ครูบาบินก้าว
ครูบา บินก้าว อิทธิภาโว จนอีหลีอีหลอ

bomb of love ปรากฏการณ์สำคัญ ณ ประเทศไทย


<p “=””>บันทึกศึกษา A bomb of love ปรากฏการณ์สำคัญที่เกิดในประเทศไทย ให้ทั้งโลกได้สัมผัส…รูปธรรมชัดจากท้องสนามหลวงแผ่ขยายในทุกพื้นที่แผ่นดิน…
</p> <p “=””>
</p>

บันทึก...พลังแห่งความรักที่เกิดมีในจิตใจส่งผลขยายสู่มวลมนุษยชาติมอบพลังแห่งความรัก...ให้กับโลกใบนี้...

พอพูดถึงคนกำลังผลักดัน A bomb of loss แล้ว เราก็มาดูจดหมายรักของไอสไตน์เพื่อยืนยันว่า ไอสไตน์ก็มี A bomb เหมือนกัน แต่เป็น A bomb of love

*******************************************


นิยามคำว่ารักของ... “ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ”

ปลายทศวรรษ ๑๙๘๐ Lieserl Einstein ลูกสาวของ Albert Einstein ได้บริจาคจดหมายของพ่อให้แก่มหาวิทยาลัยฮีบรู หนึ่งในนั้นเป็นจดหมายถึงเธอ มีใจความว่า...

“ ตอนที่พ่อนำเสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพออกไป ไม่ค่อยมีใครเข้าใจพ่อหรอก สิ่งที่พ่อจะเปิดเผยในเวลานี้เพื่อสื่อถึงมนุษยชาติ ก็จะปะทะกับความเข้าใจผิดและอคติในโลกด้วยเช่นกัน

พ่อขอให้ลูกรักษาจดหมายเหล่านี้ไว้ให้นานตราบเท่าที่จำเป็น หลาย ๆ ปี หลาย ๆ สิบปี จนกว่าสังคมจะก้าวหน้าพอที่จะยอมรับสิ่งที่พ่อจะอธิบายต่อไปนี้

มีพลังที่มีอานุภาพมหาศาลอย่างหนึ่งซึ่งจวบจนขณะนี้วิทยาศาสตร์ยัง ไม่มีคำอธิบายอย่างเป็นทางการ เป็นพลังที่รวมและควบคุมพลังอื่น ๆ ทั้งปวงเอาไว้ กระทั่งอยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์ใด ๆ ที่ปฏิบัติการอยู่ในเอกภพและเรายังไม่ได้ทำการระบุเสียด้วย พลังจักรวาลนี้คือความรัก

เมื่อนักวิทยาศาสตร์มองหาทฤษฎีรวมของจักรวาล เขาลืมพลังที่มองไม่เห็นซึ่งมีอานุภาพสูงสุดนี้ไปเสีย ความรักคือแสงซึ่งให้ความสว่างแก่ผู้ให้และผู้รับ ความรักคือแรงโน้มถ่วง เพราะมันดึงดูดคนบางคนเข้าหาคนอื่น ความรักคืออำนาจ เพราะมันทวีคูณสิ่งที่ดีที่สุดที่เรามี และช่วยให้มนุษยชาติไม่ดับสูญไปในความเห็นแก่ตัวอย่างมืดบอดของตนเอง ความรักคลี่คลายเผยตัวออกมา เรามีชีวิตอยู่และตายเพื่อความรัก ความรักคือพระเจ้าและพระเจ้าคือความรัก

พลังนี้อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างและให้ความหมายแก่ชีวิต นี่คือตัวแปรที่เรามองข้ามมาเนิ่นนานจนเกินไป ที่เรากลัวความรักอาจเป็นเพราะมันเป็นพลังงานเพียงอย่างเดียวในจักรวาลที่ มนุษย์ยังไม่รู้จักขับเคลื่อนได้ตามใจปรารถนา

เพื่อให้มองเห็นภาพความรักได้ พ่อจึงขอแทนค่าสมการที่ขึ้นชื่อที่สุดของพ่ออย่างง่าย ๆ แทนที่จะเป็น E (พลังงาน) = mc2 (มวล x ความเร็วแสง)2 ถ้าเรายอมรับว่าพลังงานที่จะเยียวยาโลกได้สามารถได้มาโดยผ่านความรักคูณด้วย ความเร็วแสงยกกำลัง 2 เราก็จะได้ข้อสรุปว่า ความรักเป็นพลังที่ทรงอานุภาพที่สุดที่มีอยู่ เพราะมันไม่มีขีดจำกัด

หลังจากที่มนุษยชาติประสบความล้มเหลวในการใช้และควบคุมพลังงานอื่น ๆ ในจักรวาลที่ขัดขวางเราแล้ว จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่เราจะหล่อเลี้ยงตัวเองด้วยพลังงานอีกประเภทหนึ่ง

หากเราต้องการให้ species ของเราอยู่รอด หากเราต้องการค้นหาความหมายของชีวิต หากเราต้องการช่วยโลกและสิ่งมีชีวิตที่มี sense รับรู้ซึ่งอาศัยอยู่ในโลกแล้วละก็ ความรักคือคำตอบเดียวที่มี

เราอาจจะยังไม่พร้อมที่จะผลิตระเบิดรัก ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีแสนยานุภาพพอที่จะทำลายความเกลียดชัง ความเห็นแก่ตัว และความโลภ ซึ่งย่ำยีโลกได้อย่างราบคาบ แต่ทุกคนก็มีเครื่องกำเนิดความรักเล็ก ๆ อันทรงพลังอยู่ในตัว ซึ่งรอคอยการปลดปล่อยพลังงานออกมา

เมื่อเราเรียนรู้ที่จะให้และรับพลังงานจักรวาลนี้ เราก็จะพิสูจน์ได้ว่าความรักพิชิตทุกสิ่งทุกอย่าง สามารถก้าวข้ามทุกอย่างไม่ว่าสิ่งใด ทั้งนี้เพราะความรักคือแก่นแท้แห่งชีวิต

พ่อเสียใจที่ไม่สามารถถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพ่อ ซึ่งเต้นเพื่อลูกอยู่เงียบ ๆ มาตลอดชีวิต ออกมาได้ บางทีอาจจะสายเกินกว่าจะขอโทษ แต่โดยที่เวลาเป็นสิ่งสัมพัทธ์ พ่อจึงต้องบอกลูกว่า พ่อรักลูก และเพราะลูกพ่อจึงบรรลุคำตอบขั้นสุดท้ายนี้ได้ ! ”

พ่อของลูก /Albert Einstein….

Credit: Rafael Téllez-Girón


*******************************************
*******************************************




พ่อครู สมณะโพธิรักษ์ อธิบายว่า…ถ้าเราทำลายความรักที่เลว แล้วมีความรักที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงมิติที่ ๗ เป็นปิยกรณะที่เป็นพระเจ้า รักทุกสิ่งทุกอย่างในมหาจักรวาล แม้แต่คนเลวเราก็รัก ไม่ได้คิดทำลายเลย ของพระพุทธเจ้านี้แจกพลังงานรักละเอียดกว่าไอสไตน์มากเลย เช่น...

๑. สาราณียะ (รู้จักระลึกถึงกัน คำนึงถึงคนที่ควรเอื้อ)
๒. ปิยกรณะ (รักกันสัมพันธ์ดี–ปรารถนาดีต่อกัน)
๓. ครุกรณะ (เคารพกัน รู้จักฐานะ รู้จักคุณวุฒิ)
๔. สังคหะ (สงเคราะห์เกื้อกูลช่วยเหลือกัน)
๕. อวิวาทะ (ไม่วิวาทแตกแยกกัน)
๖. สามัคคียะ (พร้อมเพรียงกัน มีพลังรวมยิ่งใหญ่)
๗. เอกีภาวะ (เป็นปึกแผ่น มีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน)

(โกสัมพีสูตร พตปฎ. ล.๒๒ ข.๒๘๒–๒๘๓)

เป็นอาการพลังงานความรัก ๗ ชนิดที่มีความแตกต่างกันนะ เรามีไหม ? เราระลึกถึงคนนั้นคนนี้ได้ แต่ที่เขาสอนว่าอย่าให้จิตออกนอกตัว ตัดความคิดออกไป นี่คือวิธีทำใจที่มิจฉาทิฏฐิ ให้นั่งสะกดจิต อย่าไปนึกถึงใคร อย่าให้จิตออกนอกตัวนี่คือความเห็นที่แคบ เห็นแก่ตัวที่สุดเลย พระพุทธเจ้าให้ลดละอาการที่เห็นแก่ตัวไปตามลำดับ ลาดลุ่มเหมือนฝั่งทะเล

เราได้ใช้ระเบิดรัก A bomb of love ทุกวันนี้เราก็ได้ใช้อย่างน้อย พวกเราก็ได้ใช้พลังงานที่อาตมาพาพวกเราสร้างพลังงานรัก แล้วพวกเราก็ช่วยเผยแพร่พลังงานนี้ออกไป ระเบิดรักนี้มีแสนยานุภาพที่จะทำลายความโลภ ความเกลียดชัง ความเห็นแก่ตัวได้

อาตมาพาพวกเราทำงานด้วย ความรักอย่าง เมตตา มีพรหมวิหาร ๔ อาตมามากอบกู้ศาสนาพุทธ จากความเป็นพุทธมหาศาลแล้ว ศาสนาพุทธกับพราหมณ์ จะกลับไปกลับมา คือเนื้อเดียวกัน แต่ว่าถ้าเสื่อมก็จะกลายเป็นพราหมณ์มหาศาล เป็นพุทธมหาศาลไป เหมือนตอนนี้ จากอาตมาทำงานไป ๕๐๐ ปีเชื้อของพุทธก็จะล้มแล้ว จนไปอีกเกือบ ๒๐๐๐ปี ก็หมดศาสนาพุทธแล้ว เป็นเหมือนสามเหลี่ยมที่ด้านไม่เท่า ช่วยแรก ๕๐๐ ปีจะมุมชัน แต่ว่าขาลงอีกพันกว่าปีก็จะลงยาวหน่อย

จดหมายไอสไตน์เปิดเผยแล้วคนไม่รู้เรื่องก็ไม่รู้เรื่อง แต่อาตมาทำมาอย่างไอสไตน์ว่า คือความรัก ๑๐ มิติ คือความรักของศาสนาพุทธที่เรียนรู้ตั้งแต่มิติที่ ๑ จนถึง ๗ ให้รู้ว่าสัมพันธ์อย่างไรกับสังคม มนุษยชาติ ถ้าความรักมิติที่ ๐ อาตมาไม่ได้เขียนไว้คือพวกเห็นแก่ตัวจัด เอาแต่ตัวเอง หรือว่าพวกโลภจัด ดำฤษณา ที่จะเอาโลกมาไว้ใต้ฝ่าเท้าให้ได้เหมือนอย่างหลายคนคิด อย่างคนไทยบางคนหรือฮิตเลอร์ หรือยุคล่าอาณานิคม เพื่อจะมีอำนาจใหญ่สุดในโลก เป็นความเห็นแก่ตัวแบบโลกาธิปไตย ยึดโลกมาเป็นของกู ส่วนอัตตาธิปไตย ยึดตัวตนของกูอย่างไม่เกี่ยวกับใคร หนีเข้าป่าเข้ารู้เลยคือมิติที่ ๐ อย่างนั่งหลับตาอาตมาก็ไม่พูด นิโรธดับปี๋ก็มีอยู่แล้ว พูดไปว่าให้หยุดเถอะ ถ้าไม่หยุดมีแต่จมกับจม ส่วนพวกฟูพวกลอยก็พอพูดกันได้ อาตมาไม่มีพลังไปขุดพวกจม แม้อาตมาตายไปก็จะมีสำนักที่จมกับความดับ แม้อาตมาจะอายุ ๑๕๑ แล้วก็ตาม จำคำนี้ไว้ จะมีคนเห็นดีมากับอาตมาไม่น้อยแต่ว่าไม่ต้องพูดกับคนที่จมเลย ถ้าคนมีความฟูความลอยก็พอคุยกันรู้เรื่อง

เริ่มจากมิติที่ ๒ ก็เริ่มจากความรักที่เห็นแก่สัมผัสเสียดสีทุกทวาร ทาง ทวาร ๕ รวมในความโง่ของจิต สัมผัสเสียดสีนี้ เป็นสัญชาติญาณของสัตว์โลก ต้องเอาความสัมผัสเสียดสีที่จะต้องให้เกิดลูกเกิดเผ่าพันธ์ุ แล้วเอารสของการสัมผัสเสียดสีกัน ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวแตกตัวมา ก็ไม่มีรสชาติอะไร มีแต่สัญชาติญาณสืบเผ่าพันธุ์ ลึกๆสัตว์โลกจะต้องทำ สัตว์โลกจะต้องมีอัตตาตัวนี้ที่ต้องสืบพันธุ์ จนมีความแฝงความเมามาเรื่อยๆ หวงแหนแย่งชิงกัน นอกจากหวงแหนแค่เพศ นี่เพศผู้หวงเพศเมีย มันหวงแหนว่าต้องเป็นตัวผู้ที่ต้องแพร่พันธ์ุได้มากที่สุดในโลก ก็เห็นแก่ตัว สร้างความโง่ จนมาเป็นมนุษย์ก็โง่ต่อบานปลายเป็นพลังงาน

E=mc2+ A(ชั่ว) ทุกวันนี้การเสพกามคุณมากไป หลงรสปั้นแต่ง รสสนุก รสอร่อยต่างๆนานา รสชาติที่เสพเข้าไปก็ตั้งชื่ออธิวจนะ ว่าความอร่อย ความสนุก ความเพลิดเพลิน สมใจ มีน้ำหนัก มีลีลา สมมุติประกอบเข้าไปในอะไรต่างๆนานา เป็นเหตุปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดพลังงานนี้ให้แก่ตน แล้วหลงว่าเป็นจริงจังเป็นของแท้ หลงว่าต้องได้ต้องมีต้องเป็น ถ้าไม่ได้ก็เดือดร้อนมาก เป็นอาการสนุก ดีใจขอบใจสารพัด ที่หลงว่าต้องได้ต้องมีต้องเป็นของชอบ ถ้าได้สัมผัสเสียดสี ปฏิฆสัมผัสโสตามรสนิยมที่อุปาทานไว้ว่าถ้าได้จะดี จะต้องได้อย่างนี้ จนขนาดเป็นฮ่องเต้ หลงมา แม้หลายยุคสมัย เป็นหัวหน้าเผ่าก็หลงเรื่องเหล่านี้ สำหรับบางองค์นะ

ตามประวัติศาสตร์หลงบ้าๆบอๆ หลงเรื่องนี้จนเขายิงกันตูมๆ จะฆ่าแกงกัน อำมาตย์ไปบอกว่าเขาจะมายึดบ้านเมืองก็ยั้งไม่ยอมออกจากห้องหอนะ นี่คือวิชาการไม่ได้หมิ่นฯนะ ให้เป็นการศึกษา เพื่อจะให้รู้ว่ามีลักษณะเช่นนี้ คนที่หิริโอตตัปปะน้อยก็แสดงเช่นนั้น มันไม่ไหว มันถึงขนาดนั้นมันไม่ไหว เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสุดยอด แห่งรสโลกียรส จึงเรียกอันนี้ว่า ไคลแมกซ์ climax จะสัมผัสเสียดสีรวมกัน ทั้ง ๕ รวมกันก็มารวมลงที่ climax อันนี้ นี่คือสิ่งที่ติดที่ยึด

การหลงติดยึด รสสนุกสนานรื่นเริง มาถึง A bomb of loss ที่กำลังพูดกันในสังคมไทย เป็น ลูกระเบิดที่กำลังจะเกิดในประเทศไทย จะก่อฉิบหาย อาตมาก็ขอแสดงความเห็นค้านไม่เห็นด้วยที่จะมีสิ่งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหา เศรษฐกิจหรือรัฐศาสตร์ ไม่เห็นด้วยอย่างมากที่ว่า เชื้อชั่วของคนตอนนี้ก็แก้ไขยากอยู่แล้วให้มาเป็นอาริยะนั้นไม่ง่ายเลย ถ้าเผื่อว่าเมืองไทยเดินตามครรลองของในหลวง ร. ๕ ทรงทำมาตลอด ส่งเรื่องมาถึง ร.๖ ร.๗ ร.๘ ร.๙ ก็พยายามแก้ไข แต่เปลี่ยนการปกครองกลายเป็นเรื่องเละเทะ ผู้ดูแลกลายเป็นคอรัปชั่น คอมมิชชั่นกัน เอาแค่เรื่องบ่อนการพนันก็ได้

ประเทศไหนจะมีบ่อนเพื่อแก้ปัญหาสังคมเศรษฐกิจก็ให้เขาทำ แต่เมืองไทยนี่ขอไว้เถอะ จริงๆพูดไม่ผิดหรอกว่า การพนันอยู่ในสายเลือดคนไทยแล้วก็จะไปเติมทำไม ก็ต้องช่วยกันสิทำไมใจดำอำมหิต ทุกวันนี้ที่บ่อนการพนันมีอยู่ก็เพราะตำรวจไม่เอาจริง เอาจริงก็ปราบสิ อย่าลูบหน้าปะจมูก ที่ว่าใหญ่เท่าไหร่ก็จะจับ เอาเลย รับรองตีกลองเชียร์เลย

เมืองไทยนี่พระเจ้าอยู่หัวได้ตรัสถึงสูตรที่ยิ่งใหญ่ของโลก เป็นสูตรทางรัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ของโลกเลย

แบบคนจน

“ เราเลยบอกว่า ถ้าจะแนะนำได้ ต้องทำ “ แบบคนจน ” เราไม่เป็นประเทศร่ำรวย เรามีพอสมควร พออยู่ได้ แต่.. ไม่เป็นประเทศที่ก้าวหน้าอย่างมาก เราไม่อยากจะเป็นประเทศก้าวหน้าอย่างมาก เพราะถ้าเราเป็นประเทศก้าวหน้าอย่างมาก ก็ จ ะ มี แ ต่ ถ อ ย ห ลั ง !ประเทศเหล่านั้นที่เป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมก้าวหน้า จ ะ มี แ ต่ ถ อ ย ห ลั ง และถอยหลังอย่างน่ากลัว ! แต่ถ้าเริ่มมีการบริหารที่เรียกว่า “แบบคนจน” แบบที่ไม่ติดกับตํารามากเกินไป ทําอยางมีสามัคคีนี่แหละ คือ เมตตากัน ก็จะอยู่ได้ตลอดไป ไม่เหมือน คนที่ทํางานตามวิชาการจะต้องพึ่งตํารา เมื่อพลิกไปถึงหน้าสุดท้ายแล้ว ในหน้าสุดท้ายนั้นเขาบอก “อนาคตยังมี” แต่ไม่บอกว่าให้ทําอย่างไร ก็ต้องปิดเล่ม คือ ปิดตํารา ปิดตําราแล้วไม่รู้จะทําอะไร ลงทายก็ต้องเปิดหน้าแรกใหม่ เปิดหน้าแรกก็..เริ่มต้นใหม่ ถอยหลังเขาคลอง แต่ถ้าเราใช้ตํารา“แบบคนจน” ใช้ความอะลุ่มอล่วยกันตํารานั้นไม่จบ.. เราจะก้าวหน้า “เรื่อยๆ ”

(พระราชดํารัสในวันเฉลิมพระชนมพรรษา : ๔ ธันวาคม ๒๕๓๔)

ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา

" ก็แปลว่า ขาดทุน คือ เป็นการได้กำไรของเรา หรือการขาดทุนของเรา เป็นการได้กำไรของเรา ท่านนักเศรษฐกิจคงร้องว่า ไม่ใช่ แต่ว่าเป็นไปอย่างนั้น ก็เห็นว่านักเศรษฐกิจก็ยิ้้ม ยิ้ม ๆ ว่า อะไร ? พูดอย่างนี้ “การขาดทุนของเรา เป็นการได้กำไรของเรา” หรือเราได้กำไร แต่พูดภาษาอังกฤษมันสั้นกว่า งั้นก็ต้องขยายว่าภาษาอังกฤษเป็นอย่างไร ? ภาษาอังกฤษ Our หมายความว่า ของเรา Our Loss .. Loss ก็การเสียหาย, การขาดทุน Our Loss Is .. Is ก็เป็น Our Loss Is Our .. Our ก็คือของเรา “Our Loss Is Our Gain” ..Gain ก็คือกำไรหรือที่ได้ ส่วนที่เป็นรายรับ ก็ตกลงบอกกับเขาว่า “Our Loss Is Our Gain” ขาดทุนของเราเป็นกำไรของเรา หรือว่า เราขาดทุน เราก็ ได้กำไร เวลาพูดไปแล้วเขาก็บอกว่า “ขอย้ำ ขอซ้ำอีกที” ก็พูดซ้ำอีกที เขาก็นั่งเฉยไปอีก ก็หมายความว่าต้องการ การอธิบาย เราก็อธิบาย อธิบายว่า ถ้าเราทำอะไรที่เป็นการกระทำแล้วก็เราเสีย แต่ในที่สุดก็ ไอ้ที่เราเสียนั้นมันเป็น “ การได้ "..

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ทรงพระราชทานไว้เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๔

พ่อครูว่า…สองสูตรนี้ของในหลวง จะเป็นสูตรที่ยิ่งใหญ่ของโลก ต่อไปสหประชาชาติ สังคมโลกที่รวมกันเพื่อรวมพล ยกสิ่งที่ดี จัดการสิ่งไม่ดีแก่โลก จะค่อยๆเข้าใจ ว่าเศรษฐกิจพอเพียง เขาให้ถ้วยแก่ในหลวงมาแล้ว แต่อาตมาว่า สหประชาชาติไม่เข้าใจว่า แบบคนจนจะมาแก้ปัญหาประเทศอย่างไร ยิ่งหนักกว่าคือขาดทุนของเราคือกำไรของเราก็ยิ่งยาก เหมือนไอสไตน์ว่า สูตรของในหลวงคือ A bomb of love ที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ อย่างอโศกเราแก้ไขปัญหาด้วยสาธารณโภคี ด้วยการปรับแต่งจิตเราด้วยอภิสังขารจนสามารถทำได้อย่างพระพุทธเจ้าสอน ตัวพลังงานสำคัญสุดคือ เวทนา

ทุกอย่างมีสภาพสองทั้งนั้น ในวิทยาศาสต์ก็สอนเรื่องนี้ แม้ในนิวเคลียสที่นิ่งแล้วในนั้นก็มีสองคือโปรตอน นิวตรอน แล้วมีอิเล็กตรอนวิ่งรอบๆ มีพลังงานที่เป็นอะตอม มีความเป็น

๑. สาราณียะ (รู้จักระลึกถึงกัน คำนึงถึงคนที่ควรเอื้อ)
๒. ปิยกรณะ (รักกันสัมพันธ์ดี–ปรารถนาดีต่อกัน)
๓. ครุกรณะ (เคารพกัน รู้จักฐานะ รู้จักคุณวุฒิ)
๔. สังคหะ (สงเคราะห์เกื้อกูลช่วยเหลือกัน)
๕. อวิวาทะ (ไม่วิวาทแตกแยกกัน)
๖. สามัคคียะ (พร้อมเพรียงกัน มีพลังรวมยิ่งใหญ่)
๗. เอกีภาวะ (เป็นปึกแผ่น มีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน)

ท่านแตกสภาวะกุศลทั้ง ๗ อย่าง ผู้สามารถทำพลังงานนี้ได้ก็เป็นพลังงานที่ซ่อนซ้อนในโคมโมโซมแห่งชีวะเรา รวมกันหมด สร้างได้เก่งก็ได้ DNA ไป แล้ว DNA นี่คู่กับ gene ที่เป็นพลังงานตัวจักรที่ทำงานให้เกิดอะไรต่อ ส่วนตัวบงการจริงคือ DNA จริงๆแล้วที่ซ้อนอยู่ก็คือ

มิติที่ ๙ กับ ๗ เกิดอะไร ที่สลับซับซ้อน ตอนนี้ในหลวงร.๙ เราก็มีพลังงานออกมา จะให้โลกได้ใช้อีก เป็น A bomb of love ในสาราณียธรรม ๖ พวกเราก็มีจริง มีมากหรือน้อยก็ตามแต่ละคน ในลักษณะสาราณียธรรม ๖ เกิดเป็นพุทธพจน์ ๗ เป็นคุณธรรมแบบนี้จริงๆ จะมีคุณภาพมากเท่าใดก็แล้วแต่ ต้องรู้อาการ ลิงค นิมิต ว่าเราเกิดหรือไม่ อย่างไร มีดีกรีเท่าไหร่ สูตรเหล่านี้เป็นสูตรยิ่งใหญ่ เป็นคำตอบของคุณสมบัติจิตวิญญาณ มี

๑. เข้าไปตั้งกายกรรมประกอบด้วยเมตตา ทั้งลับ–แจ้ง
๒. เข้าไปตั้งวจีกรรมประกอบด้วยเมตตา ทั้งลับ–แจ้ง
๓. เข้าไปตั้งมโนกรรมประกอบด้วยเมตตา ทั้งลับ–แจ้ง
๔. แบ่งปันลาภผลให้กับเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย (ลาภา ธัมมิกา – มีลาภตามธรรมแห่งสาธารณโภคี) . .
๕. มีศีลเสมอสมานกันกับเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย (สีลสามัญญตา)
๖. มีความเห็นเสมอสมานกันกับเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย (ทิฏฐิสามัญญตา) (ล.๒๒ ข. ๒๘๒–๒๘๓)

๑. อย่าเป็นหนี้ อาตมาต่อต้านเรื่องเป็นหนี้บ้าง ตอนนี้ยิ่งเจริญอย่างซ่อนเร้น โดยการทำหนี้ อย่างบริหารประเทศ สร้างหนี้แล้วไม่มีทางออก ใครก็ไม่ให้กู้อีก ก็เลยออกพันธบัตรมาให้ปชช.ซื้อ ก็คือกู้ปชช.มา แล้วใครจ่ายหนี้ก็ปชช.อีก ผู้บริหารก็ค่อยใช้หนี้ไปก็คือเอาเงินปชช.มาหมุน ผู้บริหารไม่มีฝีมือ สร้างหนี้มาแล้วแก้ไม่ตก ต้องเล่นซ่อนเชิง บอกว่าดอกเบี้ยสูงนะ แต่ก็เงินปชช.อีกนั่นแหละ เพราะผู้บริหารทำไม่เป็นไปสร้างหนี้ แล้วแก้ปัญหาด้วยการออกหวย ทำพันธบัตร

ถ้าผู้บริหารคณะใด รัฐบาลใดสามารถล้มหวยได้หมดเลย อาตมาจะสร้างถ้วยทองคำให้เลย ไม่มีเงินก็จะให้ปชช.ช่วยทำให้
๑. อย่าเป็นหนี้
๒. ช่วยตนให้รอด
๓. สร้างให้มากให้เกินตนกินตนใช้
๔. เอาที่เหลือไปแจกจ่ายแก่ประชาชน. คือขาดทุนของเราคือกำไรของเรา ด้วยสมรรถนะสร้างสรรของเราตนใช้เหลือก็ไม่เอาไปเอาเปรียบ แต่เอาไปให้ประชาชน.

ถ้า ประชาชน.ทำได้สังคมทำได้ แม้ธุริจของไทยใหญ่ๆ ธุรกิจปีนี้ขาดทุนเท่านี้ พนักงานรายได้ ๐ บาท แจกหุ้นให้แก่สมาชิก ลูกน้องต่อไป ก็มีแต่คนจนกระจุก รวยกระจาย สังคมจะเป็นรูปนั้น เป็นทฤษฎียิ่งใหญ่ในอนาคต นี่คือ A bomb of love เป็นพลังงานยิ่งใหญ่ เป็นเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาที่สุดยอด

ดาวหางคือพลังงาน ๗ ที่จะมีธาตุน้ำ คืออาโป จะมี ๑ ๒ ๓ มาเป็น ๔ แล้วมาเป็น ๕ ๖ ๗

ทุกวันนี้จิตเขาฝังลึกอยู่กับอบายมุข อยากจะได้รวยๆๆๆ เขามีมากมาย ให้ริบไปครึ่งก็กินใช้ไม่หมด มันเกินไปแล้ว ตัวอย่างในประเทศไทยนี่มันครบ ทั้งดีและชั่ว ผู้ใดไม่สำนึกไม่สำเหนียกไม่รู้ตัวยังหลงมอบตนไทยทางผิด เป็นนิปเปสิกตา แม้ตนสะอาดได้ก็ไม่ยอม

นิปเปสิกตาคือตนเองไม่ทำชั่วแล้วแต่ตนเองก็ยังไปร่วมกับงานเขา ไปช่วยเขา เช่นตนเองบริสุทธิ์แล้วแต่ตนก็ไปอยู่กับบริษัทชั่ว คุณไม่ทุจริตแล้วนะ ตรงทุกอย่างสุจริตทุกอย่าง แต่ก็ร่วมกับบริษัทที่โกงกินทุจริต ก็รับเงินจากบริษัทนี้คือไม่พ้นนิปเปสิกตา ยังมอบตนอยู่รวมกับผู้ผิด ไปส่งเสริมอยู่

อาชีพ ๕ ข้อแรก คือ การโกง ทุจริต คอร์รัปชั่น (กุหนา) มีในงานการเมือง อย่างประชานิยมหลอกชาวบ้านก็อยู่ระดับนี้ ทั้งหลอกลวง เลวที่สุดในแผ่นดิน คือหากินบนคำว่าช่วยเขา อย่างธรรมกาย หลอกจนขนาดหากไม่มีเงินทำทานก็มีบริษัทให้กู้ เงินไม่ผ่านมือตนเลย ถูกหลอกว่าจะได้สวรรค์วิมานอะไร นี่ก็คือคนโง่ที่อาตมาไม่เคยเห็น เขานึกว่าเขาเก่งมากนะ แต่เขาชั่วมากๆที่หลอกคนได้ขนาดนี้ ไปเรียกตนว่า ธรรมกาย คำว่ากายคุณยังไม่รู้จักเลย กระแดะเรียกตนว่าธรรมกาย ซึ่งธรรมกายคือชื่อเรียกพระพุทธเจ้า คำว่ากายนี่ถ้าไม่รู้แล้วเรียกตนว่าธรรมกายก็ไม่ถูก ในประเทศไทยมีดีสุดเลวสุดหมดเลย

ขอให้พวกเราสร้าง bomb of love ที่จะมาล้มล้าง bomb of loss นี้ให้ได้…

จบ




หมายเลขบันทึก: 618414เขียนเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2016 14:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2016 14:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท