เหตุผล ในเหตุการณ์ ที่เธอต้องรู้..........


เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องเล่ามานานกว่า 20 ปี ก็ว่าได้

เป็นเรื่องของความโชคดีของ สามีภรรยา คู่หนึ่ง

เรื่องมีอยู่ว่า สามีภรรยาคู่นี้ได้มีโอกาสไปเที่ยวภูเขา

สองสามีภรรยาได้เดินทางโดยรถบัสประจำทาง

ไปยังยอดเขาแห่งหนึ่ง (จำไม่ได้เขาไหน)

รถก็ได้วิ่งไปตามทางบนเขาไต่ตามถนนไหลเขา

(ถนนด้านหนึ่งเป็นเขาชัน อีกด้านก็เป็นสันเขา)

ครั้งมาถึงระยะหนึ่ง ไม่ไกลจากยอดเขา (ปลายทาง)

จากแผนที่ จะผ่านจุดชมวิวที่มีความสวยงาม

ทั้งสองคนตัดสินใจ เดินจากจุดชมวิวไปยังยอดเขาเอง

จึงขอให้รถประจำทางหยุดบริเวณนั้น ให้ทั้งสองคนลงจากรถ

ทั้งสองคนได้ลงจากรถบริเวณนั้น เพื่อหยุดพักชมวิว ถ่ายรูป

เมื่อเวลาผ่านไปไม่ถึง 1 นาที ทั้งสองคนก็ได้ยินเสียงดังสนั่น

ทั้งสองคนวิ่งตามเสียงขึ้นไปบนเขา ตามเสียง พบว่ารถของทั้งสองคนนั้น

ได้รับอุตบัติเหตุ ตกเขา เนื่องจากมีหินก้อนใหญ่หล่นลงมากระทันหัน

ทำให้คนขับ ขับหักหลบเสียหลัก หักลงสันเขา ตกเขา.....

เหตุการณ์นี้ทำให้คนทั้งคันรถถึงแก่ความตายทั้งหมด

สักพักก็มีคนจำนวนมากวิ่งตามเสียงลงมาดูบริเวณที่รถตกเขา

เห็นสองสามีภรรยาคู่นี้ จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น สองสามี...จึงเล่าเรื่องรถที่โดยสารมาให้ฟัง....

ชาวบ้านต่างก็ดีใจ ยินดี ถึงความโชคดีของสามีภรรยาคู่นี้...???

เล่าลือต่างๆ นา ว่ามีพระคุ้มครอง เป็นคนไม่ถึงที่ตาย

ภรรยาก็ดีใจด้วยความโชคดีที่รอดตายอย่างไม่คาดคิด

วันวันนั้นสามีก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เศร้าซึมเสียใจไปกับเหตุการณ์

ณ เวลานั้น สามีก็พยายามทำทุกอย่าง เพื่อช่วยเหลือผู้เสียชีวิต

ไม่ว่าจะเป็นการจ้างให้คนไปเอาศพขึ้นมา รวมทั้งเป็นเจ้าภาพงานศพ

อุปถัมภ์ญาติพี่น้องลูกหลาน ของผู้ตาย เป็นที่โจษจันในความใจกว้าง เป็นคนดี

ทั้งๆ ที่ไม่เป็นญาติ ไม่เกี่ยวข้องใด ยังช่วยเหลือขนาดนี้

ทั้งที่ภรรยาก็ไม่เห็นด้วยแต่อย่างไร แต่ก็จำใจตามสามี

โดยถือว่าเสียเงินฟาดเคราะห์ไป ถือว่าโชคดีมาก

ในทุกๆ ปี สามีก็จะนำภรรยามา ณ ตำแหน่งที่รถตกมาวางดอกไม้

สามีก็จะกล่าวขอโทษ คุกเข่าคำนับ และพูดขึ้นว่าเราน่าจะอยู่ในรถนั้น

เมื่อภรรยาได้ยินดังนั้นก็ไม่พอใจ ต่อว่าสามี ว่าอยากตายหรือ ?

ภรรยาไม่เคยเห็นด้วย และปฏิเสธที่จะไประลึกถึงทุกปี แต่จำใจตามสามี....

ครั้นเวลาผ่านไป 15 ปี สามีนำภรรยามาวางดอกไม้ระลึกถึงทุกปีไม่เคยขาด

สามีป่วยหนัก ใกล้ถึงแก่ความตายจึงเรียกภรรยาของตนเข้ามา

แล้วสั่งเสียให้ ทุกๆปี ในวันดังกล่าวถ้ายังมีชีวิตอยู่ต้องไป.....

วางดอกไม้ระลึกถึงเหตุการณ์ และขอโทษ ในเหตุที่เกิดขึ้น

ครั้งภรรยาได้ยินดังนั้น ด้วยอารมสามีกำลังจะตาย ผนวกกับ

ไม่เคยเห็นด้วยมาตลอดจึงปฏิเสธสามี และตำหนิสามีว่า

ภรรยา - " เรื่องก็ผ่านมานานแล้ว เราก็เป็นผู้โชคดี คนตายก็ไม่ใช้ญาติ

พวกเขาตายไปไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกับเราสักหน่อย

ทำไมเราต้องไปรำลึกถึงคนเหล่านั้นด้วย เหตุการณ์ครั้งเป็นอุบัติเหตุ

ทำไมต้องไปขอโทษ เราไม่ได้ฆ่าเขาสักหน่อย "

สามีมองภรรยาแล้วทำหน้าสลดใจ

สามี - "ที่ต้องขอโทษเพราะเราทำให้เขาตาย เพราะเขาตาย

เราจึงต้องอุปถัมภ์ญาติพี่น้องของผู้ตาย แทนเขา"

ภรรยาได้ยินดังนั้นจึง โกรธสามีมากแล้ว กล่าวต่อไปว่า

ภรรยา - "คุณนี้แยกมากๆ เลย ฉันเห็นว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเราสักนิดเลย

ฉันทนตามใจคุณมานานแล้ว ทุกปีฉันต้องหาเวลาว่าง ฉันต้องไปรำลึก

บ้าบ้า บอบอ ตามคุณมาตลอด ไหนคุณบอกเหตุผลมาสิ..."

สามีมาภรรยาอย่างเศร้าสลดอีกครั้ง แล้วกล่าวว่า

สามี - "คุณตรองดูให้ดีน่ะ หากวันนั้นเราอยู่บนรถ จะเป็นอย่างไร ....."

ภรรยาตอบด้วยความโมโหสุดขีดแล้วกล่าวอย่างรุนแรงว่า

ภรรยา - " ....พวกเราก็ตายไม่กับพวกเขาน่ะสิ ไม่มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้แล้ว..."

สามีนิ่ง คิดขึ้นว่าเขาทำถูกหรือไม่ ที่ไม่เล่าความคิดของเขาให้ภรรยารู้....

ทำให้ภรรยามีความทุกข์ ทุกปีที่ไปลำลึก โดยหวังว่าภรรยาจะคิดออกเอง

แต่ในเมื่อไม่มีเวลาอีกแล้ว ฉันกำลังจะตาย คงต้องบอกให้รู้สักที สามียิ้ม....

สามี - "คุณลองคิดอีกทีน่ะ แต่ตอนนี้คิดตามผม อย่าคิดตามชาวบ้านล่ะ ..."

ภรรยาทำหน้า งง งง คิดในใจว่าจะแก้ตัวว่าอย่างไร ถ้าเหตุผลไม่ดีพอล่ะก็....

สามี - "....ลองคิดตามน่ะ ..... ในเวลานั้นเราขอลงรถที่จุดชมวิว ก่อนถึงปลายทาง

...... ทำให้เราไม่ตาย ถูกไม๋ (ภรรยาพยักหน้า).....

ถ้าเราไม่ลงรถ เธอคงคิดว่าเราคงต้องตายไปด้วยใช้ไม๋ (ภรรยาพยักหน้า)...

แต่ถ้าเธอคิดให้ดีๆ ถ้าเราไม่ลงรถในวันนั้น รถก็ไม่ต้องหยุด ถูกต้องไม๋ (ภรรยาพยักหน้า)...

ถ้ารถไม่หยุดรถก็จะวิ่งไปเรื่อยๆ เมื่อรถวิ่งไปเรื่อย เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ.......

ณ เวลานั้น ก้อนหินก็ยังไม่หล่นลงมาใช้ไม๋ รถจะวิ่งผ่านไปก่อน ไม่ต่ำกว่า 15 วินาที

ก่อนที่ก้อนหินก้อนนั้นจะหล่นลงมาจริงไม๋ ........ หากเราไม่ลงรถในวันนั้น....

ทุกคนในรถ รวมทั้งเราด้วยก็จะไม่ตาย........ฉันคิดแบบนี้ถูกต้องไม๋.....??? "

เมื่อภรรยาได้ยินดังนั้น ก็ถึงกับทรุด คุกเข่าลงกับพื้น ร้องไห้ และกล่าวว่า

ภรรยา - "ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ โดยเฉพาะคุณ......

ฉันเข้าใจว่าคุณเพี้ยนมาโดยตลอด ฉันขอโทษๆๆๆๆ ทำไมไม่บอกฉัน..."

สามี - "ก็ไม่อยากให้เธอรู้ เพราะว่าเธอเป็นคนละเอียดอ่อน จะทำให้เธอไม่สบายใจ ที่เป็นเหตุให้คนเหล่านั้นต้องตาย......และไม่มีความสุข.......ให้ฉันมีความทุกข์คนเดียวก็พอ.....แต่เวลาก็ผ่านมานาน น่าจะถึงเวลาได้แล้วที่เธอต้องรู้......"

เหตุการณ์นี้สอนให้รู้ว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไรลงไป สิ่งที่เราทำลงไป มีผลดี และผลร้ายตามมาเสมอ

อยู่แต่ว่าเราจะคิดออกหรือเปล่า การกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้เวลานี้ คุณคิดว่าทำดี ทำเพื่อชาติ ทำเพื่อสังคม ทุกคนได้ดี ซึ่งเป็นเพียงมุมที่คุณอยากรู้ อยากเห็นเท่านั้น (มุมที่ภรรยาเห็น) ลองทำใจให้กว้าง มองไปรอบๆ ลึกๆ และยอมรับในมุมที่คุณไม่อยากรู้ ไม่อยากเห็นบ้าง (ไม่อยากให้นำเสนอ มุมของสามี ถ้าวันนั้นเสนอออกไป ลูกหลาดผู้ตายจะต้องมาเอาผิดและ สาบแช่งแน่นๆ) แล้วมองในมุมของคนที่ต้องสูญเสียดูบ้าง...จงเยียวยา และระลึกถึงเขาบ้าง..................ขอบคุณ

สวัสดีครับ

หมายเลขบันทึก: 622091เขียนเมื่อ 25 มกราคม 2017 16:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 มกราคม 2017 16:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท