ปลูก“ผักไร้สาร”ที่บ้านแม่อาว สร้างอาหารปลอดภัยคู่ครัวเรือน​



จากการสำรวจข้อมูลด้านสาธารณสุข พบว่าโรคภัยต่างๆ กำลังคุกคามชาวบ้านแม่อาว ต.ยางคราม อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นความดัน เบาหวาน ไขมันในเส้นเลือดสูง หรือมะเร็ง ทำให้แกนนำชาวบ้านบางคนเริ่มตื่นตัว และเล็งเห็นว่าพืชผักที่ชาวบ้านนำมารับประทานไม่มีความปลอดภัย เพราะส่วนใหญ่ซื้อจากตลาด ทำให้มีสารเคมีปนเปื้อนสูง

            ข้อมูลดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจาก รจนา ยี่บัว ประธานแม่บ้านแม่อาว ว่าสาเหตุมาจากพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป นำมาซึ่งโรคภัยต่างๆ จึงช่วยกันรณรงค์ในหมู่บ้านให้หันมารับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อย่างเช่น ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกระบุว่าต้องบริโภคผักผลไม้วันละ 400-600 กรัม จึงจะสามารถลดภาระโรคต่างๆ ได้แก่ หัวใจขาดเลือด เส้นเลือดในสมองตีบ ลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตจากมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งปอด  มะเร็งลำไส้ใหญ่ จึงกำหนดการบริโภคผัก ผลไม้อย่างน้อย 400 กรัมต่อคนต่อวันเพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ

            อย่างไรก็ตามการบริโภคผัก ก็อาจจะไม่ปลอดภัย เพราะพืชผักที่ขายในท้องตลาดส่วนใหญ่ ล้วนมีสารเคมีเจือปน หากรับประทานเข้าไปมากๆ แทนที่จะได้ประโยชน์อาจจะได้รับโทษกลับมาแทน เหตุนี้ทางชาวบ้านแม่อาวจึงขอรับการสนับสนุนจากสำนักสร้างสรรค์โอากาสและนวัตกรรม (สำนัก 6) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทำโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตและบริโภคผักปลอดภัยในครัวเรือน ชุมชนบ้านแม่อาว เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกผักและบริโภคอาหารที่ปลอดภัย

         


   “การปลูกผักกินเอง ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก หลายคนอาจมองว่าการซื้อผักมากินง่ายกว่า จริงๆ แล้วการที่เราปลูกผักไว้กินเองง่ายกว่า จะกินเมื่อไหร่ก็ไปเด็ดสดๆ ได้เลย พอผลผลิตได้เยอะเหลือกินก็แบ่งปันกันไป เกิดวิถีชีวิตของคนในชุมชน เครือญาติมีการเกื้อกูลกัน ชาวบ้านก็เกิดความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ใครอยากได้ผักอะไร รู้ว่าบ้านไหนปลูกก็ไปขอเก็บกินได้” รจนา อธิบาย

            เธอบอกว่า แม้ตอนนี้โครงการจะจบไปแล้ว แต่ยังรู้สึกภูมิใจที่ได้นำโครงการจาก สสส.เข้ามาทำในชุมชน แม้จะไม่ใช่งบประมาณก้อนใหญ่ แต่กลับได้รับอะไรมากมาย นอกเหนือจากสุขภาพที่ดีขึ้น ประหยัดรายจ่ายแล้ว ยังเกิดความร่วมมือของคนในชุมชน เกิดการรวมกลุ่มทำกิจกรรมต่างๆ เช่น กลุ่มทำไม้กวาด กลุ่มเลี้ยงไก่ ชาวบ้านไม่ได้หยุดอยู่กับที่

     

       ขณะที่ จำเนียน ใจยา สมาชิกโครงการ เล่าเสริมว่า โดยส่วนตัวประกอบอาชีพแม่ค้า เมื่อก่อนไปซื้อผักจากตลาดมาขาย ก็มองเห็นว่าชุมชนมีปัญหาสุขภาพของชาวบ้านไม่ค่อยดี กำไรก็น้อย ไม่พอใช้ พอมีโครงการปลูกผักปลอดสารเข้ามา ก็ถูกแกนนำชุมชนถามว่าจะเข้าร่วมไหม พร้อมทั้งชี้ให้เห็นว่าที่ผ่านมา ชาวบ้านบริโภคผักปนเปื้อนสารพิษทั้งนั้น โครงการนี้จะช่วยส่งเสริมให้ชาวบ้านและกินอาหารและพืชผักที่ปลอดภัย จึงได้คิดว่าถ้าเราขายผักที่ปลอดภัยให้ลูกค้า ทั้งตัวเราและลูกค้าที่เป็นผู้บริโภคก็จะปลอดภัยด้วย

          

  “แต่ละบ้านปลูกผักแตกต่างกันไปแล้วแต่ความชอบและความต้องการของแต่ละครัวเรือน พอได้ผลผลิตมากก็นำมาแลกเปลี่ยนกัน เหลือกินก็แบ่งขาย เรียกว่าทำโครงการนี้แล้วสบายใจ สุขภาพก็ดีขึ้น ไม่เจ็บป่วย เงินทองไม่ขาดมือ มีไว้จับจ่ายตลอด เพราะเราปลูกเองขายเอง ลดต้นทุนได้เยอะ  ตื่นเช้าสามีก็เข้าไปดูสวน มืดค่ำจึงจะกลับบ้าน แตกต่างจากเมื่อก่อนที่ตื่นเช้าต่างคนต่างไปทำงาน คนละทิศละทาง สามีไปรับจ้างสร้างบ้าน ไม่มีเวลาทำงานร่วมกัน คุยกันก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่เดี๋ยวนี้มีอะไรก็ปรึกษากัน ว่าเราจะปลูกอะไรก่อน อะไรหลัง ทำแล้วมีความสุขกาย สบายใจ” สมาชิกโครงการรายเดิม กล่าว

          ปัจจุบันชุมชนบ้านแม่อาว กลายเป็นหมู่บ้านต้นแบบใน ต.ยางคราม เป็นที่สนใจของหมู่บ้านใกล้เคียง และนำแนวคิดไปเขียนโครงการขอกองทุนท้องถิ่น จนได้รับการสนับสนุนจากกองทุนหลักประกันสุขภาพ ต.ยางคราม 10,000 บาท มีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 80 ครัวเรือน จากทั้งหมู่บ้าน 115 ครัวเรือน โดย 1 ครัวเรือนทำเป็นอาชีพเกษตรอินทรีย์ 15 ครัวเรือนเหลือกินแล้วแบ่งขาย 80 ครัวเรือน ที่เหลือปลูกผักปลอดสารไว้บริโภคเองภายในครัวเรือน


หมายเลขบันทึก: 636339เขียนเมื่อ 11 กันยายน 2017 14:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กันยายน 2017 14:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ยินดีด้วยที่สนใจปลูกผัก ทั้งปลูกขายและปลูกกินเอง ถ้าจะให้เป็นเรื่องสร้างเสริมสุขภาพต้องหาทางกินผัก (รวมถึงผลไม้ด้วย) ให้ได้วันละ 400 กรัม (4 ขีด) จะได้โรคภัยน้อยและอายุยืน 

อำนาจ ศรีรัตนบัลล์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท