สงสารชาวนาไทย
เคยทราบมาว่า ส่วนต่างราคาข้าวที่ผู้ผลิตขายได้ กับผู้ซื้อไปรับประทาน ไม่ได้ตกอยู่ที่โรงสีมากแบบที่คิด
แต่กลับไปตกอยู่ที่ ห้างสรรพสินค้าที่ไปวางจำหน่ายมากกว่าที่คิด ห้างสรรพสินค้าก็แจงเหตุผลความจำเป็นได้มีเหตุมีผลดี
แต่หากมองย้อนกลับไปในอดีต ชาวนายุคนี้น่าสงสารมาก แต่ก่อนสัก เมื่อ 50 ปี ข้าวเปลือก เกวียนละ 400 บาท ซื้อทองได้ 1 บาท
ปัจจุบัน ขายข้าวเปลือกได้ เกวียนละ 9000 บาท ซื้อทองได้ประมาณสองสลึง
คิดง่าย ๆ เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ทอง 1 บาท ซื้อข้าวเปลือกได้ 1 เกวียน ปัจจุบัน ทอง 1 บาท ซื้อข้าวเปลือดได้เกือบ 3 เกวียน
จึงพอจะกล่าวได้ว่า 50 ปีมานี้ ไม่เคยมีรัฐบาลใดทำให้มูลค่าข้าวเปลือกขึ้นได้จริงสักรัฐบาล
พี่ ๆ สื่อ ออกข่าวราคาที่เป็นตัวเงิน ชาวนาก็ดีใจ แต่มูลค่าจริงลดลง ทุกวัน
จนท้ายที่สุดต้องขายที่ดินทำกิน แล้วชาวนาก็โดนข้อหาไม่มีวินัยทางการเงินอีก
ปัญหานอมินีต่างชาติมาซื้อที่ดินก็เกิดขึ้น ที่ราบลุ่มน้ำราคาถูกเปบี่ยนเป็นโรงงานอุตสาหกรรม
ได้โชคสองชั้นเพราะได้แรงงานภาคเกษตรนิสัยดี ขยันขันแข็ง ค่าแรงถูก ฝีมือดี จากภาคเกษตรเข้าไปด้วย
ประเทศไทยได้เป็นเสือตัวที่ 11 ยังไงล่ะ ตอนนำ้ท่วมใหญ่ปี 54 จึงเห็นโรงงานอุตสาหกรรมหนักในที่ราบลุ่ม
เต็มไปหมด ทราบเพราะโรงงานเหล่านั้นถูกน้ำท่วม ประเทศไทยจะไปทางไหนดี
บ๊อบบี้ สุดท้ายตายทุกคน
5 พฤศจิกายน 2559
ไม่มีความเห็น