สวดมนต์ แบบ "พุทธ" (2)
***************************
มีคนไทยโทรมาจากต่างประเทศ (ไปทำงานต่างประเทศ) มาถามเรื่องการสวดมนต์ ว่าควรสวดอะไร และจะได้อานิสงค์ในการสวดอย่างไร
ทำยังกะว่าผมเป็นผู้มีความรู้ลึกซึ้งในเรื่องนี้
ใช้เวลาคุยกว่า 2 ชั่วโมง เมื่อเช้านี้ ผมเลยไม่มีเวลาจะทำอะไร มีแต่แค่คุยทางโทรศัพท์อย่างเดียว
ในส่วนตัวผมเองนั้น เน้นการปฏิบัติตามคำสวด ทีละคำๆๆๆๆๆ แบบสั้นๆ ให้ได้ผลของความเข้าใจทั้ง 4 ด้าน (อรรถะ สาระ นิรุตติ์ และการพัฒนา "ปฏิภาณ" ) มากกว่าการเน้นสวดให้จบไปเฉยๆ
และโดยไม่เน้นจำนวนรอบ แต่เน้นการปฏิบัติ "ปฏิปติ" (ทำตัวเองให้เป็นจริงมากที่สุด ตามคำสวด อย่างนั้นๆๆ ทั้ง 4 ด้าน) มากกว่าที่จะเน้นปริมาณ หรือจำนวนรอบการสวด
โดยไม่ให้ความสำคัญว่า จะต้องสวดกี่จบ หรือสวดกี่หมื่น กี่แสนรอบต่อวันก็ตาม
เพราะผมเชื่อตามหลักพุทธ ว่า....
"จำนวนรอบการสวดไม่มีค่าเท่ากับการปฏิบัติตามคำสวด เพียงรอบเดียว"
และที่สำคัญ การสวดที่จะได้อานิสงค์นั้น
ก. ควรเน้นการทบทวนคำสอนของพระพุทธเจ้า และปฏิบัติตามคำสวดนั้นอย่างเคร่งครัด คำต่อคำ ทีละคำๆๆๆๆๆๆ จนจบในความหมายทั้ง 4 ด้าน แล้วจึงสวดคำต่อไป ที่อาจจะช้าในรอบแรกๆ แล้วการสวดก็จะเร็วขึ้นๆๆๆๆๆ โดยลำดับ
ข. การสวดไม่ควรหวังผลเชิงการอ้อนวอน (ที่มิใช่หลักการของ "พุทธ") เพื่อให้ได้อะไรสักอย่างที่ไม่เกี่ยวกับการสวด ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติของตนเอง หรือ
ค. ไม่ควรสวดในสิ่งที่ตัวเองไม่สามารถทำจริงๆ หรือ ปฏิบัติจริงๆ ไม่ได้ หรือไม่คิดจะทำ เพียงแต่หวังผล หรือหวังให้คนอื่นช่วย เพียงอย่างเดียว และ
ง. ไม่ควรคาดหวังอะไร ที่ไม่มีเหตุปัจจัยในการสวด ที่จะทำให้เกิดผลขึ้นมาได้
--------------------------------
ผมจึงสรุปสั้นๆ ว่า ควรเข้าใจทุกคำที่สวด ทีละคำๆๆๆๆๆๆ ทั้ง 3 ด้าน (อรรถะ สาระ นิรุตติ์) แล้วจะเกิดอานิสงค์ด้านที่ 4 (ปัญญา และปฏิภาณ) อย่างแน่นอน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งครับ ซึ่งไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้
เพราะเมื่อเราทำเหตุและปัจจัยดีแล้ว ผลที่ดี ก็น่าจะเกิดขึ้นเอง ไม่ช้าก็เร็ว ครับ
++++++++++++++++++++++++++++++++