การจะฝึกฝนอะไรให้เกิดเป็นนิสัยที่ถาวรกับเด็กนั้น
คงยากนักที่จะบอก หรือสอนกันเพียงครั้งหรือสองครั้ง
เพราะ หากไม่มีการสอนซ้ำย้ำเตือนกันอย่างชนิดที่เรียกว่า.....
" ปากเปียกปากแฉะ" หรือ " ปากแทบจะฉีกถึงใบหู" นั่นแล้ว
หรือถ้าถึงขนาดนั้นแล้ว ครูหยุดหรือไม่มีการต่อเนื่องอย่างจริงจัง
ด้วยแล้ว...ก็อย่าหมายว่าจะเห็นผลอันเป็น " นิสัยที่ถาวร"
ฉะน้้นแล้วไซร้... คำว่า " ครู" จึงถูกต้องแล้วกับความหมาย
ที่...แปลว่า " หนัก" ( หนาสาหัส....จริง ๆ )
เมื่อปีการศึกษาที่แล้ว คุณมะเดื่อไปช่วยดูแลนักเรียน ป.๔ อยู่สองสามเดือน ( เพราะครูประจำชั้น
สอบ เป็น ผอ.ได้) คุณมะเดื่อได้จัดระเบียบในการวางรองเท้าที่หน้าระเบียงห้องเรียน
โดยอธิบายและทำให้ดูว่าควรจะวางส้นรองเท้าให้ชิดเส้นขอบกระเบื้อง
ที่เป็นเส้นครงอยู่แล้ว รองเท้าก็จะเป็นระเบียบเรียบร้อยเสมอกัน
จากนั้นก็สังเกตการวางรองเท้าของนักเรียนทุกวัน เมือ่นักเรียนเห็นว่า
คุณมะเดื่อคอยมองดูอยู่ก็จะวางได้อย่างที่คุณมะเดื่อสอนไว้
แต่หากวันไหนคุณมะเดื่อไม่ได้ไปดู ก็จะมีนักเรียนบางคนที่
วางอย่างไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่คุณมะเดื่อสอน และจะเป็นแบบนี้
เสมอ แต่ส่วนใหญ่เด็กก็จะวางรองเท้าได้อย่างเป็นระเบียบ
ถึงแม้ว่า คุณมะเดื่อจะไม่ได้ไปดูแล
ปีนี้ นักเรียนขึ้นไปอยู่ชั้น ป.๕ การเข้มงวดกับระเบียบเรื่องการวางรองเท้า
ไม่ต่อเนื่องจึง.....หาระเบียบไม่ได้ ในชั้น ป.๕
คุณมะเดื่อดำเนินการในเรื่องนี้กับนักเรียนชั้น ป.๔ ที่ขึ้นมาใหม่
กับนักเรียนทุกชั้นที่เข้าไปรับประทานอาหารเที่ยง
ที่โรงอาหาร ดำเนินการมาพร้อม ๆ กับเรื่องของถาดหลุม
ซึ่่งแต่เดิม นักเรียนจะ วางรองเท้ากันระเกะระกะ จะเรียกว่า " เป็นกอง"
ก็ว่าได้ หาระเบียบไม่เจอเลย ทำให้เกิดปัญหา " รองเท้าสับเปลี่ยนกัน"
ยิงถ้าหากวันไหนฝนตกด้วยแล้ว รองเท้าเปียกทั้งฝน เลอะทั้งดินโคลน
วางเป็นกองทับ ๆ กัน เป็นภาพที่ไม่ดูอย่างยิ่ง
เมื่อมีการจัดระเบียบแถวของการวางรองเท้าแล้ว ความเรียบร้อยสวยงาม ความเป็นระเบียบ
ก็จะเกิดขึ้น คุณมะเดื่อให้นักเรียนวางรองเท้าเป็นแถว ๆ ละชั้น คือ นักเรียนชั้นใด
ลงมารับประทานอาหารก่อน ก็วางรองเท้าเป็นแถวแรก ชั้นอื่น ๆ ก็วางแถวต่อ ๆ ไป
วันนี้เป็นวันที่ ๒ ของการจัดระเบียบรองเท้า เห็นได้ว่า นักเรียนชั้น ป.๔ - ป.๖
จะไม่มีปัญหาในการวางรองเท้า แต่สำหรับนักเรียนชัน ป.๑ - ป.๓ ยังสับสน
ไม่สังเกตการวางรองเท้าของชั้นพี่ ๆ ยังวางตามใจตนเอง ปะปนกับชั้น อื่น ๆ
คุณมะเดื่อต้องยืนกำกับการวางตลอดเวลา
จากการจัดระเบียบทั้งการวางรองเท้า และการใช้ถาดหลุม ทำให้เห็นได้ชัดเจน
ของการอบรมบ่มนิสัย ที่แตกต่างกันระหว่างเด็กเล็ก และเด็กโต
หากเราได้อบรมให้เด็กเกิดระเบียบ วินัย รักความสะอาด รักความเป็นระเบียบ
ตั้งแต่เล็ก ๆ หรือในชั้นต้น ๆ เด็กก็จะติดนิสัยไปจนโต
แต่หากเด็กไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน หรือฝึกหัดมาตั้งแต่ต้น
ก็จะยากที่จะทำให้เด็กเกิดจิตสำนึกในเรื่องของระเบียบวินัย
ที่สำคัญ ครูจะต้องไม่ปล่อยวาง ไม่ห่างเหิน ไม่เบื่อระอา
ที่จะกวดขันอย่างต่อเนื่อง อย่างจริงจัง จึงจะเห็นผล
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง " ครูทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเดียวกัน"
คือต้องกวดขันเด็ก ๆ ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
มิใช่ว่า ยกให้เป็นเรื่องของครูคนใดคนหนึ่งเท่านั้น
มิฉะนั้นแล้ว เด็กก็ทำเฉพาะเมื่อครูคนนั้นอยู่
เท่านั้น......ซึ่งเหตุการณ์ " เลือกปฏิบัติ" แบบนี้
เกิดขึ้นเสมอที่โรงเรียนของคุณมะเดื่อ
ซึ่งจะพูดถึงในบันทึกต่อไป
พรุ่งนี้ คุณมะเดื่อจะเขียนป้ายติดพื้นสำหรับวางรองเท้าของแต่ละชั้นเรียน
เพื่อแก้ปัญหาความไม่ใส่ใจในการวางรองเท้าของเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ
และคงต้องควบคุมการวางรองเท้า ไปอีกสักระยะหนึ่ง
เท่าที่เห็นวันนี้ ก็พอใจในระดับหนึ่งแล้ว เด็ก ๆ เริ่มมีระเบียบ
เริ่มรู้จักว่าจะต้องทำอะไร ทำแบบไหน คาดว่า ต่อไปคงดีขึ้นกว่านี้
ยังมีอีกหลายปัญหาที่จะต้องแก้ไข ซึ่งเป็นเรื่องไม่ยาก
หากครูใส่ใจจริง ๆ
เรื่องง่ายที่มองผ่าน เมื่อนำมาจัดการ เกิดเป็นนิสสัยดี
Building good habits is hard! Especially, when that habit is not 'hip' or 'exciting'.
It took me a long time to build the meditation habit because meditation is cool and peaceful - compare that to computer games. ;-)
หวัดดีจ้ะลุงวอ
บางทีเรื่องง่าย ๆ เราก็มองว่ามันยาก
เมื่อไม่ได้คิดไตร่ตรอง เพื่อมองหาวิธีการ
ที่จะทำ และที่สำคัญ ได้แต่คิด แต่ไม่ได้ทำ
นั่นล่ะจ้ะ ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจจ้ะ
สวัสดีจ้ะท่านอาจารย์ sr
ด้วยความเป็นจริงที่ว่า จิตสำนึกที่ดี
หากเกิดขึ้นเองในจิตใจของคน ย่อมถูกต้อง
และถาวร... แต่ก็นั่นแหละจ้ะ ปัจจัยหนึ่งที่ส่งผล
ให้เกิดจิตสำนึกที่ดี..โดยเฉพาะกับเด็ก ๆ ก็คือ
" การอบรมบ่มนิสัย การสั่งสอน การชี้นำ" นั่นเอง
ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจจ้ะ
หวัดดีจ้ะน้องเพชร
เมนู " กล้วย ๆ " สุดยอด
น่าหม่ำจ้ะ ขอบสำหรับกำลังใจจ้ะ