๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ เวลา ๘.๒๐ - ๑๒.๐๐ น. ดร. กวิชช์ พาเดินชมบริเวณวัด มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นและจัดบริเวณสวยงาม พื้นที่กว้างขวาง ส่วนหนึ่งเป็นสวนผักที่ภิกษุณีทำหน้าที่ชาวสวน ปลูกผักอินทรีย์ไว้กินเอง
เนื่องจากด้านหลังเป็นทิวเขา ภาพทิวทัศน์ของที่นี่จึงสวยงามมาก ระหว่างที่เรากำลังเดินชม ถ่ายรูป และฟังคำอธิบายของ ดร. กวิชช์ ก็มีภิกษุณีสูงอายุร่างเล็กหน้าตาใจดี เดิน (จริงๆ คือวิ่ง) มาทักทาย และแจกของที่ระลึก และเมื่อได้โอกาสก็แฝงคำพูดเชิงสอนธรรมะง่ายๆ สำหรับฆราวาส ซึ่งก็คือธรรมะแนวฉือจี้ ให้คนรักกัน มีเมตตากรุณาต่อกัน
เราเดินผ่านโรงงานทำเทียนที่เมื่อจุดไม่มีควัน เพราะใช้ใส้พิเศษ และโรงงานเครื่อง porcelain ที่ภิกษุณีทำงานหารายได้เลี้ยงตนเอง เพราะวัดไม่รับเงินจากมูลนิธิ
แล้วเดินผ่านถนนที่ร่มรื่น ระยะทางราวๆ ๔๐๐ เมตร ผ่านทุ่งดอกม่วงที่สวยงาม ไปขึ้นรถไปยังศาลาจิ้งซือ ซึ่งเป็นคล้ายๆ พิพิธภัณฑ์ และสถานที่เรียนธรรมะของคนทั่วไป
ศาลาจิ้งซือใหญ่โตและสง่างามมาก เป็นสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะฉือจี้ คือผนังฉาบหินซัดสีเทา เสากลมขนาดใหญ่มาก หลังคาโค้ง และมีสัญญลักษณ์ฉื้อจี้ตามที่ต่างๆ ภายในมีห้องมากมาย มีส่วนนิทรรศการเรื่องราวผลงานของฉือจี้ ในการไปช่วยเหลือภัยพิบัติทั่วโลก และช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ในไต้หวัน เป็นเรื่องราวของการกระทำที่สะท้อนเมตตากรุณา
เรากินอาหารเที่ยง เรียนรู้พิธีชงชา และพิธีจัดดอกไม้ที่อาคารนี้ ซึ่งอยู่ติดกับโรงพยาบาล ภายใต้หลักการว่า โรงพยาบาลให้บริการสุขภาพทางกาย ศาลาจิ้งซือให้บริการสุขภาพทางวิญญาณ
วิจารณ์ พานิช
๑๗ ก.พ. ๖๐
ห้อง ๗๒๕ โรงแรม Chateau de Chine, ไทเป
ปรับปรุง ๖ มีนาคม ๒๕๖๐
3 ทางเดินชมบริเวณวัด
5 ระหว่างเดินชมบริเวณ ภิกษุณีมาแจกของแฝงธรรมะระดับฆราวาสธรรม
8 ผลิตภัณฑ์ของโรงงาน porcelain
11 เดินชมโปสเตอร์และฟังคำอธิบายกิจกรรมและหลักธรรมของฉือจี้
12 คุณหญิงชฎา เล่าเป้าหมายการไปเยือนในห้องประชุม
13 ห้องโถงภายในศาลาจิ้งซือ
17 ถ่ายจากสวน
18 ศาลาจิ้งซือกับโรงพยาบาลฉือจี้อยู่ติดกัน
ไม่มีความเห็น