วิกฤตการณ์การเงินของโลก และการเตรียมตัววิกฤติทางสงคราม

ที่มารูปภาพ : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1...

เพื่อนๆ หลายคนคงจะทราบกันดีว่า จากวิกฤติต้มยำกุ้งที่เกิดขึ้นในเอเชีย และวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ผ่านมานั้น ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไปทั่วเศรษฐกิจโลกในแง่มุมต่างๆ ที่แสดงอาการอย่างชัดเจนถึงปัญหาการฟื้นตัวที่อ่อนแอ รวมถึงปัญหาทุนไหลออกจากประเทศตลาดเกิดใหม่ และมีผลกระทบต่อด้านอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งก็ตามมาด้วยคำถามที่ว่าในอนาคตจะยังเกิดวิกฤติแบบนี้ได้อีกหรือไม่ และอาจารย์ของผมก็ได้ให้คำถามมาหนึ่งเรื่องนั่นก็คือ “วิกฤตการเงินโลกในอนาคตมีแนวโน้มรุนแรงกว่าเดิมหรือไม่ เพราะอะไรจึงคิดเช่นนั้น” จากคำถามที่อาจารย์ได้ให้ผมมานั้น ผมคิดว่ามีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้แน่นอนครับ เพราะว่า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศยักษ์ใหญ่ เช่น สหรัฐอเมริกาที่ไม่มีท่าจะดีขึ้น และยังเกิดการแข่งขันของสหรัฐกับจีน ที่มุ่งจะเป็นประเทศมหาอำนาจทางด้านเศรษฐกิจอีกด้วย และประเทศต่างๆเริ่มมีการกีดกันทางการค้าที่มากขึ้น ซึ่งจากข่าวที่ผมได้ศึกษามา IMF ก็ได้ออกมาเตือนว่าการกีดกันทางการค้าของแต่ละประเทศจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกไม่มีความเสถียรภาพ ทั้งนี้ทำให้ผมคิดว่าอาจก่อให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจที่อาจจะลุกลามไปทั่วโลก และวิกฤติในครั้งนี้อาจจะรุนแรงมากกว่าที่ผ่านมาก็ได้ครับ

ซึ่งการเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆไม่ได้มีเพียงแค่การค้าระหว่างประเทศเท่านั้น การทำสงครามของแต่ละประเทศก็สามารถทำให้เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจได้เหมือนกัน ซึ่งจากข่าวที่ผ่านมาสหรัฐก็ได้มีการทำสงครามกับเกาหลีเหนือและมีจีนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องอีกด้วย ซึ่งก็ทำให้ประเทศต่างๆมีความเสียหายและส่งผลกระทบรุนแรงอย่ามาก ผลกระทบที่ตามมาจากสงครามในท้ายที่สุดก็คงไม่พ้นเรื่องของเศรษฐกิจอยู่ดี เช่น ราคาหุ้นต่างประเทศที่ตกลงอย่างรุนแรงและเกิดการไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันในท้ายที่สุด ซึ่งการรับมือจากปัญหาสงครามนั้นก็คงต้องคอยติดตามและหาแนวทางแก้ไขและปรึกษากันอยู่เสมอ เพื่อเป็นการป้องกันวิกฤติที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำสงครามครับ

ซึ่งในความคิดของผมการทำสงครามนั้น ไม่ได้ก่อประโยชน์อะไรเลยครับ มีแต่ผลเสียเสียด้วยซ้ำ ซึ่งเพราะสงครามจะยืดเยื้อแล้ว ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกก็ยิ่งจะรุนแรงมากขึ้นอีกด้วย