จากที่ได้ทำงานวิจัยเรื่อง"การเตรียมน้ำยาครีอะตินินสำหรับเครื่อง Synchron CX3 "ทำให้ผมได้อะไรอีกหลายอย่าง เช่น
-ทำให้การทำงานของตนเองมีระบบมากขึ้น กล่าวคือ เมื่อก่อนจะทำอะไรก็ทำเลยโดยไม่ต้องหาข้อมูล แต่หลังจากทำงานวิจัย ทำให้ผมคิดก่อนทำเสมอ คือต้องมีข้อมูลพอสมควรก่อนที่จะทำอะไร แต่ไม่ใช่เชื่อตามข้อมูล จนกว่าเราจะพิสูจน์ว่าจริง เพราะปัจจุบันวิวัฒนาการเจริญไปอย่างมาก ข้อมูลบางอย่างอาจเปลี่ยนแปลงได้
- ได้ฝึกเขียนบทคัดย่อภาษาอังกฤษเอง ปกติแล้วภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ทุกคนชอบเหมือนกับผมใช่มั๊ยครับ (ฮิๆๆ) ผมเลยพยายามหาเทคนิคในการเขียนโดยการไปอ่านบทคัดย่อ( abstract) ของคนอื่นที่ทำงานวิจัยที่ใกล้เคียงกับของเรา แล้วนำมาเรียบเรียงให้ตรงกับของเรา ทำให้เราไม่ต้องมาเขียนเองทั้งหมด ประหยัดเวลาได้เยอะมาก ก่อนที่ผมจะเขียนบทคัดย่อนั้นผมก็ได้ปรึกษาคนที่ทำงานวิจัยมาก่อนแต่เขาทำงานไม่ตรงสายงานของเรา เขาจะไม่เข้าใจศัพท์เฉพาะทางของเรา เขาเลยแนะนำให้ไปหาอ่าน paper ที่ใกล้เคียง ผมเลยนำเทคนิคมาใช้ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าเรียบเรียงใหม่แล้วถูกหมดนะครับ ผมต้องหาคนมาช่วยอ่านให้ผมอีกครั้ง คนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนครับ พี่โอ๋ นั่นเอง (ต้องขอขอบคุณ พี่โอ๋มาก ๆเลยที่ช่วยอ่านและแก้ให้ ) ได้ข่าวมาว่าแก้เยอะมาก
-หลังจากที่ทำเสร็จทำให้รู้สึกว่าอยากทำอีก (ถ้ามีเวลา) พบจบงานชิ้นแรก ทำให้ผมรู้สึกว่างานวิจัยไม่ยากเกินกว่าที่เราพยายามหรอกครับ ดังสุภาษิตไทยที่ว่า "ความพยายามอยู่ที่ไหนความพยายามอยู่ที่นั่น" ไม่ใช่ครับเขียนผิด " ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น" ใช่มั๊ยครับ
-ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากขึ้น (ตรงนี้อธิบายไม่ถูกครับ )
งานวิจัยชิ้นต่อไปของผมคือนำโครงการ Patho-OTOP 2 ที่ผมเป็นสมาชิกมาเขียนเป็นงานวิจัย R2R นั่นก็คือ "โครงการประดิษฐ์อุปกรณ์วัดปริมาตร 24 ชั่วโมง " ตอนอยู่ในช่วงเขียนร่างอยู่ครับ
ใช่ค่ะ "ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น" เป็นคติประจำตัวของตัวเองยึดถือมาตลอด และเป็นจริงเช่นนั้นเสมอ ขอให้กำลังใจนายดำ ทำสิ่งดีๆ ต่อไป และนำมาเล่าให้พวกเราฟัง (เป็นระยะก็ได้)
อีกเรื่องที่ผมได้จากงานวิจัย คือ โรคกระเพาะ ครับ ความเครียดจากงานวิจัยครั้งนี้ทำให้ผมเป็นโรคกระเพาะจนได้ แต่ไม่เป็นไรครับ ถ้าหายเมื่อไรก็จะทำงานชิ้นที่สองต่อเลยครับ แต่ก็กลัวเป็นโรคกระเพาะอีก ใครมีวิธีแก้ช่วยบอกที ขอบคุณครับ