใจนำมาแบ่งปันกันได้นะคะ อยากอ่านเผื่อจะลอกเรียนแบบไปใช้บ้าง
ความเห็น (3)
ขอบคุณมากมายเลยค่ะ ที่ให้ข้อคิดฝึกจิตให้สร้างพลังทางบวก บางเรื่องอาจจะยากเกินจะสร้างได้ แต่คงไม่เกินความพยายาม ถ้าเราตั้งใจจริง ใช่มั๊ยคะ
บางเรื่องอาจยาก แต่ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถมนุษย์ค่ะ ขอให้มีศรัทธาต่อตนเอง และหมั่นเติมพลังใจ พัฒนา "สติ"ให้แข็งแรงมากพอที่จะทำให้เราสามารถที่จะนำความรู้มาใช้ได้จริง มีหลายครั้งที่ไม่ใช่เราไม่รู้ว่าควรคิด ควรทำอย่างไร แต่เราไม่อาจเลือกความคิดหรือการกระทำที่ดีได้ ณ ขณะนั้น เพราะขาดสติ ขอพลังจงอยู่กับคุณสวิตตา นะคะ
สวิตตา ศรีเมือง
จะนำคำแนะนำของแม่ดาวไปฝึกปฏิบัติดูนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ