เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2549 ได้ไปฟังการจัดเสวนาเรื่อง การจัดการความรู้กับสังคมไทย ที่ตลาดนัดเครือข่ายการจัดการความรู้ ซึ่งจัดโดยมูลนิธิข้าวขวัญ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีผู้ร่วมเสวนา จำนวน 4 ท่าน คือ
ท่านที่ 1 ศ. นพ. วิจารณ์ พานิช
ท่านที่ 2 ดร. ทิพวัลย์ สีจันทร์
ท่านที่ 3 คุณทวีสิน ฉัตรเฉลิมวิทย์ และ
ท่านที่ 4 คุณเดชา ศิริภัทร
ภาพที่ 1 เวทีเสวนาเรื่อง การจัดการความรู้กับสังคมไทย
ซึ่งในมุมมองของ ศ. นพ. วิจารณ์ พานิช ที่ดิฉันนั่งฟังอยู่นั้น ท่านได้พูดสรุปโดยแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นหลักที่เกี่ยวข้อง ก็คือ
ประเด็นที่ 1 การจัดการความรู้...เป็นการเรียนไม่รู้จบ
ประเด็นที่ 2 การจัดการความรู้มีหลายระดับชั้นและมีหลายระนาบ ได้แก่ ระดับชั้นชาวนา ระดับชั้นนักวิชาการ และ ระดับชั้นการเมือง ฉะนั้น แต่ละระดับชั้นควรจะนำความรู้มาตรวจสอบเพื่อหาจุดรวมในการสร้างความรู้และการขยายตัว เรียกว่า การจัดการความรู้หลาย ๆ ชั้น และหลาย ๆ ระนาบเข้าด้วยกัน
ประเด็นที่ 3 การจัดการความรู้ของโรงเรียนชาวนา ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “เพื่อนแลกกับเพื่อน” ที่มาเรียนรู้เทคนิคในอาชีพชาวนาที่เป็น “โรงเรียนทางไกล”
ภาพที่ 2 ศ.นพ. วิจารณ์ พานิช
การจัดการความรู้ของประเทศไทยจะก้าวไปสู่มิติของ...การจัดการความรู้ทางไกล...ที่แลกเปลี่ยนโดยไม่ต้องมาพบเจอกันเป็น “KM ทางไกล...ฉบับชาวบ้าน” โดยใช้สื่อเป็นตัวกลางในการเดินเรื่องหรือสื่อสารถึงกัน ได้แก่ CD VDO และอื่น ๆ ซึ่งจะเป็น “ศูนย์แลกเปลี่ยนสื่อทุกจังหวัด” ที่เป็นเรื่องราวของคน กลุ่ม และองค์กร คือ “ตัวอย่างที่ประสบผลสำเร็จ” ในลักษณะของ “KM ขยายวง” เพื่อนำไปปรับใช้กับเรื่องราวของเราเองได้ โดยเฉพาะถ้าเราเองมีประสบการณ์ที่เป็น Tacit Knowledge อยู่ในตัวเราเองแล้วก็จะทำให้การเรียนรู้ของตัวเราเองไปได้ค่อนข้างเร็วมากจากการฟัง การดู การสังเกต และการแลกเปลี่ยน
จากการสรุปบทเรียนของอาจารย์หมอในครั้งนี้ได้ให้ข้อคิดกับดิฉัน โดยดิฉันนำมาเปรียบเทียบกับข้อสงสัยและสิ่งที่กำลังคิดภายใต้คำถามที่ว่า “เพราะอะไรคนบางคน..เมื่อฟังเนื้อหาสาระเกี่ยวกับการสร้างและพัฒนาคนในงานส่งเสริมการเกษตร...แล้วเกิดความรู้ความเข้าใจ หรือ เกิดการเรียนรู้ได้ไวนักหนา” ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการนำเรื่อง การจัดการความรู้ (KM) เข้ามาใช้ในองค์กร...ก็เข้าใจได้รวดเร็ว และปฏิบัติได้ไว และ เมื่อมีการนำเรื่องการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (PAR) เข้ามาใช้ในองค์กร ก็เข้าใจได้เร็ว และลึกซึ้งถึงแก่นของมันด้วย....ซึ่งคำตอบและข้อสรุปที่ได้ก็คือ
1) เขาเป็นในเรื่องของกระบวนการเรียนรู้
2) เขามีฐานที่มั่นคงของการปฏิบัติจริง และ
3) เขาไม่เคยหยุดนิ่งกับการทำงานพัฒนา
ฉะนั้น สิ่งดังกล่าวจึงส่งผลให้ฐานการรับรู้และฐานการเรียนรู้ของเขาเกิดความมั่นคงอย่างแท้จริง.