ตะลุยถ้ำศรีเกษร ล่องแก่งคลองสีสอนแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์รัตภูมิ


ตะลุยถ้ำศรีเกษ

ล่องแก่งคลองสีสอนแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์รัตภูมิ

เที่ยวทั่วสงขลาปักษ์นี้เรามีนัดไปดูสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่รัตภูมิ ถ้ำศรีเกษร ก่อนไปเราก็หาข้อมูล ก็ได้พบว่ากิจกรรมที่ถ้ำแห่งนี้โดดเด่นมากในช่วงที่ผ่านมา คือ ล่องแก่ง

เราวางแผนจะไปวันที่ 6 กรกฎาคม แต่ผู้ใหญ่ "พินิจ ฤทธิกาญจน์" ผู้ใหญ่บ้านหมู่4 ต.เขาพระ ในฐานะประธานชมรมล่องแก่ง-ชมถ้ำศรีเกษร เจ้าของพื้นที่บอกว่า ติดปัญหาไม่มีคนนำชมถ้ำเพราะไกด์คนที่ชำนาญพื้นที่เป็นชาวมุสลิมและเขากำลังติดอารีรายอ ก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก

แต่ในที่สุดเราก็มายืนอยู่หน้าถ้ำศรีเกสรจนได้...!!!! เส้นทางการเดินทาง บอกเลยว่าถ้านักท่องเที่ยวจะเข้ามาก็ควรจะประสานงานล่วงหน้า เพราะอาจจะไม่สะดวกนักถนนยังเป็นถนนลูกรังและถนนดินแดง และระบบไฟฟ้ายังไม่พร้อม

ผู้ใหญ่พินิจ เล่าให้ฟังว่า กิจกรรมล่องแก่งที่ถ้ำศรีเกษร ดังมากตั้งแต่ปี 2551 และบูมนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศแห่กันเข้ามามาก ในช่วงปี 2552 เพราะที่นี้ธรรมชาติยังสมบูรณ์มากๆ นี้มีทั้งน้ำตก โฮมสเตย์ ล่องแก่ง แหล่งอาหาร ผลไม้พื้นบ้าน นักท่องเที่ยวชอบมาในช่วงที่ผ่านมา ได้รับความสนใจมากจากนักท่องเที่ยวกลุ่มบริษัท สถานศึกษา เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

เรามุ่งหน้าไปดูถ้ำกันก่อน แต่ระหว่างขับรถผ่านไปเราเจอค่ายลูกเสือ ที่บรรยากาศร่มรื่น น่าสนใจก็คิดว่าเสร็จจากถ้ำจะเดินลงมาชม ถึงหน้าถ้ำแล้ว เส้นทางเข้าถ้ำ รถยนต์สามารถเข้าถึงหน้าถ้ำ สองข้างทางเป็นสวนยางของชาวบ้าน ต้นไม่ร่มรื่น เหมือนถูกทิ้งมาสักหนึ่งแล้ว เพราะขาดการดูแล ยืนอยู่หน้าถ้ำได้ยินเสียงค้างคาง กลิ่นก็เริ่มเปลี่ยนไปสันนิฐานว่า ขี้ค้างคาวคงจะเยอะมากๆ โชยมาตามสายลม ฝนโปรยปรายลงมาเบา ๆ อากาศกำลังดี มีไฟฉายติดมือมาด้วย แต่ไม่มีคนนำทาง ลังเล แต่ขอสักหน่อย

ถ้ำศรีเกษร มีจำนวงน 3 ชั้น คือ ชั้นใต้ดิน , ชั้นที่ 1 , ชั้นที่ 2 ภายในถ้ำมีประวัติของนางศรีเกสร ที่อาศัยอยู่เป็นเวลานับพัน ๆปี ซึ่งมีหลายสิ่งหลายอย่างภายในถ้ำที่บอกถึง เรื่องราวของนางศรีเกสร รวมไปถึงความสวยงามของหินย้อยที่สลับซับซ้อน เป็นประติมากรรมที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ขึ้นอย่างสวยงาม ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาศึกษาและเยี่ยม ชมความสวยงาม

อากาศดีมากๆ เราเดินไปรอบๆ ก่อนจะมาหยุดหน้าค่ายลูกเสือภูศรีเกษร ที่นี่มีค่ายลูกเสือด้วย ถือโอกาสแวะชม เจ้าของค่ายชื่อคุณสุรัช แสงทอง หรือบังมีน ใจดีพอบอกวัตถุประสงค์การมาในครั้งนี้

บังมีนก็เล่าให้ฟังว่า ค่ายแห่งนี้ก็เริ่มมาตั้งแต่ปี 2551 และก็ทำมาเรื่อยๆ จนปัจจุบัน กลายเป็นที่นิยมของโรงเรียนและสถานศึกษาทั้งในและนอกพื้นที่ แต่เป็นที่นิยมมากๆ คือโรงเรียนจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เราสังเกตเห็นป้ายไวนิลจำนวนมากที่บ่งบอกว่ามีโรงเรียนต่างๆ มาใช้บริการฝึกอบรม และเข้าค่ายลูกเสือ ณ สถานที่แห่งนี้

ที่ค่ายลูกเสือแห่งนี้มีฐานให้ทำกิจกรรมลูกเสือและเนตรนารี 15 ฐาน เป็นฐานกิจกรรมแบบธรรมชาติผสม นักเรียนสามารถเดินทางไกลได้ 4 กิโลเมตร รอบภูเขาศรีเกสร และมีการนำชมถ้ำ ศรีเกษรและได้ทราบประวัติถ้ำแห่งนี้

เป้าหมายที่เรารออยู่วันนี้คือล่องแก่ง ผู้ใหญ่บ้านบอกว่า วันนี้จะมีกิจกรรมเลี้ยงอารีรายอของคนในหมู่บ้าน แต่ปรากฏว่าถึงเวลาเข้าจริงๆ เกือบ 5 โมง ฝนฟ้าไม่เป็นใจ แต่ผู้ใหญ่ก็บอกกับเราว่า การล่องแก่งเป็นมิติใหม่ของที่นี้ สามารถรับนักท่องเที่ยวได้เป็นคณะใหญ่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการ เรียนรู้ ทำกิจกรรมครอบครัว

คลองที่ใช้ในการล่องแก่งนี้ชื่อว่าคลองภูมีบ้านสีสอน เป็นลำคลองธรรมชาติที่มีคลอง 7 สายไหลมารวมกัน กลายเป็นลำคลองที่มีความคดเคี้ยว มีโขดหินให้เห็นประปราย ยังคงเป็นความธรรมชาติ จึงกลายเป็นจุดขายอย่างดี"ผู้ใหญ่พินิจ" บอกว่า ขณะนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เพราะนอกจากที่จ.สตูล ก็มีที่นี่เพียงแห่งเดียวที่มีโครงการล่องแก่งเชิงอนุรักษ์ ทั้งยังสามารถใช้บริการได้ครบวงจร ทั้งล่องแก่ง ที่พักแรม รับประทานอาหารพื้นบ้าน เล่นกองไฟ หรือจะร้องคาราโอเกะก็ยังได้ ส่วนความปลอดภัยไม่ต้องห่วง ชาวบ้านรับรองให้เต็มร้อย

“ไฮไลต์ของการล่องแก่งเริ่มตั้งแต่นำเรือแคนูลงน้ำ เพราะใช้วิธีสไลด์เรือลงจากเนินดินสูงประมาณ 5 เมตรสร้างความตื่นเต้นและความสนุกสนานให้นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก จากนั้น พายเรือไปตามลำคลอง ชมทิวทัศน์ที่สวยงาม ทั้งต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ตามลำคลอง โขดหิน ที่สำคัญ คือ ที่นี่ไม่มีการเติมแต่งสีสันลงไปในลำคลอง ในอดีตมีสภาพเป็นอย่างไรตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น การล่องแก่งจึงท้าทายความสามารถของนักท่องเที่ยวตลอดระยะทาง 7กิโลเมตรในเวลา 2 ชั่วโมง”

ก่อนจากลา ถ้ำศรีเกสรคืนนี้ผู้ใหญ่พินิจ ชวนร่วมกินข้าวกับชาวบ้านที่มาร่วมกิจกรรมในคืนนี้ แต้ด้วยระยะทางและเส้นทางไม่ค่อยสะดวกสบายนัก ซึ่งผู้ใหญ่พินิจก็ฝากถึงผู้บริหารอบจ.สงขลา หากมีโอกาสก็อยากให้เข้าไปเยี่ยมเยือนแล

หมายเลขบันทึก: 610760เขียนเมื่อ 16 กรกฎาคม 2016 16:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 กรกฎาคม 2016 16:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท