1.ต้นไม้มงคล 2.สมุนไพรไทย 3.ภาษาญี่ปุ่น


ต้นไม้มงคล ที่คนนิยมปลูกไว้ในบ้าน ต้นไม้จัดสวน 15 ชนิดที่จัดว่าเป็นต้นไม้มงคล เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับคนในครอบครัว


ใคร ๆ ก็อยากให้บ้านของตัวเองมีความร่มรื่น อยู่เย็นเป็นสุข หลายคนจึงมีความคิดจะปลูกต้นไม้มงคลไว้ภายในบ้าน เพื่อเอาเคล็ด เอาโชค เอาชัย ตามความเชื่อของคนโบร่ำโบราณที่บอกต่อกันมาช้านาน และถ้าใครยังไม่รู้ว่า คนโบราณเขาแนะนำให้ปลูกต้นไม้อะไร เพื่อเสริมสิริมงคลในด้านต่าง ๆ วันนี้ กระปุกดอทคอม ก็รวบรวมต้นไม้มงคล 15 ชนิด ที่คนนิยมปลูกกันในบ้านมาบอกให้ทราบกัน เผื่อจะได้เป็นไอเดียดี ๆ สำหรับตกแต่งสวนในบ้านยังไงล่ะคะ

มะยม


1. ต้นมะยม



ฟังแค่ชื่อ "มะยม" ก็พอเดาได้ใช่ไหมล่ะว่า ทำไมคนถึงนิยมปลูกต้นมะยมไว้ที่บ้านกัน ก็เพราะเขาเชื่อกันว่า การปลูกต้นมะยมจะทำให้คนนิยมชมชอบ รักใคร่ มีชื่อเสียง ไม่มีคนคิดร้าย หรือเป็นศัตรูนั่นเอง ส่วนอีกความเชื่อหนึ่งก็บอกว่า หากปลูกต้นมะยมไว้ทางทิศตะวันตก จะช่วยป้องกันภูตผีปีศาจได้




2. ต้นมะม่วง



นอกจากจะให้ร่มเงา และผลแสนอร่อยแล้ว มะม่วงยังเป็นต้นไม้มงคลที่มีความเชื่อมาตั้งแต่พุทธกาลว่า หากปลูกต้นมะม่วงไว้ทางทิศใต้ของบ้านแล้ว จะทำให้ผู้อยู่อาศัยในบ้านร่ำรวยยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น และยังช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่นมารังแก รังควาน หรือใส่ความได้ด้วย




3. ต้นขนุน



อีกหนึ่งต้นไม้ชื่อมงคลที่คนนิยมปลูกเช่นกัน เพราะตามความเชื่อของคนโบราณ บอกกันว่า การปลูกต้นขนุนจะทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับการสนับสนุน มีคนคอยอุปการะอุดหนุนจุนเจือ คอยให้ความช่วยเหลือ มีคนสรรเสริญ สามารถป้องกันอันตรายและคนใส่ร้ายป้ายสีได้ ซึ่งหากบ้านไหนคิดจะปลูกต้นขนุนแล้วล่ะก็ ควรเลือกปลูกทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะดีที่สุด โดยให้หัวหน้าครอบครัวเป็นคนลงมือปลูกในวันจันทร์ หรือวันพฤหัสบดี




4. ต้นมะขาม



หากบ้านไหนต้องการให้ผู้อื่นเกรงขาม ตามความเชื่อเขาแนะนำให้ปลูกต้นมะขามไว้ทางทิศตะวันตก เพราะเชื่อกันว่า ต้นมะขามจะทำให้ผู้อยู่อาศัยเป็นที่น่าเกรงขามต่อผู้อื่น และทำให้คนชื่นชอบ นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันคดีความ ภูตผีปีศาจ และผีซ้ำด้ำพลอย




5. ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน



ต้นไม้ประจำชาติไทยที่ออกดอกสีเหลืองทองสวยอร่ามนี้ คนไทยสมัยโบราณเชื่อกันว่า หากนำมาปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน จะช่วยให้ผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นทวีคูณ นอกจากนี้ จะช่วยให้คนในบ้านมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ด้วย เพราะต้นราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ประจำชาติไทย ส่วนใบของราชพฤกษ์ก็มักถูกนำไปใช้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ คนจึงเชื่อว่า ราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากทีเดียว




6. ต้นกล้วย



ต้นไม้ที่ปลูกง่ายอย่างต้นกล้วยนี้ ก็เป็นต้นไม้ที่คนไทยสมัยก่อนนิยมปลูกไว้ในบ้านกันมาก เพราะนอกจากจะสามารถนำส่วนต่าง ๆ ของต้นกล้วย ทั้งหัวปลี ลำต้น ผล ใบ ฯลฯ มาทำประโยชน์ได้มากมายแล้ว เขายังมีความเชื่อด้วยว่า การปลูกต้นกล้วยไว้ทางทิศตะวันออกของบ้านจะช่วยให้การทำงานราบรื่น คิดสิ่งใดทำสิ่งใดก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากนั่นไง




7. ต้นไผ่



ตามตำราฮวงจุ้ยของจีนบอกไว้ว่า ต้นไผ่เป็นสัญลักษณ์ของความสง่าเหนือธรรมชาติ หากปลูกไว้ในบ้านจะเสริมมงคลให้ผู้อยู่อาศัย ทำให้เป็นคนมุ่งมั่น ตั้งใจจริง มีสติปัญญา เอื้ออารี และกตัญญูรู้คุณ ซึ่งก็ไม่ต่างจากคนไทยที่เชื่อกันว่า หากปลูกต้นไผ่ไว้ในบริเวณบ้าน จะทำให้สมาชิกในบ้านตั้งใจทำงาน ประกอบอาชีพด้วยความซื่อสัตย์ มีคุณธรรม ไม่คดโกงเอารัดเอาเปรียบใคร นั่นก็เป็นเพราะลักษณะของต้นไผ่ที่มีลำต้นเหยียดตรง แข็งแรง สามารถต้านทานแรงลมพายุได้นั่นเอง



หากจะปลูกต้นไผ่ ควรปลูกไว้ริมรั้วของบ้าน หรือบริเวณที่โล่งกว้าง ให้ต้นไผ่ได้แตกหน่อเจริญงอกงาม และควรปลูกไว้ทางทิศตะวันออก เพื่อให้ต้นไผ่ได้รับแสงแดดยามเช้า นอกจากนี้ ยังควรปลูกต้นไผ่ในวันเสาร์จึงจะเป็นมงคล อ้อ...ลืมบอกไปว่า ต้นไผ่มีหลากหลายชนิด ทั้งไผ่เหลืองทอง ไผ่สีสุก ไผ่เตี้ย ไผ่น้ำเต้า แต่คนโบราณเชื่อกันว่า ถ้าปลูกไผ่สีสุกจะช่วยให้สมาชิกในบ้านประสบความสำเร็จ ร่ำรวยเงินทอง และมีความสุขกันถ้วนหน้า เพราะชื่อไผ่สีสุกไปคล้องกับคำอวยพรที่ว่า "มั่งมีศรีสุข" นั่นเอง



ต้นวาสนา


8. ต้นวาสนา หรือ วาสนาอธิษฐาน



เห็นหลาย ๆ บ้านนิยมปลูกต้นวาสนากัน เพราะชื่อเป็นมงคล จึงทำให้คนเชื่อกันว่า หากบ้านใดปลูกต้นวาสนาจะทำให้มีความสุข ความสมหวังในชีวิต และเป็นต้นไม้แห่งโชคลาภด้วย และการเสี่ยงทายด้วย โดยหลายคนเชื่อกันว่า หากต้นวาสนาบ้านไหนออกดอกสวยงาม จะทำให้มีโชคลาภ ปรารถนาสิ่งใดก็จะสมดังใจมุ่งหมาย



แล้วถ้าคิดจะปลูกต้นวาสนาล่ะก็ ตามตำราเขาแนะนำให้ปลูกทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และเนื่องจากต้นวาสนาเป็นต้นไม้ที่ให้ประโยชน์ทางใบ จึงควรปลูกในวันอังคาร โดยให้ผู้หญิงเป็นผู้ปลูกจะดีที่สุด เพราะชื่อวาสนาอธิษฐานเป็นชื่อที่เหมาะกับสุภาพสตรี





9. ต้นแก้ว



ไม้ยืนต้นขนาดไม่ใหญ่ที่มีดอกสีขาวส่งกลิ่นหอมรัญจวนใจนี้ คนไทยนิยมปลูกไว้ริมรั้วบ้าน หรือปลูกลงในกระถางเพื่อประดับภายนอกอาคารก็ได้ โดยคำว่า "แก้ว" หมายถึงสิ่งของมีค่าที่คนนับถือบูชา เปรียบได้กับของมีค่าสูงดั่งดวงแก้ว ทำให้เกิดความเชื่อที่ว่า หากปลูกต้นแก้วไว้ประจำบ้าน จะทำให้สมาชิกในบ้านเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์เหมือนแก้ว มีความเบิกบานใจ และมีคนรักดั่งแก้วตาดวงใจนั่นเอง



เพื่อความเป็นสิริมงคล โบราณแนะนำให้ปลูกต้นแก้วไว้ทางทิศตะวันออก และให้ปลูกในวันพุธ ตามความเชื่อที่ว่า การปลูกไม้ที่เอาประโยชน์ทางดอกควรปลูกในวันพุธแล้วจะเป็นมงคล





10. ต้นเข็ม



ทุกคนคงรู้กันอยู่แล้วว่า ดอกเข็ม ที่ใช้ในการประกอบพิธีไหว้ครู เป็นสัญลักษณ์แทนความฉลาดหลักแหลมเปรียบกับเข็มที่แหลมคม เช่นเดียวกับการปลูกต้นเข็มไว้ในบ้านที่คนโบราณเขาก็เชื่อว่า จะทำให้สมาชิกในบ้านมีความฉลาดหลักแหลมเหมือนกับดอกเข็ม และยังช่วยให้มีปฏิภาณไหวพริบเอาตัวรอดได้ด้วย หรือหากบ้านใดมีเด็กที่กำลังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ดอกเข็มก็กระตุ้นให้เด็ก ๆ สนใจใฝ่หาความรู้มาเติมเต็มให้ตัวเองอยู่เสมอ



หากต้องการจะปลูกต้นเข็ม โบราณแนะนำให้หาคนที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาเล่าเรียนเป็นผู้ลงมือปลูก โดยเลือกปลูกทางทิศตะวันออก และปลูกในวันพุธ จะช่วยเสริมสิริมงคลให้แก่คนในบ้าน





11. ต้นกระดังงา



หากต้องการให้วงศ์ตระกูลมีชื่อเสียงโด่งดัง ต้นกระดังงา ก็คือต้นไม้มงคลตามความเชื่อของคนโบราณที่ปรารถนาให้ลูกหลานมีชื่อเสียงก้องกังวานไปไกล มีลาภยศสรรเสริญ มีเงินทอง ผู้คนทั่วไปนับหน้าถือตา เพราะชื่อ "กระดังงา" เป็นชื่อที่มีความหมายที่ดี และคนก็เชื่อกันว่า เสียงที่ดังนั้นไพเราะเพราะพริ้งดังก้องไปถึงสรวงสวรรค์เลยล่ะ



นอกจากเรื่องชื่อเสียงโด่งดังแล้ว คนไทยยังเชื่อกันว่า กระดังงาเป็นต้นไม้ที่ช่วยเสริมเสน่ห์ให้สมาชิกในบ้านให้เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป และมีชีวิตที่หอมหวลเหมือนกับกลิ่นหอมของดอกกระดังงา บ้านไหนที่คิดจะปลูกกระดังงาควรปลูกในวันพุธ ไว้ทางทิศตะวันออกของตัวบ้าน เพื่อให้แสงอาทิตย์สาดส่อง จะช่วยให้ชื่อเสียงขจรขจายไปทั่ว เพิ่มความเป็นสิริมงคลแก่ตัวบ้าน และครอบครัวที่อาศัยอยู่ในบ้าน





12. ต้นโป๊ยเซียน



ต้นไม้แห่งโชคลาภที่คนไทยนิยมปลูกกันมากอีกชนิด เพราะเชื่อว่าจะทำลาภผลมาให้ และจะทำให้ครอบครัวสงบสุข ขณะเดียวกัน บางคนยังเชื่อว่า โป๊ยเซียน เป็นต้นไม้เสี่ยงทาย หากบ้านไหนปลูกต้นโป๊ยเซียนออกดอกได้ 8 ดอก ก็จะมีโชคลาภ เงินทอง ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง เพราะโป๊ยเซียนเป็นตัวแทนของเทพเจ้า 8 องค์ ที่จะนำความเจริญรุ่งเรือง และช่วยปกป้องคุ้มครองผู้ที่เป็นเจ้าของ



ทั้งนี้ ตามเคล็ดปฏิบัติการปลูกต้นโป๊ยเซียน ควรจะให้ผู้ที่มีอายุ หรือญาติผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือมาลงมือปลูกให้ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นทิศมงคลของต้นโป๊ยเซียน จะยิ่งเสริมความเป็นสิริมงคลให้ผู้อยู่อาศัย และควรปลูกในวันพุธ เพื่อให้ดอกที่ออกงดงามตามความเชื่อคนโบราณนั่นเอง ที่สำคัญควรเลือกดอกสีเหลือง หรือสีส้ม จะเป็นมงคลที่สุด





13. ต้นโกสน



ไม้พุ่มหลากสีชนิดนี้ นิยมเป็นปลูกกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะภายในพระราชวัง และวัด เพื่อหวังให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข หากนำมาปลูกในบ้าน ก็จะทำให้ครอบครัวมีแต่ความสงบสุข ปราศจากความขัดแย้งใด ๆ นั่นเพราะคนสมัยก่อนเชื่อกันว่า คำว่า "โกสน" มีเสียงใกล้เคียงกับคำว่า "กุศล" ซึ่งหมายถึงการสร้างบุญ สร้างสิ่งที่ดีงามเป็นบุญเป็นกุศลนั่นเอง



ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล คนโบราณก็ยังแนะนำให้ปลูกต้นโกสนในวันอังคาร และปลูกไว้ทางทิศตะวันออกของบ้านเพื่อรับแสงแดดยามเช้า จะทำให้เห็นสีสันของใบที่สวยสด ดึงดูดสายตาของผู้ที่พบเห็น





14. ต้นโมก



มีความเชื่อบอกต่อ ๆ กันมาว่า การปลูกต้นโมก หรือ โมกข ที่หมายถึงผู้ที่หลุดพ้นด้วยทุกข์ทั้งปวง จะนำเอาความสุขกายสบายใจ ความปลอดภัยมาให้สมาชิกในบ้าน เพราะดอกโมกมีสีขาวบริสุทธิ์สะอาด ส่งกลิ่นหอมทั้งวัน บางคนอาจจะเรียกต้นโมกว่า พุดพิชญา หรือ พุทธรักษา เพราะเชื่อว่าจะต้นโมกสามารถปกป้องคุ้มครองสิ่งชั่วร้ายให้สมาชิกในบ้านได้



เคล็ดลับสำหรับการปลูกต้นโมกก็คือ ให้ปลูกในวันเสาร์ เพราะเป็นต้นไม้ที่ปลูกเพื่อเอาคุณตามความเชื่อของคนโบราณ จะช่วยให้ต้นโมกเจริญงอกงามได้ดี และปกป้องคุ้มครองคนในบ้านได้ ซึ่งทิศที่เหมาะสมที่สุดในการปลูกต้นโมกก็คือ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ





15. ต้นบานไม่รู้โรย



เขาว่ากันว่าบ้านไหนมีคู่รักต้องปลูกต้นบานไม่รู้โรยไว้ในบ้านด้วย เพราะชื่อบานไม่รู้โรยเป็นชื่อมงคล หมายความถึง ความยั่งยืน ความอดทน และไม่ย่อท้อ หากเปรียบกับความรักก็เหมือนความรักที่ยั่งยืน ช่วยให้คู่รักมีความผูกพันมั่นคงต่อกันไปนาน ๆ ปราศจากความโรยรา หรือผันแปรตลอดไปนั่นเอง ฟังแล้วน่าปลูกไว้จริง ๆ ^^



และนี่ก็เป็นตัวอย่างต้นไม้มงคลที่ควรปลูกในบ้าน 15 ชนิด ที่คนโบราณเชื่อกันว่า จะช่วยเสริมพลังด้านต่าง ๆ ให้ผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน แต่อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นเพียงแค่ความเชื่อที่บอกเล่า และรับรู้สืบทอดต่อกันมาเท่านั้นนะคะ เพราะจริง ๆ แล้ว หากปรารถนาจะให้ครอบครัวมีแต่ความสุขความเจริญ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของสมาชิกทุกคนในบ้านที่จะช่วยกันสร้างสิ่งดี ๆ ที่เป็นมงคลให้เกิดขึ้นด้วยตัวเองค่ะ


โรคเบาหวาน รักษาได้ด้วยวิถีธรรมชาติ ต้อนรับสุขภาพดีและลดน้ำตาลในเลือดได้ด้วยสมุนไพรสรรพคุณเลอค่า



เรื่องใหญ่ที่ผู้ป่วยเบาหวานต้องให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือระดับน้ำตาลในเลือด ถ้าหากระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไปก็เสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวานขึ้นตา หรือแม้แต่โรคหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้นนอกจากจะรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งแล้ว ผู้ป่วยหลาย ๆ คน ก็ยังเสาะหาวิธีควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อร่างกาย ซึ่งอีกหนทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจนั่นก็คือการรับประทานสมุนไพร เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องโรคเบาหวานได้แล้วก็ยังได้ของแถมเป็นสุขภาพที่ดีอีกด้วย อย่างเช่นสมุนไพรทั้ง 15 ชนิดนี้ที่สามารถรักษาอาการของโรคเบาหวาน พร้อมพ่วงด้วยประโยชน์เพื่อสุขภาพดี ๆ อีกมากมาย



1. มะระขี้นก



สมุนไพรรักษาเบาหวาน


มะระขี้นก สมุนไพรไทยที่ขึ้นชื่อในเรื่องการลดระดับน้ำตาลในเลือด เรียกว่าเป็นสมุนไพรที่เป็นมิตรกับผู้ป่วยโรคเบาหวานอย่างแท้จริง ด้วยเพราะสารซาแรนติน (Charatin) ในผลมะระขี้นกที่มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ต้านอาการของโรคเบาหวาน และช่วยเพิ่มการหลั่งของอินซูลินจากตับอ่อน เพิ่มความทนทานต่อกลูโคสของร่างกาย และช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาลในเลือด



นอกจากนี้มะระขี้นกยังช่วยยับยั้งเอนไซม์แอลฟากลูโคซิเดส (Alpha-glucosidase) อันเป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน ขณะที่การรับประทานมะระขี้นกเป็นประจำก็สามารถชะลอความผิดปกติของไต และความเสื่อมของเส้นประสาทในร่างกายจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงสะสมเป็นเวลานาน ไม่เพียงเท่านั้นยังชะลอการเกิดโรคต้อกระจกในผู้ป่วยเบาหวานด้วย นอกจากนี้มะระขี้นกยังมีคุณประโยชน์ดี ๆ ต่อร่างกายอีกมากมาย และสามารถนำมารับประทานได้แบบสด ๆ เป็นผักเคียงน้ำพริกได้เลย ดีแบบนี้ไม่หามาลองก็คงจะไม่ได้แล้วล่ะ



2. ตดหมูตดหมา



สมุนไพรรักษาเบาหวาน


แม้ว่าชื่ออาจจะแปลกไปสักนิด แต่สรรพคุณในการลดระดับน้ำตาลในเลือดนั้นไม่มีบกพร่องเลยแม้แต่น้อย โดยมีการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า สารสกัดของใบตดหมูตดหมาสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยการเพิ่มการหลั่งของอินซูลินในร่างกาย อีกทั้งสมุนไพรชนิดนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกเพียบ และลดไขมันในเลือดได้ ขณะที่สรรพคุณทางยาพื้นบ้านก็ยังมีอีกไม่น้อย ไม่ว่าจะช่วยล้างพิษ แก้ท้องอืด ท้องผูก ถ่ายพยาธิ แก้อ่อนเพลีย ตกเลือด หรือแม้แต่แก้ปวดเมื่อยก็ช่วยได้เช่นกัน เป็นสมุนไพรพื้นบ้านไทยที่นำมาใช้แล้วไม่ผิดหวัง



3. อบเชย



อบเชย สรรพคุณ


อบเชย หรือชินนามอน (Cinnamon) เป็นสมุนไพรอีกชนิดที่มีสารสำคัญในการช่วยเพิ่มการหลั่งของฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง อีกทั้งยังช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดในกลุ่มผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เกี่ยวกับโรคเบาหวานและโรคที่เกี่ยวกับระบบหลอดเลือดหัวใจอีกด้วย โดยแค่เพียงโรยผงอบเชยลงในอาหารที่รับประทานก็ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้แล้วล่ะค่ะ



4. เห็ดหลินจือ



สมุนไพรรักษาเบาหวาน


เอีกหนึ่งสุดยอดสมุนไพรจีนล้ำค่าที่อุดมไปด้วยสรรพคุณทางยา ไม่เพียงแต่มีประโยชน์ในการรักษาโรคมะเร็งเท่านั้น แต่ยังมีคุณกับผู้ป่วยโรคเบาหวานอีกด้วย เนื่องจากในเห็ดหลินจือมีสารในกลุ่มโพลีแซ็กคาไรด์ (Polysaccharide) ซึ่งที่มีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน อีกทั้งยังช่วยให้น้ำตาลที่อยู่ในเลือดถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานให้แก่ร่างกาย และทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง



5. บอระเพ็ด



บอระเพ็ด


สมุนไพรรสชาติขมอีกชนิดที่อยากให้คุณได้ลอง เพราะเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่อยู่ในตำรับยาไทย ช่วยบำรุงหัวใจ ลดไข้ และช่วยให้เจริญอาหาร ที่สำคัญมีการศึกษาแล้วว่าบอระเพ็ดมีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยไม่พบผลข้างเคียงอันตรายใด ๆ อีกด้วย ทว่าอาจจะรับประทานยากเพราะขม แต่อย่าลืมนะว่าหวานเป็นลมขมเป็นยา



6. ตำลึง



12 สมุนไพรเพื่อผู้สูงอายุ


ตำลึง สมุนไพรที่ถูกนำมาใช้รักษาเบาหวานนานนับพันปี โดยตำราแพทย์แผนอายุรเวทระบุไว้ว่า ตำลึงสามารถใช้ในการรักษาโรคเบาหวานได้แทบจะทุกส่วนของต้น ไม่ว่าจะเป็นราก เถา หรือใบ อีกทั้งยังเป็นสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพในการลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีพอ ๆ กับโสม แค่เพียงรับประทานตำลึงเพียงวันละ 50 กรัม ติดต่อกันเป็นประจำทุกวันก็สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลให้เป็นปกติได้



7. มะเขือพวง



สมุนไพรรักษาเบาหวาน


มะเขือพวงที่คนไทยนิยมใส่ลงในอาหารไทยหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นแกงเขียวหวาน พะแนง หรือในน้ำพริกต่าง ๆ นอกจากสรรพคุณทางยาพื้นบ้านของไทยแล้ว มะเขือพวงก็ยังสามารถช่วยลดรับระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย โดยมีการศึกษากับหนูทดลองพบว่า น้ำมะเขือพวงสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ขณะที่สรรพคุณในการช่วยย่อยอาหารก็เด่นไม่เป็นรองใคร หากคราวหน้าเจอมะเขือพวงในอาหารอย่าเขี่ยทิ้งล่ะ



8. ชาเขียว



สมุนไพรรักษาเบาหวาน


สารโพลีฟีนอลในชาเขียวเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลังที่ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลายเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานอีกด้วย โดยสามารถลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยส่งเสริมการทำงานของอินซูลิน แถมยังเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยในการลดน้ำหนัก แต่ก็ควรจะดื่มชาเขียวแท้ ๆ นะคะ แบบที่เติมน้ำตาลเยอะ ๆ นั้นเลี่ยงให้ไกลเลยโดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวาน ไม่งั้นอาจจะได้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาแทน



9. กระเทียม



สมุนไพรรักษาเบาหวาน


สารอัลซิลิน (allicin) ที่มีในกระเทียมนอกจากจะมีสรรพคุณลดความดันโลหิตและลดไขมันในเลือดได้แล้ว ก็ยังมีฤทธิ์ต่อต้านโรคเบาหวาน อีกทั้งมีการศึกษาพบว่าเอทานอลที่อยู่ในกระเทียมสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยเพิ่มการหลั่งของอินซูลินได้ ซึ่งถ้าอยากให้ได้ประโยชน์จากกระเทียมแบบเน้น ๆ อย่างนี้ก็ควรจะรับประทานกระเทียมแบบสด ๆ เพราะกระเที่ยมที่ผ่านความร้อนแล้วจะมีคุณค่าทางโภชนาการน้อยกว่ากระเทียมสดค่ะ



10. ว่านหางจระเข้



สมุนไพรรักษาเบาหวาน


ไม่เพียงแต่ช่วยลดการบวม อาการอักเสบ และช่วยสมานแผลได้เท่านั้น แต่ว่านหางจระเข้ยังเป็นสมุนไพรที่เหมาะจะใช้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานอีกด้วย เพราะมีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าน้ำของว่านหางจระเข้สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน ทั้งนี้ก็ยังช่วยลดระดับไขมันในเลือด และสรรพคุณพื้นฐานของว่านหางจระเข้ที่ช่วยลดอาการบวมและรักษาแผลก็ยังสามารถใช้กับผู้ป่วยเบาหวานได้ด้วย เพราะผู้ป่วยเบาหวานที่เกิดบาดแผลมักจะมีปัญหาแผลหายช้าทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย



11. ขมิ้น



สมุนไพรรักษาเบาหวาน


สมุนไพรที่ให้สีเหลืองสดใสนี้ นอกจากจะช่วยลดอาการอักเสบได้แล้วก็ยังสามารถชะลอการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ โดยพบว่าคนที่มีความเสี่ยงโรคเบาหวานหากรับประทานอาหารที่มีสารเคอร์คูมิน (Curcumin) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในขมิ้นติดต่อกันเป็นประจำ_จะช่วยให้ความเสี่ยงโรคเบาหวานลดลง ทั้งนี้มีการสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นเพราะสารเคอร์คูมินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง จึงช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลายได้นั่นเอง



12. ขิง



สมุนไพรรักษาเบาหวาน


ขิงมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ซึ่งศึกษากับหนูทดลองพบว่า หนูที่ได้กินสารสกัดจากขิงวันละ 250 มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม เป็นระยะเวลา 5 สัปดาห์ ผลที่ได้รับคือ ระดับกลูโคสในเลือดของหนูลดลง รวมทั้งยังช่วยลดระดับของคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ทั้งนี้ก็ยังส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของปริมาณอินซูลินด้วย



13. กระเจี๊ยบเขียว



สมุนไพรรักษาเบาหวาน


พืชพื้นเมืองของเอธิโอเปียที่เป็นหนึ่งในผักเคียงในจานน้ำพริกของคนไทยอย่างกระเจี๊ยบเขียว เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และคุณค่าทางโภชนาการสูงลิบ อีกทั้งยังมีสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือด เนื่องจากกระเจี๊ยบเขียวมีไฟเบอร์สูง โดยเฉพาะไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้สามารถช่วยลดการดูดซึมของคอเลสเตอรอลและน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายได้ นอกจากนี้ยังหารับประทานไม่ยากเลยล่ะค่ะ



14. โสม



โสมเกาหลี


ด้วยสรรพคุณอันน่าอัศจรรย์อย่างการเพิ่มภูมิคุ้มกัน และต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ทำให้โสมเป็นสมุนไพรที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่า โดยมีการค้นพบว่าการรับประทานโสมสามารถช่วยชะลอการดูดซึมของคาร์โบไฮเดรต และเพิ่มการทำงานของเซลล์ ช่วยให้เซลล์สามารถดึงเอากลูโคสไปใช้งานได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มการหลั่งของอินซูลิน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง 15-20% เลยทีเดียว



15. ผักเชียงดา

สมุนไพรรักษาเบาหวาน


สมุนไพรอีกหนึ่งชนิดที่ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคเบาหวานแบบพื้นบ้านมานานนับพันปี นอกจากคุณประโยชน์ในการช่วยเสริมกำลังแล้ว ผักเชียงดายังสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยเจ้าผักชนิดนี้จะนำเอาน้ำตาลในร่างกายไปเผาผลาญมากขึ้น อีกทั้งยังเข้าไปฟื้นฟูเบต้าเซลล์ของตับอ่อนที่เสียหายจากการถูกน้ำตาลทำลาย ซึ่งเกิดขึ้นในผู้ป่วยโรคเบาหวานทั้งชนิดที่ 1 และ 2 ทั้งนี้ยังช่วยลดโอกาสที่จะเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน แถมยังเพิ่มการหลั่งอินซูลินได้อีกด้วยล่ะ ดีแบบนี้ขอบอกว่าผักเชียงดานั้นมีให้รับประทานง่าย ๆ แบบแคปซูลกันแล้ว ลองหามารับประทานกันได้ค่ะ



แม้ว่าการใช้สมุนไพรจะช่วยรักษาอาการเบาหวานได้ แต่ก็อย่าลืมว่าสมุนไพรบางชนิดอาจส่งผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้ ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัย หากคิดจะใช้สมุนไพรควบคู่กับการรักษาละก็ ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรก่อนจะดีที่สุดค่ะ


ภาษาญี่ปุ่นแบบเบื้องต้นที่ควรรู้ สำหรับมือใหม่หัดพูด อ่าน หรือเขียน เป็นการรวบรวมมาจากไดอารี่ในเว็บไซต์ campus-star.com และบางข้อมูลจาก นสพ. คมชัดลึก ที่เกี่ยวกับคำทักทาย การนับเลข ชื่อผลไม้ต่างๆ ร่างกาย ฯลฯ .. ทั้งนี้ต้องขอออกตัวด้วยว่า หากมีข้อมูลไหนผิดพลาดให้แนะนำมาได้เลยนะคะ

เรียนรู้ ภาษาญี่ปุ่น เบื้องต้น คำในชีวิตประจำวัน

คำทักทาย ภาษาญี่ปุ่น

  • สวัสดีตอนเช้า Ohayou gozaimasu โอะฮาโย โกไซอิมัส
  • สวัสดีตอนบ่าย Kon-ni-chi-wa คอนนิจิวะ
  • สวัสดีตอนกลางคืน Kon-ban-wa คอนบังวะ
  • ราตรีสวัสดิ์ O-ya-su-mi-na-sai โอะยะซุมินะไซ
  • ลาก่อน : さようなら。: Sayonara : ซา-โย-นา-ระ
  • ขอบคุณมาก Arigatou gozaimasu อะริกะโตะ โกะไซอิมัส
  • ขอบคุณ Arigato อะริงาโตะ
  • ไม่เป็นไร Douitashimashite โดอิตะชิมะชิเตะ
  • ขอโทษ (รบกวน) Sumimasen/suimasen ซุมิมะเซง/ซุยมะเซง
  • ขอโทษ Gomennasai. โกเมงนาไซ
  • ยินดีที่ได้รู้จัก Hajimemashite ฮะจิเมะมาชิเตะ
  • บาย, เจอกันใหม่ Ja, Matane จา มาตาเนะ
  • นอนหลับฝันดี Oyasuminasai โอะยาสุมินาไซ
  • ขอโทษ Sumimasen ซูมิ มาเซ็น
  • ใช่ Hai ไฮ

อาหาร ในภาษาญี่ปุ่น

ข้าว Gohan โกะฮัน
อาหารกลางวัน Hirugohan ฮิรุโกะฮัน
อาหารเย็น Bangohan บันโกะฮัน
น้ำ Misu มิสุ
ชาฝรั่ง Kocha โคชะ
นม Gyunyu กีวนีว
เนื้อไก่ Toriniku โทะรินิกุ
เนื้อ Niku นิกุ
ปลา Sakana ซะกะนะ
ผัก Yasai ยะซะอิ
ผลไม้ Kudamono คุดะโมะโนะ

การนับเลข ภาษาญี่ปุ่น

ภาพจาก ileftmyheartintokyo.tumblr.com

การนับเลข ภาษาญี่ปุ่น

1 Ichi อิชิ 6 Roku โระกุ
2 Ni นิ 7 Shichi ฌิชิ
3 San ซัน 8 Hachi ฮาชิ
4 Shi ฌิ 9 Kyu คีว
5 Go โงะ 10 Ju จู

ประโยคพื้นฐานการทักทาย คำพูด ภาษาญี่ปุ่น

  • แล้วพบกันใหม่ Mata iemasho มาตะ ไออิมาโช
  • เชิญ Dozo โด โสะ
  • ขอบพระคุณมาก Domo arigato โด โหมะ อาริงาโตะ
  • ยินดีที่ได้รู้จัก Hajimemashite ฮะจิเมะมาชิเตะ
  • ไม่เป็นไร Douitashimashite โดอิตะชิมะชิเตะ
  • ร้อนจังนะ Atsuidesune อะซึ่ย เดสเนะ
  • หนาวจังนะ Samuidesune ซะมุ่ย เดสเนะ
  • อากาศดีจัง Iitenkidesune อี้เตงกิเดสเนะ
  • ห้องน้ำ Otearai โอเตไร
  • ภัตตาคาร Resutoran เรสสึเตรอง
  • น้ำแข็ง Kori โคริ
  • อร่อย Oishii โออิชิ
  • โรงแรม Hoteru โฮเทรุ
  • รถแท็กซี่ Takushi ทาคุชี
  • โทรศัพท์ Denwa เด็งวา
  • โรงพยาบาล Byooin เบียวอิน
  • เป็นไข้/ตัวร้อน Netsu นัทสึ
  • ช็อบปิ้ง (Shopping)
  • ราคาเท่าไร Ikura อิคุระ (เดสกา)
  • เงินทอน Osueri โอสุริ
  • เงินสด Okane โอกาเนะ

ภาษาญี่ปุ่นกับ อาชีพต่างๆ

หมอ, แพทย์ :: いしゃ :: อิ-ชะ
วิศวกร :: エンジニア :: เอน-จิ-นี-อา
มัคคุเทศก์ :: ガイド :: ไก-โดะ
ครู :: せんせい :: เซน-เซ
ทหาร :: ぐんじん :: กุง-จิน
ตำรวจ :: けいさつかん :: เค-ซัส-คัง [ออก つ นิดเดียว]
ข้าราชการ :: こうむいん :: โค-มุ-อิน
บุรุษไปรษณีย์ :: ゆうびんきょくいん :: ยู-บิน-คิโยะ-คุ-อิน
จิตรกร :: がか :: กา-คา

เครือญาติ ในภาษาญี่ปุ่น

おとうさん (โอ-โท-ซัง) = คุณพ่อ
おかあさん (โอ-กา-ซัง) = คุณแม่
こども (โค-โด-โมะ) = ลูก
おねえさん (โอ-เน-ซัง) = พี่สาว
おにいさん (โอ-นี-ซัง) = พี่ชาย
おばあさん (โอ-บา-ซัง) = คุณย่า, ยาย
おじいさん (โอ-จี-ซัง) = คุณปู่, ตา
おじさん (โอ-จิ-ซัง) = คุณลุง
おばさん (โอ-บะ-ซัง) = คุณป้า
はは (ฮะฮะ) = แม่(ของตนเอง)
ちち (ชิชิ) = พ่อ(ของตนเอง)
むすめ (มุ-ซึ-เมะ) = ลูกสาว
คนญี่ปุ่นจะถ่อมตนและยกให้คนอื่นสูงกว่าเสมอ.. นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงต้องมีคำเรียก…ของตน
こいびと (โค-อิ-บิ-โทะ) = แฟน
ともだち (โทะ-โมะ-ดา-จิ) = เพื่อน
せんぱい (เซน-ไป) = รุ่นพี่
こうはい (โค-ไฮ) = รุ่นน้อง

ชื่อวิชาเฉพาะต่างๆ ภาษาญี่ปุ่น

แพทย์ศาสตร์ = いがく = อิกาคุ
เภสัชศาสตร์ = やくがく = ยาคุกาคุ
เคมี= かがく = คากาคุ
ชีวเคมี = せいかがく = เซอิคากาอิ
ชีววิทยา = せいぶつがく = เซอิบุซึกาคุ
เกษตรศาสตร์ = のうがく = โนกาคุ
ธรณีวิทยา = ちがく = ชิกาคุ
ภูมิศาสตร์ = ちりがく = ชิริกาคุ
คณิตศาสตร์ = すうがく = ซือกาคุ
ฟิสิกส์ = ぶつりがく = บุทสึริกาคุ
วิศวกรรมศาสตร์ = こうがく = โคกาคุ
วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ = でんしこうがく = เด็งชิโคกาคุ
วิศวกรรมไฟฟ้า = でんきこうがく = เด็งคิโคกาคุ
วิศวกรรมเครื่องกล = きかいこうがく = คิคาดิโคกาคุ
วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ = コンピューターこうがく = คนพิวต้าโคกาคุ
พันธุวิศวกรรม = いでんしこうがく = อิเด็งชิโคกาคุ
สถาปัตยกรรมศาสตร์ = けんちくがく = เค็นจิคุกาคุ
ดาราศาสตร์ = てんもんがく = เท็งมงกาคุ
วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม = かんきょうかがく = คังคโยคะกาคุ
รัฐศาสตร์ = せいじがく = เซอิจิกาคุ
นิติศาสตร์ = ほうりつがく = โฮริทสึกาคุ
เศรษฐศาสตร์ = けいざいがく = เคอิซาอิกาคุ
บริหารธุรกิจ = けいえいがく = เคอิเออิกาคุ
สังคมศาสตร์ = しゃかいがく = ชาคาอิกาคุ
ครุศาสตร์ = きょういくがく = คโยอิกาคุ
วรรณคดี = ぶんがく = บุนกาคุ
ภาษาศาสตร์ = げんごがく = เก็งโกกาคุ
จิตวิทยา = しんりがく = ชินริกาคุ
วิชาปรัชญา = てつがく = เททสึกาคุ
ศิลปกรรม = げいじゅつ = เกอิจยูทสึ
วิจิตรศิลป์ = びじゅつ = บิจุททสึ
ดนตรี = おんがく = องกาคุ
พลศึกษา = たいいくがく = ทาอีคุกาคุ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ alanciajapan/knownihongo

ที่สนามบิน (At the airport)

  • หนังสือเดินทาง Passport พาสปอร์ต
  • กระเป๋าเดินทาง Nimothu นิมอทสุ
  • ตั๋วเครื่องบิน Hikoki No Kippu ฮิโคคิ โนะ คิปปุ

cat-1096821_640

ภาษาญี่ปุ่น คำทั่วๆ ไปน่ารู้

มีเพิ่มเติมจากน้อง by Hana_NZ

  • เพื่อน (Tomodachi) โทโมดาจิ
  • หิมะ (Yuki) ยูกิ
  • ดอกไม้ (Hana) ฮานะ
  • เพลง (Uta) อูตะ
  • พระอาทิตย์ (Taiyo) ทาอิโยะ
  • เด็ก (Kodomo) โคโดโหมะ
  • กระเป๋า (Kaban) คาบัง
  • หมา (Inu) อินุ
  • แมว (Neko) เนะโกะ
  • ฝน (Ame) อะเมะ
  • บ้า (Baga) บ้าก่า
  • เผ็ด (Karai) คะไร
  • ปราสาท (Jo) โจ
  • พรุ่งนี้ (Ashita) อะชิตะ
  • กิน (Taberu) ทาเบรุ
  • ใหญ่ (Dai) ได

ได้มานิดหน่อยจากเพื่อน ไม่ค่อยแน่ใจตัวเขียนในวงเล็บนะ ได้แต่ออกเสียง = =” ภาษาญี่ปุ่นสนุกดีนะ ^__^

หมายเลขบันทึก: 624058เขียนเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2017 14:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2017 15:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท