815. "ซีอีโอ 4.0"


บทความโดยดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ อาจารย์ MBA มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้ก่อตั้ง AI Thailand (www.aithailand.org)

ล่าสุดมีลูกศิษย์โทรมา Case 1 บอกว่า “ตอนนี้องค์กรกำลังแย่ คนเก่งๆ ออกจากบริษัทไปตั้งบริษัทแข่งหลายคน ทำอย่างไรดี” case 2 “อาจารย์คะอยากเจออาจารย์มากๆ ตอนนี้คนในแผนกกำลังจะลาออกหมดแล้ว เพราะนายพับโครงการเราหมด ยังไม่ทันฟังให้ดีเลย” case 3 “อยู่ดีๆ นายก็เพิ่มยอดขายจาก 1 หมื่นเป็น 5 หมื่นล้าน...ให้เพิ่มงานสองเท่า เงินเดือนเพิ่มสามเท่า รวยขึ้นนะ แต่ผมไม่ชอบ เพื่อนไม่ชอบ เพราะไม่ถามกันก่อน เชื่อแต่ที่ปรึกษา” case 4 “CEO คิดสั้นไม่มองการไกล เอาแต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ตอนนี้ปิดสาขาไปครึ่งหนึ่งแล้ว”

สารพัดเสียงโอดครวญ ที่ผมได้ยินมาจากคนทำงาน เลยเป็นที่มาของบทความนี้ คือซีอีโอ 4.0


ผมเห็นหลายปัญหามากๆ ที่เกิดระหว่าง CEO กับผู้ใต้บังคับบัญชา ..

ในขณะเดียวกันหลังจากได้ศึกษา สอบถามจากคนในองค์กร ถ้าในกรณีนี้น่าจะเป็นพันขึ้น ผมก็เห็นอะไรบางอย่างที่เปรียบได้กับเส้นผมบังภูเขาที่อยากเอามาแชร์

ผมแชร์ผ่านกรอบทฤษฎีสัตว์สี่ทิศ ที่แบ่งคนเป็นสี่ประเภทกระทิง หมี หนู อินทรี

กระทิง คือขาลุย คิดแล้วทำ ไม่พูดพล่ามทำเพลง แต่บางที งานได้ผล คนแหลกราญ ทำอะไร ก็ไม่คิดให้ไกลพอ ลูกศิษย์ขยันมากๆ ลุยตลอด แต่ลืมมองโลกรอบตัว อยู่ดีๆ ก็มี 7 มาเปิดแข่ง แพ้ครับ เพราะขยันแต่ไม่ได้มองภาพไกล อีกคนอยากทำงานเป็นที่ปรึกษา พอมีหลักสูตรที่ปรึกษาโฆษณาว่าจบแล้วได้เป็นที่ปรึกษา แต่ต้องหาเงิน 150,000 มาลงทะเบียน พี่แกจัดเลยครับ ใช้เงินบำนาญที่เหลือก้อนสุดท้ายมาลงทะเบียน ไม่ดูตามาตาเรือ ที่สุดเขาหลอกเอา ไม่ได้เป็นที่ปรึกษาตามที่ฝันไว้ 

อินทรี เป็นพวกคิดนอกกรอบ แต่บางทีไม่ทำให้จบเป็นเรื่องๆ มีที่หนึ่งครับ Idea บรรเจิดมากๆ มีอะไรใหม่ๆ มาทุกเดือน แต่ไม่ทันทำของเดิมให้จบก็เริ่มใหม่ แล้วที่สุดลูกน้องเก่งๆ หนี

หมี เป็นพวกเจ้าระเบียบ แต่บางที่หยุมหยิม ไม่มองภาพใหญ่ ไปเจอบางทีเซลล์ขายของลูกค้ารายใหญ่ได้เงินมามาก แต่เนื่องจากไปคุยใน Starbucks เลยเลี้ยงกาแฟลูกค้า แต่เอามาเบิกไม่ได้ เนื่องจากบัญชีที่เป็นหมีในบริษัท หมีจัดมากๆ..บอกว่าไม่ถ่ายรูปขณะกินกาแฟกับลูกค้ามา...ได้ผลเซลล์เก่งๆ ออกไปสี่ห้าคน

หนู รักเพื่อนรักพ้อง แต่บางที่เอาความสัมพันธ์เป็นตัวตั้งเกินไป มีลูกศิษย์บ่นลูกน้อง ...เน้นความสัมพันธ์จนลืมขอบเขต ประนีประนอมกับลูกค้าจน ปิด Project ไม่ลง

เอาเป็นว่า คุณลอง Check ดูว่าคุณเป็นคนทิศไหน CEO คุณเป็นคนทิศไหน ลองดูจากวิธีสื่อสารของคุณ


ผมจะบอกให้ครับ ตั้งแต่ผมทำมาทั้งภาครัฐและเอกชน ...CEO เมืองไทยมักเป็นกระทิงครับ ... ไม่ค่อยเจอทิศอื่น..ใน Office ก็จะมีหมีและหนูเยอะ อินทรีน้อยลงมา ถ้าสายโรงงานหัวหน้าก็จะหมีเยอะ ...ส่วนในสายการผลิตจะเป็นหนูเยอะมากๆ

ถ้าไม่เข้าใจกันก็ไปคนละทิศครับ

ลอง Check ก่อนว่าคุณเป็นทิศไหน ลองดูพฤิตกรรมของคนแต่ละทิศตามนี้นะครับ

คุณเห็นอะไรไหมครับ ...กระทิงชอบถามว่าเมื่อไหร่ เน้น Speed

อินทรี จะถามหาถามเลือก เพราะเขาไม่ชอบอะไรซ้ำซาก

หมี เน้น Check ขั้นตอน ระบบระเบียบ

หนู เน้นคน ความชิลล์

ผมเป็นอินทรีครับ คุณล่ะเป็นใคร...

คราวนี้ ถ้าคุณบอกว่า “ฉันมีหมดทุกทิศเลย” ใจเย็นครับ... เอาที่เด่นที่สุด เอาตอนที่คุณซื้อขอ คุณอยู่คนเดียว ไม่มีใครมอง คุณมีแนวโน้มจะเป็นอะไร ...

แต่ในอุดมคติ ...คุณต้องเป็นทุกทิศอยู่แล้วครับ นั่นคือเป้าหมายสูงสุด ...

เอาเป็นว่านายส่วนใหญ่ (99%) ที่ผมเห็นเป็นกระทิง... แต่ลูกน้อง ลูกค้ามันคนละกลุ่ม แน่นอนคุณมีลูกน้องกระทิง ใช่ แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่ง...

เอาหล่ะถึงเวลามาทำความเข้าใจแล้ว ..

เริ่มจาก การสื่อสารนี่สำคัญที่สุด Peter Drucker บอกว่าสาเหตุของปัญหาในธุรกิจ 60%มาจากเรื่องการสื่อสาร...


แล้วจะทำอย่างไร สื่อสารแล้วคนในองค์กรทำตาม...นี่คือประโยคเด็ด ที่คนแต่ละทิศเล่าให้ผมฟังครับ ว่าพูดแบบนี้เขาเทใจให้เลย... ถ้าคุณเป็นกระทิง และคุณพูดแบบกระทิง..กระทิงเท่านั้นที่เข้าใจคุณ ที่เหลือวงแตก.. กระทิงและหมี ดูจริงจัง แต่อินทรีกับหนูใช้ความรู้สึก..

ส่วนการสื่อสารกับลูกค้า ผมเอาประโยคเด็ดที่พูดแล้วปิดการขายได้มาฝาก ...นี่ผมแถมให้ CEO เอาไปติดอาวุธให้ลูกน้อง เขาจะทำงานง่ายขึ้น คุณลองเก็บข้อมูลเพิ่มเติมดูนะครับ ..ผมเก็บมาหลากหลายมันออกมาแนวเดียวกันลูกน้องคุณจะทำงานมีความสุขมากขึ้น ที่สำคัญบางธนาคารผมไปมา...ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่เป็นหมีกับกระทิงเยอะมากโดยเฉพาในสำนักงานใหญ่ แต่ลูกน้องที่เข้าใหม่ตามสาขาเป็นหนูเยอะ ลูกค้าก็เป็นหนูเยอะ...ยุ่งไหมครับ คนละเรื่องเลย บางที่ CEO สร้างตัวมาในวิถีกระทิง จะไปคาดหวังให้ลูกน้องใช้วิธีตัวเอง นี่ยากแล้ว ไม่ใช่ธรรมชาติแล้ว


CEO ต้องพัฒนาลูกน้อง มาดูสิครับ ว่าแต่ละทิศเขาพัฒนาตนเองด้วยวิธีการแบบไหน จากที่ผมศึกษามา นี่จากหลายๆที่ออกมาในแนวเดียวกัน กระทิง หมี อินทรีจะเรียนรู้อะไรด้วยตนเอง แต่ด้วยระบบที่ต่างกันหน่อย ...หนูต่างนิด เรียนรู้เป็นทีม เป็นกลุ่ม เรื่องนี้เอาไปให้ HR ดูเป็นข้อมูลได้เลย เพราะที่เห็นมา HR เป็นหมีครับ ส่วนใหญ่เลย.. ถ้า HR ที่เป็นหมี คิดอย่างหมี แต่คนส่วนใหญ่ในองค์กรเป็นหนูนี่ไปคนละทางครับ ... แต่ที่น่าสนใจในเรื่องการพัฒนาตนเอง..ส่วนใหญ่ไม่เกิดในห้องเรียน...หากแต่เกิดในหน้างานครับ ... และแทบไม่ต้องใช้งบประมาณเลย .. ถ้ามองตรงนี้เป็นโอกาส.. ถ้าคุณงบน้อย ลองเอาเรื่องนี้ไปหารือกัน ..จะเศรษฐกิจตกแค่ไหน คุณก็ยังพัฒนาคนชองคุณได้ ถ้าเข้าใจกระบวนการเรียนรู้ของคนแต่ละทิศ ..


มาเรื่องความสุข จะเห็นแยกออกเป็นสองทิศทาง กระทิงกับหมีจะมีโยงเรื่องงานไปด้วย แต่อินทรีและหนูจะแยกออกจากงาน.. นี่หมายถึงเวลาคุณกลับบ้าน ถ้าครอบครัวของคุณตกอยู่ในทิศอื่น ก็ไม่ต้องไปโม้เรื่องงานกับลูกกับเมีย ที่เป็นอินทรีกับหนู คนละอย่างกันครับ เขาไม่ต้องการเรื่องราวการล่ารางวัลของคุณแน่นอน ส่วนลูกน้องหมี ลองให้เขาจับอะไรที่เป็นการพัฒนาโครงสร้างในระยะยาวเช่นการพัฒนาแผนก การพัฒนาคน การสร้างระบบบางอย่าง เขาเหมือนเกษตรกรที่ผลูกต้นไม้ ทะนุถนอม เฝ้าดูการเติบโต ผมเห็นมาหลายที่


ต่อไปเป็นการทำงานร่วมกัน ลองดูนะครับพิธีกรรมคนละเรื่องเลย . ถ้าคุณเป็นกระทิงมันจะชัดเจนมาก แต่ชัดเจนมากๆ บางทีก็ขาดความท้าทาย อินทรีก็ห่อเหี่ยว อย่าลืมครับ เผื่อพื้นที่ให้อินทรีด้วย อินทรีเป็นเหมือนนักวิจัยและพัฒนา เขาฟุ้งโดยธรรมชาติ แต่ก็มีส่วนสำคัญต่อการสร้างนวัตกรรมให้บริษัท ลูกศิษย์ผมที่ทำบริษัทยาญี่ปุ่นเล่าให้ฟังว่า .. บริษัทจ้างนักวิจัยเพื่อทำงานวิจัยยาโมเลกุลเดียวตัวหนึ่ง คนนี้ทำเรื่องเดิมมากว่า 20 ปี ไม่เคยคิดอะไรใหม่ บริษัทก็ไม่ว่า ปีที่ 20 เขาคิดสูตรยาได้ ..ปรากฏว่าปัจจุบันรายได้บริษัททั่วโลก 30,000 ล้านเหรียญ 2/3 ของรายได้ มาจากยาที่พนักงาน (น่าจะอินทรี) ตัวนี้คิดได้ ... สำหรับหนูการทำงานเป็นทีมและความชิลล์มีความสำคัญมากๆ จริงใจแล้วเขาคิดไม่ออก (กระทิงกับหมีบางทีไม่เข้าใจ) บริษัทหนึ่งเล่าให้ฟัง โรงงานมีหนูเยอะมาก ปีที่สร้างผลผลิต Productivity สูงมากจะเป็นปีที่นายซื้อข้าวเย็นมากินกับลูกน้อง แล้วประชุมกันอย่างไม่เป็นทางการบ่อยๆ งานบ้างเรื่องส่วนตัวบ้าง แต่งานไปดีเลย ...ปีต่อมางานเอกสารเยอะขึ้น ไม่ได้ทำแบบเดิม ...ชัดมากทุกอย่างตกลงทันที


ส่วนถ้ามีข้อขัดแย้ง วิธีการที่แต่ละทิศพูดถึงการแก้ข้อขัดแย้งก็ดังที่ผมเก็บข้อมูลมา ... ลองเอามาทดลองดูนะครับ ...

สุดท้ายผมอยากบอกว่าองค์กรหลายที่ นาย ผู้นำ CEO ที่ลูกน้องให้ความเคารพ และทุ่มเทให้ เขาพูดกันเองว่ามีอย่างต่ำสามทิศในตัว ... ส่วนคนที่มี Talent ที่บริษัทจะดันขึ้นอย่างต่ำมีสอง... สมบูรณ์สุดสี่

ผมลองเก็บข้อมูลผู้นำที่เป็น Idol ให้ ...เช่นกระทิงที่เป็น Idol มีพฤติกรรมอย่างไร ...เราเก็บมาทุกทิศได้ความดังนี้


ถ้าคุณดูให้ดีแต่ละทิศ ดูเหมือนพฤติกรรมของเขา ผสมผสานทิศอื่นอย่างน้อยหนึ่งทิศเข้าไปทั้งนั้น อย่างกระทิงที่เป็น Idol ก็แอบมีมุมของอินทรีซ่อนเร้นอยู่ (ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้) หรือมีความเป็นหนู (คือกระโดดลงไปช่วยด้วย)

เอาหล่ะ ผมแถมให้อีก...นี่คือธุรกิจ บริการที่คนแต่ละทิศชอบ


จะเห็นกระทิงชอบอะไรไวๆ ประมาณ 7/11 ถ้าที่มหาลัยผมก็ปรีชาไก่ย่าง...คณบดีกระทิงชอบมาที่นี่...มาติดต่อกันเป็นสิบปี... ไม่ว่าจะฉลองอะไร คนเข้าออก วันเกิดแม่ใครก็มาที่นี่หมด เพราะอะไรครับ... เพราะเร็วมากๆ ที่นี่คุณพาคนมาสามสิบคน คุณจะได้กินไก่ย่างส้มตำรสเลิศ การกินทุกอย่างจะจบลงใน 1 ชั่วโมง CEO กระทิงจะชอบมาก ...แต่อินทรีป่วยไปเลย ..หนูก็รู้สึกได้คุยน้อย ... ส่วนหมีเน้นคววามคุ้มค่าอย่าง MK เพราะมีบอกโภชนาการด้วย ...อินทรีก็ชอบร้านแปลก หนูนี่ชอบกลางทุ่งไปไกลๆ...กรณีคุณจะสร้างความสำเร็จร่วมกับหนูอาจดูที่เขาชอบนิด

อีกเรื่องการทำบุญครับ นี่ก็สำคัญหลายองค์กร CEO ใจบุญ อยากให้คนได้สัมผัสด้านจิตวิทญญาณ จะเห็นกลุ่มหมีจะชอบอะไรที่เป็นระบบเข้า Coure ล่าสุด อาจารย์เข้าใจแล้วหนูจัด Course นั่งสมาธิ ไม่มีคนมาเลย ...ก็เขาเป็นหนูนี่ไม่ชอบอะไรเงียบๆ หนูชอบอะไรเชิงจิตสาธารณะ ชอบโรงทาน... ต้องมองให้ขาด ไม่งั๊นจัดไปก็ไม่มีคนมา ...ส่วนกระทิงแกไม่ชอบอะไรช้าๆ อยู่แล้ว ...เห็น CEO กระทิงเครียด แจกซองผ้าป่าครับ ..หรือไม่ก็ชวนสร้างพระไปเลย บางทีแกสร้างวัดได้เป็นวัดเลย .. ขาลุย


สุดท้ายผมว่าประเทศไทย คนไทย 4.0 ต้องการ CEO 4.0 ที่เข้าใจความเป็นมนุษย์ด้วยกัน ... CEO จึงต้องยกระดับตัวเองให้มีสี่ทิศในตัว ลูกน้องก็ต้องพัฒนา สร้างแรงบันดาลใจให้เข้าขยับเป็นคนมีสิ่ทิศในตัว งานคุณจะง่ายขึ้น ประเทศก็จะได้อะไรมากขึ้น ไม่ใช่ยิ่งทำยิ่งแย่ คนยิ่งหาย เหนื่อยตายครับ

ทฤษฎีสัตว์สี่ทิศนี้ ผมเชื่อว่าถ้าใช้ดีๆ CEO จะดึงพลังสมอง พลังใจคนในองค์กรออกมาใช้ได้อย่างทรงพลัง ผมเชื่อว่าองค์กรของท่านจะเติบโตกว่าเดิม สร้างอะไรใหม่ๆได้มากกว่าเดิม เป็นกำลังใจให้นะครับ

สำหรับผู้ใต้บังคับบัญชา อย่าเพิ่งท้อ... คนส่วนใหญ่ดี ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เพียงแต่ดีไปคนละทิศ เราเองต่างหากต้องพัฒนาตนเองให้เป็นคนสี่ทิศให้ได้ เราจะเติบโตในอาชีพได้เอง ..


คุณล่ะคิดอย่างไร


ด้วยรักและปราถนาดีดีครับ


หมายเลขบันทึก: 621179เขียนเมื่อ 7 มกราคม 2017 16:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 สิงหาคม 2018 19:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท