มะเร็ง คืออะไร ?
มะเร็งเป็นเนื้องอกชนิดร้ายที่เนื้อมะเร็งมีการแทรกซึมเข้าไปในเนื้อเยื่อปกติที่อยู่โดยรอบ เป็นเซลล์ร่างกายที่มีการแบ่งตัวไม่เป็นไปตามแบบแผนอยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุม สามารถแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่นของร่างกายที่ห่างไกลออกไป และไม่ติดต่อกับก้อนมะเร็งเดิมโดยผ่านระบบน้ำเหลืองหรือกระแสเลือดมะเร็งสามารถเกิดจากเซลล์ทุกชนิดในร่างกาย ยกเว้น ขน ผม เล็บที่งอกออกมาแล้วเท่านั้น
การแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง :
1.โดยทางกระแสเลือด
2.กระแสน้ำเหลือง
3.การฝังตัวของเซลล์มะเร็ง
4.การแพร่กระจายแทรกตัวไปตามพื้นผิวกายในอวัยวะ[i]ที่เป็นมะเร็งและอวัยวะหรือเนื้อเยื่อที่อยู่ข้างเคียง
อาการบ่งชี้ว่าอาจจะเป็นมะเร็ง :
สาเหตุการเกิดมะเร็ง :
สาเหตุที่แท้จริงของโรคมะเร็งในปัจจุบันยังไม่สามารถบอกได้แน่ชัดแต่ร้อยละ 80 เกิดจากวิถีการดำรงชีวิตและสภาพแวดล้อม แต่มีข้อมูลสนับสนุนว่ามาจากสาเหตุหลายๆอย่างร่วมกัน เช่น
ระดับความรุนแรงของมะเร็ง :
ความรุนแรงแบ่งตามระยะโรค เพราะส่วนใหญ่ทางการแพทย์แบ่งแบบนี้เพื่อกำหนดการรักษาในแต่ละระยะแตกต่างกันไป ความรุนแรงของโรคมะเร็งอาจจะถือเอาอาการลุกลามของก้อนมาเป็นข้อกำหนดดังนี้
ระยะที่ 1 มะเร็งยังจำกัดอยู่ในเฉพาะบริเวณที่เป็น ยังไม่รบกวนเนื้อเยื่อข้างเคียง
ระยะที่ 2 มะเร็งลุกลามถึงเนื้อเยื่อข้างเคียง แต่ยังไม่ลามออกไปไกลเกิดกว่าอวัยวะนั้นๆ
ระยะที่ 3 มะเร็งลุกลามไปถึงต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง
ระยะที่ 4 มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆของร่างกาย
อัตราการรอดของผู้ป่วยโรคมะเร็ง :
อัตราการรอดของผู้ป่วยโรคมะเร็งขึ้นอยู่กับระยะของมะเร็งเมื่อตรวจพบ หากพบในระยะแรกการรักษามักได้ผลดี แต่เนื่องจากระยะแรกจะไม่สามารถตรวจพบในส่วนใหญ่ เมื่อพบก็มักจะเป็นระยะลุกลามและกระจายไปยังอวัยวะอื่น ทำให้อัตราการรอดชีวิตน้อยลง
การรักษาทางการแพทย์ :
เคมีบำบัดเป็นวิธีการรักษาโรคมะเร็งที่มีประสิทธิผลมากวิธีหนึ่งที่ได้ผลดีและเป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน เป็นวิธีการรักษาที่มุ่งทำลายเซลล์มะเร็ง แต่ก็ทำให้เซลล์ปกติถูกทำลายไปด้วย จึงเกิดผลข้างเคียงจากการรักษามีสุขภาวะไม่สุขสบายต่างๆได้แก่ อาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ผู้ป่วยต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานจากอาการเหล่านี้ และยังต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นความเครียดในเรื่องต่างๆตั้งแต่การรับรู้ว่าตนเป็นโรคร้ายแรง ตลอดจนการรักษาต้องใช้ระยะเวลานาน เสียค่าใช้จ่ายสูง ทำให้กระทบต่อแบบแผนการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว การทำงาน การครองชีวิตคู่ การเข้าสังคม และภาวะเศรษฐกิจของครอบครัว รวมถึงศักยภาพการดำรงชีวิตของผู้ป่วย
บทบาทการดูแลรักษาทางกิจกรรมบำบัด :
เนื่องจากผลการรักษาทางการแพทย์อาจจะทำให้กระทบต่อการดำรงชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว การทำงาน ชีวิตคู่ การเข้าสังคม รวมถึงศักยภาพการดำรงชีวิตขงผู้ป่วย ก่อให้เกิดความวิตกกังวล รู้สึกไม่แน่นอนของชีวิต จิตใจไม่สงบ สิ่งเหล่านี้กระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก ก่อให้เกิดผลกระทบต่อองค์ประกอบด้านต่างๆ ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์จิตวิญญาณ สังคมและสิ่งแวดล้อม หรือความเป็น “องค์รวม”ของผู้ป่วย โดยดูแลครอบคลุมทั้งชีวิต มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลนั้นมากกว่าการเน้นแค่ความเจ็บป่วยหรือการจัดการกับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย โดยมีปัจจัยที่สะท้อนถึงการดูแลสุขภาพ ได้แก่ ความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของบุคคล รวมทั้งให้ความหมายและเจตคติต่อโรคของผู้ป่วยด้วยการดูแลจึงเป็นไปในรูปแบบของการผสมผสานการแพทย์ระบบต่างๆเพื่อเสริมหรือชดเชยส่วนที่ระบบการแพทย์อื่นขาดไปหรือไม่สมบูรณ์ซึ่งจะส่งผลทำให้ผู้ป่วยมะเร็งสามารถดูแลตัวเองได้เพื่อสามารถตอบสนองต่อความต้องการได้ครอบคลุมเพียงพอแล้วก็จะช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี
นักกิจกรรมบำบัดควรให้ผู้ที่กำลังชีวิตกับโรคมะเร็งได้ทบทวนความสามารถของตนเองในปัจจุบัน ทำความเข้าใจถึงผลกระทบของโรคมะเร็งและแนวทางการจัดการตนเองให้ทำกิจกรรมที่มีเป้าหมายและมีความสุข เช่น แสวงหาความรู้และเปิดใจยอมรับกระบวนการดูแลตนเอง ตั้งแต่อาหาร สุขภาพ การสงวนพลังงานในการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิต และฝึกกิจกรรมเพื่อสุขภาพต่างๆ เน้นการฝึกพัฒนาจิตวิญญาณอย่างมุ่งมั่น ได้แก่ การมีสติก่อนทำกิจกรรมใดๆ เข้าใจและช่วยเหลือคนรอบข้าง วางแผนทีมการทำงานโดยเป็นผู้ตามและประสานงานในระยะเวลาและโอกาสที่เหมาะสมย้อนทบทวนความสามารถในปัจจุบัน พร้อมแสวงหาความรู้เพื่อประยุกต์ใช้ในสถานการณ์โรคมะเร็ง (ผู้บำบัดและผู้ป่วย) ค้นหากิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของตนเองและผู้อื่น นอกจากนี้นักกิจกรรมบำบัดแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้ที่กำลังใช้ชีวิตกับโรคมะเร็งได้พิจารณาประสิทธิผลทางการแพทย์
การดูแลผู้ป่วยในระยะก่อนสุดท้ายในบทบาทของนักกิจกรรมบำบัด
- การดูแลทางด้านจิตใจให้กำลังผู้ป่วย ให้ผู้ป่วยทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา
-ให้ผู้ป่วยคิดบวก มองโลกในแง่ดี
-แนะนำบุคคลที่เป็นโรคมะเร็งหรือเคยเป็นมาให้กำลังใจ แนะนำการดำเนินชีวิต
-ทำจิตใจให้สงบ ลดความวิตกกังวง ไม่เครียด เพราะความเครียดเป็นอาหารชั้นเยี่ยมของมะเร็งตัวร้าย
-ให้ความรู้ในเรื่องของการดูแลตนเองทางด้านร่างกายพฤติกรรมการกิน การทำกิจกรรมเพื่อพัฒนาศักยภาพที่มีอยู่ให้นำออกมาใช้ให้เต็มที่
-ช่วยดูเเลและให้ความรู้ในเรื่องอาหารการกิน
-ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเห็นคุณค่าในตนเอง เพราะจะทำให้ผู้ป่วยมีกำลังใจจะสู้ต่อ
-ดูแลเรื่องเวลาการทำกอจกรรม ควรให้ผู้ป่วยมีเวลาพักผ่อนที่เหมาะสม เนื่องจากการรักษาทางด้านการแพทย์อาจจะทำให้ผู้ป่วย อ่อนเพลียหรือเหนื่อยได้หากมีเวลาพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
-ส่งเสริมการเข้าสังคม พบปะพูดคุยกับลูกๆหลานๆหรือคนอื่นๆ เพื่อป้องกันการเกิดสภาวะซึมเศร้า
-ดูแลในเรื่องของพัฒนาการ ความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจำวัน
-ถ้าหาผู้ป่วยมีความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันได้ไม่เต็มที่ก็หาวิธีการแก้ไขปัญหา ร่วมกับผู้ป่วนเพื่อนตั้งเป้าหมายในการรักษาร่วมกัน
-หาอุปกรณ์เสริมเพื่อช่วยผู้ป่วยให้สามารถประกอบกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตัวเอง
การดูแลผู้ป่วยในระยะสุดท้ายในบทบาทของนักกิจกรรมบำบัด
-ช่วยเหลือในทุกๆด้านที่ผู้ป่วยและญาติปรารถนาและต้องการให้ช่วยเหลือ
-ช่วยส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีจิตใจที่เบิกบาน ลดความทุกข์ทางใจ มองโลกในแง่ดี คิดบวก
-ให้กำลังใจ ลดความวิตกกังวล ลดความเครียด เพื่อให้จิตใจสบายเพื่อต้อนรับวาระสุดท้ายของชีวิต
-ดูแลสภาพจิตใจของผู้ป่วยรวมถึงญาติผู้ป่วยด้วย เพื่อเตรียมควาพร้อมก่อนการจากไปของผู้ป่วย
อ้างอิง
ศุภลักษณ์ เข็มทอง. การจัดการตนเองเมื่อเป็นมะเร็ง. นนทบุรี : เทพประทานการพิมพ์, 2553.
สำนักการแพทย์ทางเลือก กรมพัมนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก.การดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยการแพทย์ผสมผสาน.. 2551.
(ISBN978-974-7694-53-5)
พญ.ลลิตาธีระสิริ.มะเร็ง-รักษาด้วนตัวเอง ตามแนวธรรมชาติบำบัด.กรุงเทพมหานคร:สำนักพิมพ์รวมทรรศน์,2539.
(ISBN 974-7718-90-1)
ศูนย์การศึกษาต่อเนื่อง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล.รวมเรื่องสุขภาพกับรามาคลินิกดอทคอมเล่ม2.กรุงเทพมหานคร :บริษัทฮาซันพริ้นติ้งจำกัด,2552.
(ISBN 978-974-11-1106-0)
Clare Rushoworth.สร้างสุขสู้มะเร็ง.แปลโดย นายแพทย์สันต์ สิงหภักดี,วารุณี เวชกามา.กรุงเทพมหานคร,2542.
(ISBN 974-8316-91-2)
ไม่มีความเห็น