ความตระหนักและความรู้ตัว


11 ความตระหนักและความรู้ตัว


ถาม ตอนที่ท่านหลับ ท่านทำอะไร

ตอบ ฉันตระหนักว่ากำลังหลับ


ถาม แล้วการหลับไม่ใช่สภาวะของการไม่รู้ตัวหรอกหรือ?

ตอบ ใช่ และฉันก็ตระหนักถึงการไม่รู้ตัว


ถาม และเมื่อท่านตืน หรือฝันล่ะ?

ตอบ ฉันก็ตระหนักว่ากำลังตื่น หรือกำลังฝัน


ถาม ผมไม่เข้าใจ ท่านหมายความว่ายังไง?

ผมทวนความหมายอีกครั้งนะครับ การหลับ หมายถึงการไม่รู้ตัว

การตื่น หมายถึงการรู้ตัว

การฝัน หมายถึงการรู้ถึงใจของตน แต่ไม่รู้สิ่งแวดล้อม

ตอบ แต่สำหรับฉัน ทุกอย่างมีความหมายเหมือนกัน แต่มันก็อาจมีความแตกต่างกัน

สำหรับเธอ ขณะกำลังอยู่ในแต่ละสภาวะหนึ่ง เธอจะลืมสภาวะอื่น

แต่สำหรับฉัน การดำรงอยู่มีเพียงสภาวะเดียวเท่านั้น ซึ่งรวมเอาทั้งการตื่น การฝัน และการหลับไว้ภายใน


ถาม ท่านมองเห็นทิศทางและวัตถุประสงค์ของการอยู่ในโลกนี้หรือไม่?

ตอบ โลกเป็นเพียงภาพสะท้อนของจินตนาการของฉัน

ฉันเห็นทุกอย่างที่ฉันอยากเห็น

แต่ทำไมฉันต้องคิดค้นรูปแบบของการสร้าง ของวิวัฒนาการ และการทำลาย ด้วยเล่า?

ฉันไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้น และไม่ต้องการล็อคโลกไว้ในภาพทางใจ


ถาม กลับมาเรื่องการหลับ ท่านฝันไหม?

ตอบ ฝ้นสิ


ถาม ท่านฝันถึงอะไร?

ตอบ เสียงสะท้อนของสภาวะตื่น


ถาม และเมื่อท่านหลับลึกล่ะ?

ตอบ การรู้ตัวของสมองจะระงับลง


ถาม แล้วท่านก็ไม่รู้ตัวใช่ไหม?

ตอบ ไม่รู้ถึงสิ่งแวดล้อม – ใช่


ถาม แต่ไม่ใช่ไม่รู้ตัวใช่ไหม?

ตอบ ฉันยังคงตระหนักว่าฉันไม่รู้ตัว


ถาม ท่านใช้คำว่า “ตระหนัก” และ “รู้ตัว”

ทั้งสองคำนี้ไม่เหมือนกันหรือ?

ตอบ การตระหนักคือแก่น มันคือสภาวะดั้งเดิมแท้ ปราศจากการเริ่มต้น ไม่มีที่สิ้นสุด

ไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย ไม่มีส่วนประกอบ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

การรู้ตัว มีการสัมผัส เป็นภาพสะท้อนบนพื้นผิว เป็นสภาวะที่เป็นของคู่

การรู้ตัวจะเกิดไม่ได้ ถ้าไม่มีการตระหนัก

แต่การตระหนักมีได้โดยไม่มีการรู้ตัว เช่นในสภาวะหลับลึก

การตระหนัก เป็นความสมบูรณ์

การรู้ตัว ขึ้นอยู่กับเนื้อหาของมัน

ความรู้ตัว เป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งเสมอ

การรู้ตัว เป็นบางส่วน และเปลี่ยนแปลง

การตระหนัก เป็นทั้งหมด ไม่เปลี่ยนแปลง สงบ และเงียบ

และมันเป็นบ่อเกิดของทุกประสบการณ์


ถาม แล้วเราจะออกจากความรู้ตัวไปหาความตระหนักได้อย่างไร

ตอบ เพราะการตระหนักมีอยู่ จึงทำให้การรู้ตัวเกิดขึ้นได้

มันมีการตระหนักอยู่ในทุกสภาวะของการรู้ตัว

ดังนั้น การรู้ตัวถึงการรู้ตัวก็เป็นความเคลื่อนไหวในความตระหนักอยู่แล้ว

การให้ความสนใจต่อการรู้ตัวที่ต่อเนื่อง จะนำเธอไปสู่การตระหนัก

มันไม่ใช่สภาวะที่เกิดขึ้นใหม่

จะเกิดการยอมรับขึ้นทันทีว่า มันคือความดั้งเดิม คือการดำรงอยู่พื้นฐาน ซึ่งก็คือชีวิตนั่นเอง

และมันคือความรัก และความเบิกบาน


ถาม เมื่อความจริงอยู่กับเราตลอดเวลา แล้วการเข้าถึงธรรมชาติเดิมแท้ประกอบด้วยอะไรฦ

ตอบ การเข้าถึง – Realisation – เป็นสิ่งตรงข้ามกับความโง่

ความโง่ คือการคิดว่าโลกมีอยู่จริง และตัวเองไม่มีอยู่จริง

นั่นคือเหตุแห่งทุกข์

การรู้ว่าตนคือความจริงแท้ ทุกสิ่งนอกนั้นล้วนมีอยู่ชั่วขณะและชั่วคราว

การรู้เช่นนี้คืออิสรภาพ สันติ และเบิกบาน

ง่ายๆ แค่นี้เอง

แทนที่จะมองว่าทุกอย่างเป็นจินตนาการ

จงเรียนรู้ที่จะเห็นมันอย่างที่มันเป็น

เหมือนการทำความสะอาดกระจก

กระจกใบที่ทำให้คุณเห็นโลกอย่างที่มันเป็น

ก็เป็นใบเดียวกันกับที่ทำให้คุณมองเห็นหน้าตัวเอง

คำว่า “ฉันเป็น” เป็นเหมือนผ้าเช็ดกระจก

จงใช้มัน


ศรี นิสาร์กะทัตตะ มหาราช

“I AM THAT”

หมายเลขบันทึก: 630722เขียนเมื่อ 5 กรกฎาคม 2017 15:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 กรกฎาคม 2017 15:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท