รากไม้และเทวดารักษาที่ตาพรม


ขายังไม่ล้า แม้แดดจ้า เราก็จะไปต่อไป....ฉันจะไปเป็นแองเจอลีน่า โจลี่ แต่เสียดายคอสตูมฉันไม่ผ่าน...หญิงวัยกลางคนอย่างฉันไม่สามารถยัดตัวเองลงไปในกางเกงทหาร และเสื้อกล้ามได้แล้ว...เตี๋ยใจอย่างมาก..เป็นที่เพ้อรำพันในบันทึกฉบับก่อนว่า ตอนเป็นสาวฉันมัวทำอะไรอยู่

นางอัปสราที่น้ำหนักตัวเกิน 75 กก. ทั้งสองนางอิ่มข้าวแล้วก็คงยังมีโปรแกรมเลาะอยู่กับปราสาทหิน จุดต่อไปเราจะไปปราสาตาพรม วันนี้เราคงพอแค่นี้ แค่นี้คู่หูของฉันก็พูดบ่อยแล้วว่า ปีนี้แอ้ร่างกายแข็งแรงผิดปกติ 555+

ก็แหม๋วันนี้ ตั้งแต่เช้าแล้ว เราเดินกันเยอะมาก (กลับมาเชคมือถือที่มีแอปสุขภาพ...ในการเที่ยวปราสาทหินระยะทางที่เราเดินไม่เคยต่ำกว่า 5 กม./วันเลย)

ก่อนถึงตาพรมเราก็ขอแวะร้านจำหน่ายสินค้าข้างทาง เน้นผลิตภัณฑ์จากต้นตาล



เราได้น้ำตาลตาลมากฝากเพื่อน มันเป็นน้ำตาลอินทรีย์ค่ะ เคี่ยว หยอดและตากกันเห็นๆ เราเชื่อว่ามันดีกว่าน้ำตาลฟอกขาว (AlexTukTuk driver ก็เปลี่ยนบทไปเล่นเป็นคนกวนน้ำตาล และเอาน้ำตาลเมามาให้พวกเราลอง...อร่อยยยยย)




ที่กัมพูชาเปลี่ยนความคิดฉันมาก ตะก่อนเรื่องต่อของฉันนี่ได้รับฉายาว่า ShoppingKiller แต่ที่นี่หากราคาถูกกว่าเมืองไทย...ฉันซื้อเลย...ไม่ต่อเยอะ ชาวบ้านเค้าต้องอยู่ต้องกินค่ะ และเราไม่เลือกเข้าร้านใหญ่

จากการพูดคุยกับคนขับรถและระยะเวลาของการพัฒนาประเทศ (แม้ว่าจะมีมรดกโลกเป็นทรัพยากรก็ตาม...แต่คนยากจนยังมากอยู่) ฉันรู้สึกว่าประเทศเค้าไม่โชคดีเหมือนประเทศเรา ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นองค์ประมุขของประเทศ และทรงราชย์โดยธรรม ไม่เห็นประโยชน์แก่ตน ทำให้ชาวประชาอยู่ดีกินดี ระหว่างวัน ฉันร้องเพลงพระราชาผู้ทรงธรรมติดปากบ่อยมาก และมันยังทำให้ฉันร้องไห้ออกมาเมื่อนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้ ของรัชกาลที่ 9

ประเทศไทย และเราจึงมีชีวิตสุขสบายอย่างนี้


ภาพจำของฉันเกี่ยวกับปราสาทตาพรม คือ ปราสาทที่มีรากไม้ขนาดใหญ่ขึ้นปกคลุม มันทำให้ฉันคิดถึง "รพินทร์ ไพวัลย์" ในนวนิยายเรื่อง เพชรพระอุมา และอีกภาพคือ "แองเจอลีน่า โจลี่" นางเอกปากสวยที่โด่งดังจากภาพยนตร์ของฮอลีวู้ดเรื่อง ทูมไรเดอร์ ที่ใช้ปราสาทตาพรมเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ถ่ายทำ...เพราะความรู้สึกของปราสาทตาพรม มันทำให้นึกถึงการผจญภัย...ที่ทำให้ฉันโปรยหัวบันทึกนี้เรื่องการแต่งกายและวัยที่ล่วงเลยผ่าน...วันนี้ความรู้สึกถึงการผจญภัยเหลือน้อยเต็มที คงเหลือแต่ความอัศจรรย์ใจ




อันนั้นภาพจำค่ะ ส่วนภาพจริงมันอลังการงานสร้างมาก ซุ้มประตูกำแพงมีรากไม้ขนาดใหญ่ขึ่นปกคลุม สถูปเจดีย์ต่างๆ ที่ยังคงสภาพอยู่ต่างซ่อนตัวใต้รากของต้นไม้ขนาดใหญ่

....หากเชื่อในเรื่อง เทวาอารักษ์...ก็คงกล่าวได้ว่า "เทพรักษา" เพราะเทวาอารักษ์นี่อยู่กับต้นไม้นี่คะ...พลังแห่งการชอนไชของรากไม้ทำให้กำแพงล้มพังมานับต่อนับแล้ว แต่รากไม้พวกนี้ยังคงเหลือไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ยลสิ่งปลูกสร้างที่มีอายุยาวนานมาเป็นศตวรรษ....

ณ ที่นี่เราหลงไหลต้นไม้ใหญ่...จนฉันต้องเป็นองค์ประกอบของต้นไม้อยู่หลายภาพ




เรานั่งมองเรื่องราวในหินแกะสลัก....เล่าเรื่องถูกบ้างไม่ถูกบ้าง ไม่มีใครสนใจ...กลับมาค่อยหาข้อมูลยืนยันในเรื่องที่สนใจแล้วกัน

แม้รากไม้จะดึงความสนใจไปมาก แต่ลวดลายแกะสลักก็ยังมีความพิเศษ...แกะสลักหินไม่ใช่เรื่องง่าย



รูปแกะสลักบางรูปเราคิดว่าเป็นรูปใหม่ที่เกิดจากการซ่องแซมบูรณะ... เราเดาจากสีของหิน...จริงไม่จริงเราก็ไม่รู้ได้...


บ่ายแล้วเราเริ่มล้า เนื่องจากตื่นเช้า เมื่อเดินครบจนถึงประตูด้านหลังแล้ว เราก็หารือกันว่า เราจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ยอดเขาพนมบาเค็งไหม (จุดนี้เรายังไม่จัดลงในโปรแกรมค่ะ...โปรแกรมเราหลวมมาก สามารถไปได้ในวันที่ 1-2 หรือโปรแกรมทัวร์ปราสาทก็ได้) ตกลงกันได้ที่ ”ไม่ไป” โดยให้เหตุผลว่า...พระอาทิตย์ตกเขาไหนๆ ก็คงจะคล้ายกัน เราแคร์สังขารดีกว่า...เราไม่ต้องเดินย้อนมา...Alex รอรับเราที่ประตูด้านหลัง


เราให้ Alex ส่งเราที่โรงแรม และไม่ต้องรอมารับไปตลาดไนท์...เย็นนี้เราจะเดินไปหาที่กินใกล้ๆที่พักเอง...ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง แล้วพรุ่งนี้นัดกัน 08.30 น.

...ล้างหน้า ล้างตา อัพรูปทิ้งไว้บนเน็ต และนอนแผ่สักหน่อยเราก็ลงไปว่ายน้ำกัน (ก็จองที่พักแบบมีสระว่ายน้ำไว้นี่คะ) ความยิ่งใหญ่ของอังกอร์ปรากฏอยู่ทุกแห่งหน ไม่ว่าจะเป็นชื่อร้านอาหาร ชื่อโรงแรม แม้แต่เป็นสิ่งตกแต่งสะว่ายน้ำ




สระน้ำขนาดเล็ก เงียบๆ ของบูทีครีสอร์ท ไม่มีพูลบาร์ ไม่มีเครื่องเล่น แต่มีเพื่อนนักเดินทางชาวเยอรมันซึ่งเดินทางมาจากเวียดนาม ลงมาว่ายน้ำคลายกล้ามเนื้อเช่นเดียวกับเรา เราพูดคุยกันถึงความอลังการของปราสาทแห่งเสียมเรียบ และดีใจที่เรามาเห็น เราได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเช่นเดียวกันแล้ว

เย็นนี้เราถามตัวเองว่า อยากกินอะไรเป็นอาหารเย็นในเสียมเรียม

เมื่อวานตอนเราเดินไปแลกเงิน เราเห็นร้านอหารตามสั่ง ที่มีคนกัมพูชาไปนั่งกินจำนวนมาก ร้านรถเข็นที่ขายยำกับบะหมี่กึ่งสำเร็จมักพบใกล้ๆ ฟุตบาท มีเก้าอี้ซักผ้าให้นั่งกินก็น่าสนใจ ดูทีท่าพวกเราแล้วจะสนใจอาหารการกินแบบ Local Style หรือของบ้านๆ ที่ชาวกัมพูชากิน



เราเลือกร้านอาหารตามสั่ง คนขายพูดภาษาอังกฤษไมได้ แต่รู้จัก Fried Rice แล้วบอกเราว่า...กระเพรา...อ๊ะ ภาษาไทยหรือ..แต่เค้าก็พูดภาษาไทยไม่ได้ 555+ เราสั่งแบบไปชี้ๆๆๆ ได้ข้าวผัดหมู(ที่ผัดกับใบกระเพราเล็กน้อยให้พอได้กลิ่น แต่ไม่มีพริก) อีกจานได้ก๋วยเตี๋ยวผัดหมูมาใส่คะน้า แฉะน้ำหน่อยนึง รสชาติออกหวาน (เส้นมีลักษณะเหมือนเส้นก๋วยจั๋บน้ำใส...แต่แข็ง) อร่อยดี รู้สึกว่าข้าวผัดถูกจริตมากกว่า

คนที่รู้จักฉันบางคนบอกว่า ไปเที่ยวแบบแบคเพคไปลำบาก...ทริปนี้ไม่ใช่แบบแบคแพคซะทีเดียว แต่เรื่องอาหารการกินเราก็อยากมีวาไรตึ้ เรียนรู้ไปพร้อมกับความอิ่มและบรรยากาศบนโต๊ะอาหาร


ฉันเปิดดูเครื่องปรุงบนโต๊ะ...เหมือนบ้านเรา แต่ที่แปลกไปก็จะมีพริกสดปั่น(คล้ายภาคใต้หรือมาเลเซีย) และพริกเม็ดดองน้ำส้ม...ซึ่งฉันก็กินพริกดองกับก๋วยเตี๋ยวผัดทำให้รสจี๊ดขึ้น...มา 2 วันยังไม่ปรากฏเมนูพริกซี้ดเลย คิดถึงพริกบ้านเราจัง


ส่วนของหวาน เราเลือกสั่งน้ำผลไม้ปั่น สัมผัสรสผลไม้เต็มๆ ไม่มีหัวเชื้อน้ำผลไม้เป็นขวดๆ วางให้เห็น แต่สิ่งสัมผัสได้น้อย คือรสของน้ำแข็งค่ะ ด้วยว่ากัมพูชาไม่มีโรงน้ำแข็งเท่าไหร่ ทำให้น้ำแข็งราคาแพงและคนพื้นถิ่นส่วนใหญ่ก็ยังไม่นิยมบริโภคนำแข็ง


น้ำปั่นเผือกของฉันจึงดูดไม่ค่อยขึ้นเพราะเนื้อเผือกเยอะกว่าน้ำ คู่หูฉันสั่งแตงไทยปั่น...ดูชนิดผลไม้สิคะ พื้นๆ ไม่วิมิสมาราเท่าไหร่ แต่ให้เชื่อค่ะว่าวัตถุดิบเหล่านั้น ปลอดสารพิษ 5555+ ...คราวหน้าถ้ามีโอกาสจะสั่งมะละกอปั่น

ทุกโต๊ะมีน้ำชาบรรจุในเหยือกให้ดื่มฟรี ถ้าต้องการความมั่นใจสั่งน้ำดื่มบรรจุขวดก็ได้


เรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายมื้อนี้หมดไป 4.5$ ถูกสุดๆๆๆ

ที่สำคัญเห็นวิถีชีวิตของคนทำงาน ครอบครัว นักศึกษาชาวกัมพูชาที่เปลี่ยนหน้ามาอุดหนุนอาหารในร้าน ถ้าไม่วิตกเรื่องความสะอาดจนเกินไป ก็ลองดูนะคะ เพื่อได้มุมมองที่แตกต่าง...ตลาด ร้านอาหาร...เป็นแหล่งรวมความเป็นอยู่คือของคนแต่ละภูมิภาคค่ะ...ประสบการณ์ที่ได้แตกต่างจากร้านบริการนักท่องเที่ยวลิบเลย

เย็นวันนี้มีเรื่องให้ตื่นเต้นด้วยค่ะ สงสัยคู่หูของฉันจะเดินเยอะ...รองเท้าขาด....ทำให้ได้แตะคู่ใหม่...


ไม่แปลกค่ะแตะคู่เก่าใช้งานมานานมาก ที่หนีบมาต่างประเทศด้วย เพราะหล่อนแบนและน้ำหนักเบาพกพาง่าย เราต้องหาร้านซื้อรองเท้า ไม่งั้นจะลำบากในการกลับไปโรงแรมที่ห่างออกไป 2 บล็อก โชคดีค่ะมีมินิมาร์ทอยู่ใกล้ๆ ก็ช่วยให้เรารอดพ้นจากปัญหาเฉพาะหน้าได้

กลับถึงโรงแรมยังไม่ดึกเท่าไหร่ เราคุยกันไปพลางพร้อมดูทีวีในกัมพูชาไปพลาง ละครของเค้าก็ทำให้เราเห็นอะไรๆๆเยอะเหมือนกัน ชักอยากรู้ว่าตอนต่อไปของเรื่องจะเป็นยังงัย เสียแต่ฟังภาษาเค้าไม่รู้เรื่อง กระนั้นก็ดูจนจบตอน

เป็นครั้งแรกที่เรามีเวลานอนดูละครทีวีท้องถิ่นแบบละไมๆๆๆ อาจจะทริปนี้เรามากัน 2 คน ไม่รู้จะไปสังสรรค์กับใคร

มันทำให้ฉันอดคิดถึงก๊วนไม่ได้...ถ้าฉันบอกว่าคิดถึงคือ...คิดถึง

...ปกติคืนที่ 2 ของทริปมักจะเป็นการสังสรรค์วงใหญ่ มีการกล่าวสุนทรพจน์ กระชับความสัมพันธ์ ...แต่คราวนี้เรามาแค่ 2 ความสัมพันธ์ถ้าดีอยู่แล้วก็คงไม่ต้องกระชับ เอาไว้เวลาที่โลกต้องการมันจะจัดสรรความลงตัวด้วยตัวมันเอง

และวันนี้ทำให้ฉันตระหนักถึงความสำคัญของภาษาอังกฤษ...มันทำให้ฉันคุยกับคนอื่นรู้เรื่อง

หมายเลขบันทึก: 620897เขียนเมื่อ 31 ธันวาคม 2016 15:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 มกราคม 2017 23:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท