Work as a leisure ทำงานให้เป็นสุข


ขอดูมือของคนที่คิดว่า “ทำไมแต่ละวันฉันต้องทำอะไรมากมายขนาดนี้ด้วย” “ฉันอยากมีเวลาว่างบ้าง” มีหรือเปล่าคะ? อย่างน้อยก็มีดิฉันคนนี้แหละค่ะที่จะขอยกมือเป็นคนแรก

สวัสดีค่ะ ในบทความนี้นะคะ ดิฉันจะมาขอย้อนรอยไปถึงคาบเรียน Occupational Adaptation ซึ่งเป็นหนึ่งในรายวิชาสำหรับนักศึกษาชั้นปีที่สาม ภาควิชากิจกรรมบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดลนะคะ ซึ่งในคาบเรียนที่ดิฉันกำลังจะพูดถึงคือคาบที่ได้เรียนในหัวข้อ Leisure ที่ได้เรียนไปในวันที่ 25 มกราคม 2560 ย้อนรอยค่อนข้างไกลนิดนึงนะคะ แต่ดิฉันคิดว่าเป็นคาบที่ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้ เปิดใจ และสามารถนำข้อคิดที่ได้มาประยุกต์ใช้ให้ชีวิตประจำวันมีความสุขมากยิ่งขึ้นค่ะ

ก่อนอื่นต้องมาทำความรู้จักกันก่อนนะคะว่า Leisure คืออะไร

Leisure หมายถึง กิจกรรมที่ผู้กระทำมีความสนใจ มีแรงจูงใจและอยากที่จะทำด้วยตนเองโดยไม่มีผู้ใดมาบังคับ ทำแล้วเกิดความสบายใจและมีความสุขเมื่อได้ทำกิจกรรมนั้นๆ ซึ่งสำหรับในทางกิจกรรมบำบัดแล้ว Leisure ยังหมายถึง Opportunities หรือโอกาสในการที่จะได้มีส่วนร่วมหรือการได้เขาไปทำในกิจกรรมที่ตอนเองอยากที่จะทำนั่นเอง

แล้วในคาบเรียนนี้เป็นอย่างไร ทำไมถึงต้องเท้าความไปไกลขนาดนั้น??

ในคาบเรียนนี้นะคะ เริ่มโดยการที่อาจารย์ป๊อบได้ให้ทุกคนลองเขียนตารางกิจวัตรประจำวันของตนเองใน 1 สัปดาห์ ซึ่งแน่นอนว่าก่อนเขียนย่อมมีคนโวยวาย (ในใจ) ว่า “โอ้ยยย จะให้เขียนไปทำไมกัน” “นึกไม่ออก ก็ทำๆมันไปเรื่อยๆผ่านไปวันๆ” หรือจะมี “โห แผ่นเดียวไม่พอหรอก วันนึงทำตั้งหลายอย่าง” ฯลฯ ซึ่งดิฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น ก่อนเขียนดิฉันคิดว่า “อยากได้เวลามากกว่านี้” “นี่ฉันไม่มีเวลาว่างเลยนะ” “ฉันอยากพักผ่อนจัง” แต่หลังจากที่เขียนเสร็จ ฉันก็ค้นพบว่า จริงๆแล้วนี่ฉันก็มีเวลาว่างนี่นา ฉันยังมีเวลาที่ได้ทำสิ่งที่ฉันอยากหรือเลือกที่จะทำเหมือนกันนี่นา แล้วมันเป็นเพราะอะไรล่ะ

นั่นก็เป็นเพราะในความเป็นจริงแล้ว การทำกิจกรรมใดๆก็ตามจำเป็นที่จะต้องมีความยืดหยุ่น (flexibility) และมีความสมดุล (balance) ซึ่งหากเมื่อใดก็ตามที่เราขาดความยืดหยุ่น เราก็จะกลายเป็นคนที่ไม่มีเวลา และเมื่อใดก็ตามที่เราทำมันอย่างไม่สมดุลมันก็จะไม่เกิดกิจกรรมที่สร้างสรรค์ได้

"ถ้าหากเราได้เปิดใจ เปลี่ยนมุมมองเล็กน้อย มีความยืดหยุ่นและรักษาสมดุลจัดการเวลาของตนเองดีๆ ก็จะทำให้เรากลายเป็นคนมีเวลาว่างมากขึ้นและได้ทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์มากขึ้นอีกด้วย"

และหลังจากที่เราได้เปิดใจ พร้อมรับสิ่งใหม่ ต่อไปอาจารย์ป๊อบก็ได้ให้พวกเราคิดกิจกรรม “Un lock your life : ปลดล็อกชีวิตให้ก้าวหน้า โดยการออกกำลังชีวิต จิต กาย” โดยให้โจทย์มาดังนี้

 แต่งกลอน

 ร้องเพลง

 เขียน/พูดคำคม

 คิดท่าฝึก mindfullness 1 ท่า

 เล่นเกมสร้างสรรค์

 วาดรูป/ถ่ายภาพขณะฟังเสียงต้นไม้

 คิดท่าออกกำลังกายสมอง 1 ท่า

 เขียน Mind Map

แต่ละคนจะต้องบริหารจัดการเวลาให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆให้แล้วเสร็จได้ภายในหนึ่งชั่วโมง ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วดิฉันสามารถทำกิจกรรมได้เสร็จก่อนเวลา และรู้สึกสนุกไปกับมัน ไม่ได้เกิดความรู้สึกกดดันที่จะต้องทำให้เสร็จภายในเวลา หรือคิดว่านี่คืองานที่ได้รับมอบหมาย เนื่องจากว่าสิ่งที่อาจารย์ให้โจทย์มานั้นคือสิ่งที่ฉันชอบ (หากใครสนใจจะลองทำดูก็ได้นะคะ อาจปรับเปลี่ยนหัวข้อที่ทำ หรือเปลี่ยนไปทำกิจกรรมที่ตนเองชอบก็ได้ค่ะ แต่ต้องลองทำลิสต์กิจกรรมไว้ แล้วกำหนดเวลาด้วยนะคะ เพื่อที่จะได้ฝึกบริหารจัดการเวลาให้มีประสิทธิภาพ)

หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง ทุกคนก็จะมานั่งล้อมวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และพูดคุยกันถึงข้อคิดที่ได้จากกิจกรรมนี้ ซึ่งได้เทคนิคดีๆที่อยากจะมาบอกต่อ นั่นก็คือ

เมื่อใดก็ตามที่เราคิดแบบ

“Self-care as a leisure : ดูแลตนเองให้เหมือนกำลังได้ทำสิ่งที่มีความสุข”

“Social-care as a leisure : ดูแลสังคมให้เหมือนกำลังได้ทำสิ่งที่มีความสุข”

“Work and Education as a leisure : ทำงานและเรียนให้เหมือนกำลังได้ทำสิ่งที่มีความสุข”

แล้วเมื่อนั้น “ชีวิตจะสนุกมากขึ้น”

ซึ่งฉันคิดว่าการเปลี่ยนมุมมองหรือความคิดตรงนี้ทำให้ฉันสามารถมีความสุขต่อการใช้ชีวิตในทุกๆวัน และทุกๆกิจกรรมของฉันได้มากขึ้น ไม่ได้เบื่อหน่ายเหมือนแต่ก่อน โดยฉันจะมีทริคเล็กๆ ในการให้กำลังใจ หรือกระตุ้นตนเองให้อยากทำกิจกรรมต่างๆเมื่อเริ่มเบื่อกิจวัตรเดิมๆ หรือต้องทำในสิ่งที่ฉันรู้สึกไม่พร้อมและยังไม่ค่อยอยากที่จะทำในตอนนี้

เช่น ฉันจะมองว่า…

“ถ้าหากฉันแปรงฟันดีๆ ปากของฉันจะมีความสุข มันจะสะอาด และฉันจะกล้าคุยกับคนอื่นมากขึ้น”

“ถ้าฉันเก็บขยะที่พื้นข้างหน้านี้ไปทิ้ง คุณป้าแม่บ้านก็จะมีความสุข ทุกๆคนที่ผ่านมาก็จะรู้สึกมีความสุขเนื่องจากมีทัศนียภาพที่ดีขึ้น”

“ฉันจะตั้งใจเรียนในคาบเพื่อนำมาจดสรุปสวยๆ ยิ่งตั้งใจยิ่งสรุปได้ดีก็จะทำให้เราเขียนได้ดีมากขึ้น สมุดสรุปของเราก็จะสวยขึ้น”

เป็นต้น

และสุดท้ายนี้ก็อยากที่จะให้ทุกคนได้เริ่มที่ตนเอง เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราทำกิจรรมต่างๆโดยมีแรงขับจากภายในตัวเรา (intrinsic factor) มีแรงจูงใจและความอยากที่จะทำ จะทำให้เราสามารถทำมันได้ดีและมีความสุขในการทำกิจกรรมนั้นๆ เฉกเช่นเดียวกับการทำกิจกรรมที่เราชอบ และเมื่อเรารู้สึกอยากที่จะทำในทุกๆกิจกรรม มีความสุขในทุกการกระทำ เมื่อนั้นชีวิตของเราจะสนุกมากยิ่งขึ้น


มาใช้ชีวิตให้สนุกกันเถอะค่ะ

หมายเลขบันทึก: 624861เขียนเมื่อ 1 มีนาคม 2017 04:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 มีนาคม 2017 04:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ชอบมุมมองมาก ๆ ค่ะ ฉุกคิด...ความสุขหาง่ายจริง

ขอบคุณนะคะ สาระดี ตัวอย่างเยี่ยม เล่าได้เพลิดเพลิน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท