Learning a foreign language is in some way like ...


การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ

ดิฉันเป็นนักศึกษาต่างชาติมีโอกาสไปเรียนต่อที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศสวยงามมาก ดิฉันรู้ดีว่า การที่เราตัดสินใจไปเรียนที่ต่างประเทศนั้นมันไม่ง่ายเลยสำหรับนักศึกษาบางคน เพราะดิฉันเข้าใจดีว่า สภาพแวดล้อมและชีวิตใหม่ในต่างประเทศมักจะมีปัญหาหลายๆอย่างอยู่ข้างหน้าที่เราต้องเผชิญและหาวิธีแก้ไขให้ได้ ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่ทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนั้นได้ อาจจะไม่ใช่เงิน แต่มันคือภาษา เพราะว่าภาษาสามารถช่วยให้เราสื่อสารกับคนในประเทศนั้นๆได้ และเราก็จะสามารถแก้ไขปัญหาหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนได้ และสำหรับตัวดิฉัน ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ทั้ง 2 ภาษานี้สำคัญมากกับตัวดิฉันเอง ซึ่งดิฉันมีโอกาสได้เรียนรู้สมัยอยู่โรงเรียนและในมหาวิทยาลัยในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือภาษาไทย ซึ่งเป็นภาษาที่ดิฉันคิดว่าจะติดตัวกับตนเองไปตลอดชีวิตและมันจะช่วยเหลือดิฉันเป็นอย่างมากในการทำงานที่ดี ในอนาคตได้

Kết quả hình ảnh cho ภาษาไทย


Kết quả hình ảnh cho ภาษาอังกฤษ

ก่อนอื่น ดิฉันอยากพูดถึงเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษของตนเอง ดิฉันเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ป.๓จนถึงม.๖ ภาษาอังกฤษเป็นวิชาหนึ่งในหลักสูตรของเวียดนามซึ่งเป็นวิชาบังคับของนักเรียนในทุกชั้นเรียน เมื่อเริ่มเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ดิฉันรู้สึกดีใจและสนุกมากเพราะมันเป็นภาษาใหม่ที่ไม่เหมือนภาษาที่ดิฉันใช้อยู่ ดังนั้น ดิฉันชอบเรียนมาก เมื่อกลับบ้านก็ตั้งใจเรียน เอาหนังสือภาษาอังกฤษมาอ่านบ่อย นอกจากนั้น ดิฉันก็ไปเรียนพิเศษกับเพื่อนอยู่บ้านของอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ แล้วพอถึงบ้านก็ขยันทำการบ้านอย่างครบถ้วน จากนั้น ดิฉันเป็นคนเรียนเก่งภาษาอังกฤษในห้องเรียน และก็คิดว่าดิฉันเรียนวิชานี้เก่งที่สุดในทุกวิชาเลย แล้วเมื่อมีการสอบวิชานี้ ดิฉันมีความมั่นใจและมีความสุขมาก ตรงกันข้ามกับเพื่อน ๆ คนอื่นเพราะว่าพวกเขาจะรู้สึกเป็นห่วงหรือตื่นเต้นมากในแต่ละครั้งที่สอบภาษาอังกฤษ เมื่อถึงม.๓ ดิฉันมีโอกาสได้ไปประกวดภาษาอังกฤษระดับอำเภอกับเพื่อนอีก ๔ คน พวกเราสอบผ่านทั้งหมด แล้วตอนนั้นพวกเราดีใจมากจริง ๆ และเมื่อดิฉันเรียนอยู่ม.๖ ดิฉันก็ได้ไปประกวดภาษาอังกฤษระดับจังหวัดแต่สอบตก ดิฉันรู้สึกว่าไม่เป็นไรเพราะคิดว่าสิ่งสำคัญที่ได้รับจากการประกวดนั้นคือ ดิฉันได้มีประสบการณ์ และความทรงจำดี ๆ เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษ ในการสอบเข้าอุดมศึกษา ดิฉันตัดสินใจว่าเลือกสอบ ๓ วิชาคือ คณิตศาสตร์ วรรณคดี และ ภาษาอังกฤษ เมื่อสอบผ่านแล้ว ในเทอมที่ ๑ ดิฉันยังต้องเรียนภาษาอังกฤษระดับ A1, A2 ซึ่งเป็นวิชาบังคับของมหาวิทยาลัย จนถึงเทอมที่ ๒ มีการเริ่มแบ่งสาขาในคณะออกเป็น ๕ สาขา ได้แก่ ญี่ปุ่นศึกษา เกาหลีใต้ศึกษา จีนศึกษา อินเดียศึกษา และ ไทยศึกษา ที่จริงแล้ว ตอนนั้น ดิฉันไม่รู้ว่าตัวเองชอบและอยากเรียนสาขาอะไร และดิฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมไม่เลือกเรียนภาษาอังกฤษในสาขาอินเดียศึกษา สุดท้ายก็เรียนสาขาไทยศึกษา ในนั้นมีการเรียนวิชาภาษาไทยด้วย


ห้องเรียนภาษาไทยในสาขาไทยศึกษา คณะตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ หมาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอย เวียดนาม

เมื่อเริ่มเรียนภาษาไทยก็เหมือนกับเวลาเริ่มเรียนภาษาอังกฤษเพราะมันก็เป็นภาษาต่างประเทศ ดิฉันจึงชอบเรียนและตั้งใจเรียนและทำการบ้านเสร็จอย่างครบถ้วนตลอด ดิฉันก็เริ่มฟังเพลงไทย ดูหนัง ดูละครไทย และอ่านหนังสือภาษาไทยก่อนมาที่ห้องเรียน แต่เวลาเรียนภาษาไทยในตารางเรียนของดิฉันแต่ละสัปดาห์มันน้อยมากเพราะดิฉันต้องเรียนวิชาอื่นๆ ได้แก่ วิชาบังคับของมหาวิทยาลัย วิชาของสาขาไทยศึกษา เช่น ประวัติศาสตร์ไทย ภูมิศาสตร์ไทย วัฒนธรรมไทย เศรษฐกิจไทย เพราะฉะนั้น ดิฉันไม่มีโอกาสแก้ไขทักษะภาษาของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือไม่มีโอกาสคุยกับคนไทยบ่อย จึงทำให้ดิฉันไม่มีความมั่นใจในทักษะการพูดภาษาไทย และเมื่อเข้าชั้นปีที่ 3 ดิฉันมีโอกาสเจอและทำความรู้จักกับเพื่อนๆคนไทยมาฝึกงานที่มหาวิทยาลัย ก็เริ่มคุยกัน พาพวกเขาไปเที่ยวฮานอยด้วย จากนั้น ดิฉันก็พัฒนาทักษะการพูดภาษาไทยไปเรื่อย ๆ เริ่มพูดไทยดีขึ้นและสามารถสื่อสารกับคนไทยค่อนข้างดี แล้วเมื่อคนไทยชมว่าพูดชัดหรือพูดเหมือนคนไทย ดิฉันก็รู้สึกดีใจมากที่ได้รับคำชมแบบนั้นแต่ก็คิดว่าดิฉันต้องพยายามมากกว่านั้นเพื่อพูดภาษาไทยเก่งขึ้น เมื่อจบปริญญาตรีแล้วดิฉันได้รับทุนการศึกษามาเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศไทย ดิฉันรู้สึกว่าจะเจอปัญหาไม่น้อยเมื่อตัดสินใจมาเรียนอยู่ที่นี่คนเดียว แต่ดิฉันคิดว่ามันก็จะเป็นโอกาสดี ที่ช่วยให้ดิฉันพัฒนาทักษะภาษาไทย ทำความรู้จักและปรับตัวในสิ่งแวดล้อมใหม่ จากความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ดิฉันก็เห็นได้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศสวยงาม มีประวัติอันยาวนาน และคนไทยเป็นคนใจดีมาก แต่การเรียนภาษาไทยมันยากไปหน่อยเพราะการเขียนคำศัพท์ยากจริงๆ ถ้าไม่เรียนและฝึกเขียนบ่อยๆก็จะทำให้ลืมง่าย เพราะฉะนั้น ดิฉันคิดว่าเมื่อเรียนภาษาต่างประเทศ ๑ ภาษา พวกเราควรใช้เวลาเรียนรู้มันบ่อยๆ ฝึกเขียนและพูดภาษานั้นบ่อยๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้ ดิฉันไม่เรียนภาษาอังกฤษอีกแล้วแต่ยังชอบมันอยู่เหมือนเดิมและหวังว่าสักวันหนึ่งจะเรียนเก่งและพูดเก่งทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อที่จะสามารถหางานดีๆในอนาคตของตัวเองได้



นางสาว Bui Thi Xuan (สำอาง)

ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน

ภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2559

คำสำคัญ (Tags): #การฝึกฝน
หมายเลขบันทึก: 618534เขียนเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2016 22:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 มกราคม 2017 14:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท