ล่วงมาถึงปีที่16 ของศตวรรษที่ 21 แล้ว ก็นับว่าเป็นเวลานานพอสมควร ว่ากันว่าการเข้าสู่ช่วงเวลานี้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อวิถีชีวิตของผู้คนในโลกอย่างมากมาย วิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่แตกต่างไป อันเนื่องมาจากความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลดีและผลกระทบต่อมวลมนุษยชาติ มนุษย์ยุคใหม่เกิดมาพร้อมความสามารถทางเทคโนโลยี มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีเฉกเช่นเป็นสัญชาติญาณชนิดหนึ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ทั้งนี้อาจเป็นเพราะวิวัฒนาการของเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ให้ใช้ได้ง่ายขึ้น เข้าถึงง่ายขึ้น และน่าเสพติดมากขึ้น
แต่ความน่าสนใจใจมุมของนักการศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีมีมากกว่าความทึ่งในตัวผลิตภัณฑ์แน่นอน ความน่าสนใจอยู่ที่ “กระบวนการ” เพื่อให้ได้สินค้านั้นมา ซึ่งควรศึกษาเพื่อยึดเป็นแบบอย่าง ทำอย่างไรให้แบรนด์ของตนได้รับความสนใจภายระยะเวลาอันสั้น โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่มีการแข่งขันกันสูง
กระบวนการหนึ่งที่สำคัญคือการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ตรงตามความต้องการของตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์จึงต้องทำวิจัยเพื่อศึกษากลุ่มลูกค้าและสร้างผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าพอใจ
ในทางการศึกษาก็เช่นเดียวกันที่เราให้ความสำคัญกับ “การวิจัย” ทั้งเพื่อแสวงหาความรู้ที่สอดคล้องกับการพัฒนานักเรียนและเพื่อพัฒนาสู่สิ่งที่ดีกว่า การวิจัยจึงเป็นงานที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาการศึกษา
สำหรับผู้เขียนแล้วในฐานะของผู้อำนวยการสถานศึกษา ใช้กระบวนการวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างฐานข้อมูลเพื่อการพัฒนา
ด้วยเหตุที่ความเป็นโรงเรียนต้องเกี่ยวข้องกับบุคคลหลายฝ่าย รูปแบบการวิจัยรูปแบบหนึ่งที่เหมาะสมในการนำมาใช้คือการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม
การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมมีลักษณะพิเศษคือเป็นการศึกษาที่ระบุประชากรและพื้นที่การวิจัยที่ชัดเจน โดยการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนั้น และงานวิจัยเรื่องล่าสุดของผู้เขียนให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ครูและผู้ปกครองเช่นเดียวกัน
งานวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนอนุบาลสุขสวัสดิ์ มีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ คือ
1. เพื่อศึกษาข้อมูลทั่วไปของรูปแบบการบริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21
2. เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนอนุบาลสุขสวัสดิ์
3. เพื่อประเมินและปรับปรุงรูปแบบการบริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนอนุบาล
สุขสวัสดิ์
จากวัตถุประสงค์การวิจัยทั้ง 3 ข้อ ผลการวิจัยพบว่า
1. ข้อมูลทั่วไปของรูปแบบการบริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 เป็นพหุตัวแปร
2. รูปแบบการบริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนอนุบาลสุขสวัสดิ์ ประกอบด้วย 9 องค์ประกอบคือ 1) การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน 2) การสร้างเข้าใจกับบทบาทของตนเอง 3) ความรู้และทักษะในศตวรรษที่ 21 4) การศึกษาหลักสูตรและการนิเทศ 5) การเรียนรู้และประเมินตามสภาพจริง 6) คุณภาพชีวิตที่ดี7) คุณลักษณะกระตือรือร้น 8) การสร้างเสริมพลังอำนาจทีมและการใช้เทคโนโลยี 9) การมีส่วนร่วมของชุมชน
3. รูปแบบการบริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของโรงเรียนอนุบาลสุขสวัสดิ์ มีความเหมาะสม ความเป็นไปได้ เป็นประโยชน์และถูกต้องครอบคลุม สอดคล้องกับกรอบแนวคิดเชิงทฤษฎีของการวิจัย
ด้วยความเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมและเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบถึงวิถีของการศึกษา แนวทางการการบริหารสถานศึกษาจึงควรได้รับการทบทวนและวางแผนดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ระบบการศึกษาของเรามีคุณภาพเพียงพอที่จะพัฒนาเด็กในศตวรรษที่ 21 ให้เข้มแข็งและเติบโตอย่างมีความสุข.
ไม่มีความเห็น