วันที่21 กันยายน ผมได้เดินทางไปกราบพระบรมศพฯอีกรอบโดยเริ่มเดินจากจุดแรกตรงทางเข้าหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ต่อแถวตั้งแต่บ่าย 3 โมงเดินเป็นขบวนตามแนวซุ้มทางเดินที่เขากำหนดไว้ ขบวนค่อยๆขยับไปทีละน้อย กว่าจะเคลื่อนแต่ละครั้งได้ก็ใช้เวลานานทีเดียว ขบวนยืนกันแทบไม่เป็นแถว เบียดเสียดกันแต่ก็อารีอารอบกัน ทุกตนต่างมุ่งมั่นไปสู่จุดหมาย ... ขบวนค่อยๆขยับไปทีละน้อยอย่างช้าๆ ตรงไปจนถึง ศาลหลักเมือง แล้วยูเทิร์นกลับไปตามขอบสนามหลวง และวกกลับไปทางโรงแรมรัตนโกสินทร์อีกครั้ง แล้วจึงได้เข้าในสนามหลวง เข้าไปแล้วต้องเดินยูเทิร์นเดินวกกลับไปกลับมาในระยะทางที่ไกลมากอีก 2 รอบ จึงได้เข้าทางตรงตลอดทางไม่ได้นั่งกันเลย ช่วงแรกอากาศร้อนจัดมาก พอตกเย็นฝนก็ตกหนัก สาดเข้ามาในเต๊น น้ำไหลนองพื้น ขบวนต้องหยุดเป็นชั่วโมง และหยุดยาวเป็นระยะๆอีก
... หลัง 3 ทุ่มที่เขาปิดไม่ให้เข้าผมมองออกไปยังเห็นคลื่นประชาชนคนที่มาต่อคิวหลัง 3 ทุ่ม ที่อยู่ขอบนอกสนามหลวง และไม่ได้เข้าในคืนนี้เยอะมากๆ(ทราบว่าเขาจะรอจนกว่าจะได้เข้าในวันรุ่งขึ้น) ผมเชื่อว่าทั่วโลกคงไม่มีประชาชนชาติใดที่จะมีความรักและเทิดทูนผู้นำของเขาด้วยความรักและศรัทธาอย่างจริงใจเทียบเท่ากับคนไทยที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเราอย่างแน่นอน ทราบว่าหลายคนเดินทางมากราบพระบรมศพกันหลายรอบแล้วด้วย ...
ในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อของผมก็บรรลุผล ผมได้ขึ้นไปกราบพระบรมศพฯในเวลาเที่ยงคืน(ตรง)พอดี รวมเวลาตั้งแต่จุดเริ่มต้น บ่าย 3โมง จนถึงเวลาได้เข้าไปกราบพระบรมศพ ร.9 เป็นเวลา 9 ชั่วโมงพอดี (9/9)เหนื่อยสุดๆ แต่ก็สุขใจสุดๆเลยครับ...
9 ชั่วโมงที่ผ่านมา นับเป็นช่วงเวลาอันดียิ่งในการฝึกจิตให้รับรู้ถึงเวทนา(ความรู้สึก)ที่เกิดขึ้นกับร่างกายตลอดเวลา โดยได้เห็นทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นชัดเจนมาก แล้วดูความรู้สึกนั้นไปเฉยๆ(วางอุเบกขา) โดยไม่ไปปรุงแต่งกับมัน ได้เห็นการเกิดการดับตามกฏธรรมชาติชัดเจนขึ้น ยังรู้สึกว่าเจ็บปวดอยู่นะ แต่ก็พออยู่กับมันได้จน 9 ชั่วโมงผ่านไปโดยไม่ทุกข์ทรมานกับมันมากนัก ...หลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์เป็นวิทยาศาสตร์ มหัศจรรย์ และวิเศษที่สุดจริงๆครับ
บุญถึงมาชื่นชมครับ
สาธุๆๆ