ทำไม ผมเปลี่ยนทางเดิน (4)


ผมอดตาหลับขับตานอนนั่งอ่านระเบียบข้าราชการพลเรือนซึ่งเป็นวิชาหลัก

ส่วนการสอบวิชาภาษาไทยและการแปลภาษาอังกฤษผมไม่ได้ทบทวนเลย

ที่คิดเช่นนี้เพราะคิดว่า ถ้าเราทำวิชาระเบียบข้าราชการพลเรือนได้ดี

อาจมีโอกาสได้บรรจุมากกว่าคนอื่นๆ เพราะต่างคนต่างไม่ได้เรียนมา

วันสอบก่อนเข้าห้อง ผมดูจำนวนผู้เข้าสอบทั้งหมด เกือบสองพันคน
รู้สึกใจหาย แต่ก็ต้องสู้ เพราะโอกาสเรามีเท่าๆ กับคนอื่น
หลังการสอบ วิชาที่ทำให้ผมใจไม่ดี คือวิชาแปลอังกฤษเป็นไทย
ภาษาอังกฤษผมอ่านแทบไม่รู้เรื่องเลย ก็ต้องแปลชนิดแบบดำน้ำ
ขณะที่วิชาระเบียบข้าราชการพลเรือนผมทำได้ตลอด คงจะช่วยผมได้
เพราะหลังจากมาตรวจหนังสือที่อ่านก่อนสอบ ส่วนใหญ่ถูกมากกว่าผิด
วันประกาศผล ผมไปถึงโรงเรียนสันติราษฎร์บำรุงซึ่งเป็นสนามสอบของผม
เห็นคนยืนมุงที่ป้ายประกาศแน่นไปหมดแทบหาช่องว่างเบียดเข้าไม่ได้
บางคนเดินออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส บางคนก็หน้าเศร้า
หลังจากคนบางตาลงมากแล้ว ผมเดินเบียดแทรกเข้าไปจนได้ยืนชิดกระดานป้าย
เห็นกระดาษประกาศผลการสอบมีรายชื่อผู้ผ่านการสอบ 3 แผ่น
ผมมองหารายชื่อตัวเองตั้งแต่แผ่นแรกมาเรื่อยๆ ด้วยความหวัง
แล้วความหวังนั้นได้สลายไปเมื่อไม่ปรากฏชื่อผมสักบรรทัดเดียว
วินาทีนั้น ความคิดของผมผุดขึ้นถี่ยิบ แล้วเราจะทำยังไงต่อไป
ตอนนี้เหมือนคนเดินอยู่ในราวป่าตอนฟ้ามืดค่ำลงทุกขณะ
กลับไปถึงบ้านพี่ชายที่หลักสี่ท้องฟ้าใกล้ค่ำ ตะวันจวนตกดิน
ทั้งสมองและจิตใจว้าวุ่นทั้งคำถามและความคิดที่คุกรุ่นอยู่ในใจ
ยังงมหาคำตอบไม่ได้ เราจะสรรหาคำพูดกับพี่ชายยังไงดี
พี่ไม่ส่งผมเรียน... พี่จะแต่งงาน
เรียนก็หมดโอกาสแล้ว และงานทำก็ยังหาไม่ได้
ผมยืนงงที่หน้าบ้านพี่ชาย เห็นแสงไฟสว่างโร่
เปรียบกับชีวิตผมตอนนี้มันมืดไม่สว่างเหมือนแสงไฟที่เห็น
ผมถอดรองเท้าวางแล้วเปิดบานประตู
แสงไฟจากหลอดนีออนในห้องรับแขกส่องสว่างปะทะใบหน้า
พร้อมๆ กับ ร่างกายเย็นวาบไปทั่วร่างเมื่อสายตาไปเห็นบุคคลที่นั่งบนโซฟา
ผมร้องได้คำเดียว ..แม่.... แล้วน้ำตาพาลจะไหลออกมาเดี๋ยวนั้น
ยกมือไหว้แม่ด้วยสัญชาตญาณ เข้าไปกอดแม่ซบหน้าลงที่ตัก
เออ..กูเอง เห็นพี่มึงบอกว่าไปดูประกาศผลสอบเข้าครู.. เป็นไง..สอบได้ไหม
ผมตอบแม่ด้วยน้ำเสียงคล้ายสะอื้น ลำคอตีบตันไปหมด
อยากจะร้องไห้ให้กับความผิดหวังที่คิดไม่ถึง
ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร กูมานี่ต้องการมาบอกให้มึงกลับไปทำงานที่บ้านเรา
ผมไม่อยากมีอาชีพทำสวนเลยแม่
เออ..กูรู้และไม่ได้มาตามให้มึงไปทำสวน มึงเรียนจบทางครูก็ต้องไปเป็นครูซิ
ผมเงยหน้ามองแม่ พี่ชายผมนั่งอยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้น
แม่บอกมันไปเลย เพื่อให้มันตัดสินใจ ว่าจะเอายังไง
น้องชายแม่เขาย้ายมาเป็นศึกษาธิการจังหวัด ไปบอกแม่ว่า
อีกไม่กี่วันเขาจะประกาศรับสมัครครู วุฒิ ปก.ศ.ต้นและ ปก.ศ.สูง
เพื่อเข้ารับราชการในตำแหน่งที่ว่างอยู่หลายตำแหน่งทั่วจังหวัด
และจะรับทั้งนักเรียนทุนของจังหวัดและนักเรียนที่ไปเรียนเอง หลายตำแหน่ง
เขาบอกว่าให้มึงรีบไปสมัครสอบ เพราะจะให้เวลาสมัครเพียงสัปดาห์เดียว
มึงต้องกลับบ้านไปกับแม่พรุ่งนี้
สิ้นเสียงสั่งแกมบังคับ ใจผมตอนนั้นดูเหมือนคล้อยตามคำพูดของแม่ไปแล้ว
ตอนนี้ผมกลายเป็นเด็กมีเส้นมีสาย ท้องฟ้าที่มืดครึ้มมาทั้งวัน
วินาทีนี้ผมเห็นท้องฟ้าโปร่ง แจ่มใส มีเมฆสีขาวดุจปุยนุ่นลอยบนท้องฟ้าสีคราม
คืนนั้นผมรีบเก็บเสื้อผ้าและหนังสือเรียนเข้ากระเป๋าใบใหญ่ของพี่ชายที่ให้ยืม
ตอนเช้าพี่ชายได้ลางานเพื่อไปส่งแม่กับผมที่ท่ารถและออกค่าตั๋วให้เบ็ดเสร็จ
ลาแล้วกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร ลาก่อน..แล้วค่อยพบกันใหม่
กลับท้องถิ่นกำเนิดได้ไม่ถึงอาทิตย์ ผมก็ไปสมัครสอบที่ห้องศึกษาธิการจังหวัด
นักเรียนทุนมีทั้งหญิงและชายมีนักเรียนหญิงเท่านั้นที่ผมไม่รู้จัก
ส่วนนักเรียนชายเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ม.6 ด้วยกัน
ฟังมาว่า ผลการสอบครั้งนี้นักเรียนทุนของจังหวัดสอบบรรจุได้ทุกคนแน่นอน
ส่วนนักเรียนที่ไม่ได้ใช้ทุนของจังหวัดไปเรียนต้องสอบแข่งกันเองซึ่งมี 3 คน
อาจได้หรือไม่ได้อยู่ที่มีอัตราบรรจุมากน้อยเพียงใดซึ่งทางจังหวัดไม่ได้ระบุไว้
แต่ผมไม่ได้สนใจเพราะมีประสบการณ์จากการสอบบรรจุที่กรุงเทพฯ มาแล้ว
วิชาที่สอบเหมือนกัน ยกเว้นไม่มีการสอบแปลภาษาอังกฤษ
คราวนี้ผมมั่นใจ ไม่พลาดแน่โดยเฉพาะวิชาระเบียบข้าราชการพลเรือน
แล้วก็เป็นดังที่ผมคาดไว้หลังประกาศผลการสอบ
ผมได้อันดับ 1 ในจำนวนไม่ใช่นักเรียนทุน ส่วนนักเรียนทุนได้บรรจุทุกคน
เพราะเป็นนโยบายของจังหวัดต้องมาชดใช้ทุนที่ส่งให้เรียน
ส่วนผมแม้จะสอบได้ที่ 1 แต่ขณะนี้ยังไม่มีตำแหน่งว่างให้รอบรรจุไปก่อน
ศึกษาจังหวัดเรียกผมไปพบ หลังจากเสร็จสิ้นการบรรจุนักเรียนทุนเรียบร้อยแล้ว
ไม่ต้องเสียใจนะ เดี๋ยวน้าจะดูตำแน่งว่างให้ บังเอิญตำแหน่งที่คิดว่าว่างนั้น
ครูเขาบอกว่าจะลาออก แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ยื่นใบลามาให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสารบัญ
คงอีกไม่เกิน 6 เดือน รอหน่อย แต่ได้บรรจุปีนี้แน่นอน น้าจะไปบอกแม่เอ็งอีกที
แม้ผมจะกลายเป็นคนมีเส้น แต่ก็ยังต้องอยู่ในระบบราชการ ผมไม่คิดอะไร
จะทำก็เพียงคอยฟังข่าว ว่ามีครูในอำเภอใดของจังหวัดลาออกจากราชการบ้าง
และขอบอกกันตรงๆ ว่า ช่วงระยะไม่เกิน 6 เดือนที่ศึกษาธิการจังหวัดบอก
วันๆ ผมอธิษฐานในใจว่า ครูคนไหนอยากลาออกก็รีบลาซะ เราจะได้เข้าไปทำงานแทน
หรือไม่ก็ ครูคนไหนเจ็บไข้ได้ป่วยบ่อยๆ ก็อย่าได้ทนอยู่เลย รีบๆ คิดลาออกไปรักษาตัว
ถามว่าทำไมผมจึงคิดเช่นนี้ เนื่องจากเพราะผมต้องถือมีดขอ แบกจอบเข้าสวนทุกวัน
ไม่มีเสาร์อาทิตย์ จนฝ่ามือทั้งสองด้านหยิกไม่เจ็บ ผิวหนังส่วนนอกเสื้อ เริ่มดำคล้ำ
โดยเฉพาะใบหน้าขาวๆ หมองคล้ำเพราะแดด ไม่ใช่เสียใจที่ไม่มีงานทำ
ผมอดทนรอการบรรจุเข้ารับราชการครูถึงเดือนที่ 3 แล้ว ทางจังหวัดยังไม่ส่งข่าวมา
แต่กระนั้น ผมก็ไม่ค่อยกระวนกระวายใจเรื่องการรอบรรจุเป็นครูเท่าใดแล้ว
เพราะเหตุการณ์พลิกผันไปโดยไม่คาดฝัน

ด้วยความปรารถนาดี
ชนะ เวชกุล

หมายเลขบันทึก: 615352เขียนเมื่อ 21 กันยายน 2016 11:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 กันยายน 2016 11:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

-สวัสดีครับ

-ตามอ่านมาถึงตอนที่ 4

-รออ่านตอนต่อไปครับ..

-ขอบคุณครับ

ขอบคุณที่ติดตามอ่าน

ประมาณสัปดาห์หน้า ลงตอนที่ 5 ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท