เมื่อ 25 มีนาคม 2559
สวัสดีค่ะ ดร.ป๊อบ พอดีเจอบทความจาก gotoknow.org เลยจะรบกวนปรึกษาหน่อยค่ะ
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อ ก. ค่ะ อายุ 29 ปี ตอนนี้กำลังมีอาหารกลัวไม่กล้ากลืนอาหารค่ะ เนื่องจากเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมาทานยำวุ้นเส้น แล้วก็อาจจะเพราะเคี้ยวเร็วเกินไป เลยรู้สึกสะดุ้งเหมือนมันติดคอ ตกใจมากค่ะ พอมื้อต่อ ๆ มาก็หลอนไม่กล้ากลืนอาหารที่ต้องเคี้ยว เลยเลี่ยงมาทานพวกโจ๊ก ไข่ตุ๋น ไข่ลวก นม หรือพวกน้ำหวานแทน พอทานได้น้อยเลยรู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยมีแรงเลยค่ะ บางมื้อก็พยายามตั้งสติแล้วพยายามกลืนอาหารปกติดู เพราะอยากหาย แต่ก็ทำได้แค่ไม่กี่คำ คือยังกลัวอยู่ บางทีก็คายออกมาคืน แล้วสุดท้ายก็ต้องหยุดกินค่ะ
ให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ เมื่อหลายเดือนก่อนเคยเป็นแบบนี้ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นกินลูกชิ้นปลา แล้วก็เหมือนจะติดคอ หลังจากนั้นก็กลัวไม่กล้ากลืนอาหารอื่น แต่ตอนนั้นทำตามคำแนะนำในบทความของ ดร. คือเคี้ยวข้างขวาช้าๆ แล้วสลับมาข้างซ้าย ก้มคอแล้วกลืน ก็ดีขึ้น แล้วกลับมาเป็นปกติในไม่กี่วันเองค่ะ เป็นไปได้ไหมคะว่าเป็นเพราะช่วงนั้นได้เดินทาง ได้อยู่กับแฟน มีกิจกรรมให้ทำ ไม่มีความกังวล เลยลืมๆ เรื่องกลืนไปได้
แต่ช่วงนี้ทำงานทุกวัน ไม่ค่อยได้ออกไปไหน อยู่คนเดียวตลอด (อยู่คนละจังหวัดกับแฟน) เลยเครียดง่ายน่ะค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติมอีกอย่างคือ พอดีช่วงนี้กำลังรักษารากฟันค่ะ คุณหมอเลยให้ใช้ฟันข้างเดียวไปก่อน (ข้างขวา) แรกๆนี่เกร็งมากเลยค่ะเวลาเคี้ยวกลัวจะไปโดนด้านที่รักษาอยู่ ณ วันนี้ เกือบจะหนึ่งสัปดาห์หลังจากเกิดเหตุการณ์ ยังคงกลัวๆ ไม่กล้ากลืนอยู่ค่ะ พอต้องไปทานอาหารกับคนอื่นนี่จะเครียดมากเลย รบกวนปรึกษา ดร. หน่อยค่ะว่าควรทำยังไงดี อยากหายมากค่ะ ขอบพระคุณมากนะคะ
คำตอบจากดร.ป๊อป เรียนคุณก. ผมขอให้กำลังใจให้พยายามฝึกเคี้ยวอย่างมีสติก็จะช่วยลดอาการกลัวได้ครับ ตรงนี้เป็นการฝึกการทำงานของสมอง มิได้เกิดขึ้นจากการทำกิจกรรมการเดินทางใดๆ เพราะสมองจะแยกจดจ่ออยู่กับกิจกรรมที่กลัวมากกว่ากิจกรรมที่ผ่อนคลาย
การอยู่คนเดียวแล้วเกิดความเครียด น่าจะมีสาเหตุจากจิตใต้สำนึก ซึ่งก็บอกยากว่ากำลังเครียดจากอะไร ต้องนิ่งทำสมาธิแล้วถามคำถามตนเองขณะนั้น แล้วรอดูว่าร่างกายของคนได้ตอบสนองอะไร ความเครียดย่อมมีสาเหตุภายในจิตใจเสมอครับและมีสาเหตุเปลี่ยนไปมาได้ถ้าเราเป็นคนกังวลการกลัวอยู่แล้ว สำหรับการเกร็งกลัวเคี้ยวโดนรากฟันก็เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เครียดได้ เช่นเดียวกับเหตุที่ไปทานอาหารกับคนอื่น ดังนั้นเมือรู้ว่าเกิดสาเหตุจากอะไร ให้หลับตาในท่ายืน จดจ่อลดความรู้สึกเกร็งด้วยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อตามลำดับส่วน ได้แก่ จดจ่อไปที่หน้าผากแล้วทบทวนว่ารู้สึกคิดอะไรจนกลัว ก็ให้ย้ำพูดในใจว่า คิดเรื่อง...แล้วทำให้กลัว ให้มั่นใจจดจ่อขณะทานอาหาร ก้มคอ กลืนได้ดี พูดไปเรื่อยๆ 3 รอบ ย้ายไปจดจ่อที่ดวงตาที่หลับอยู่ แล้วพูดเช่นเดิม ไปที่หัวใจพร้อมนำมือสัมผัสฟังเสียงหัวใจเต้น ก็บอกว่า มั่นใจๆๆ ผ่อนคลายๆๆ ไปที่ท้อง หายใจเข้าจมูกแล้วให้ท้องพอง หายใจออกทางปากให้ท้องแฟบ ทำไปเรื่อยๆ สัก 5 รอบจนร่างกายนิ่งมั่นคง ก็ลืมตาขึ้นแล้วจดจ่อกับตั้งใจทานอาหารเคี้ยวช้าๆ คำละนับ 1-20
ลองฝึกไปเรื่อยๆ เพื่อปรับจิตใต้สำนึก ใช้เวลาอย่างน้อย 21 วันต่อเนื่องกัน หากไม่ดีขึ้นต้องมาประเมินและฝึกเพิ่มเติม ผมจะลงคลินิกช่วงพ.ค. อาจรบกวนให้เตือนผมอีกครั้งผ่านอีเมล์นี้ ขอบพระคุณมากครับ ดร.ป๊อป
เมื่อ 30 พฤษภาคม 2559
สวัสดีค่ะ ดร.ป๊อบ จากที่เคยปรึกษาเรื่องกลัวการกลืน สองเดือนที่ผ่านมาก็ฝึกตามที่ ดร.แนะนำ แต่ไม่ได้ทำติดต่อกัน 21 อ่ะค่ะ พอเวลาผ่านไปเริ่มทานอาหารได้ดีขึ้นบ้าง แต่จะใช้เวลาเคี้ยวนานมากในแต่ละมื้อ (เป็นชั่วโมง) ต้องรอจนละเอียดแล้วจึงค่อยกลืน และมื้อหนึ่งๆก็จะทานได้ในปริมาณที่ไม่เยอะค่ะ โดยที่ผ่านมาเลี่ยงพวกเนื้อ เนื้อหมู ที่เป็นชิ้นๆ เพราะยังกลัวอยู่ เลยเลือกทานอะไรที่ย่อยง่ายๆ แล้วก็เน้นพวกน้ำๆแทน เวลาถึงมื้ออาหารจะเครียดค่ะเพราะกลัวจะกลืนไม่ได้ แต่แปลกที่พวกขนมกรุบกรอบขบเคี้ยวกลับทานได้ นี่คืออาการในช่วงที่ผ่านมานะคะ
แต่ล่าสุดช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เริ่มกลับมากลัวหนักขึ้นค่ะ มีการสำลักน้ำแกง นมเปรี้ยว ด้วยอ่ะค่ะ สงสัยเครียดเกินไป ทั้งที่ร่างกายหิวมาก แต่ไม่กล้าที่จะทานอาหาร วันนี้เริ่มจะกังวลในการดื่มพวกนม น้ำ ไปด้วยเลย อยากกลับมามีชีวิตปกติค่ะ ทุกวันนี้เวลาไปทำงานก็ไม่ค่อยมีแรงเลย อยากนัดไปคุณหมอค่ะ ไม่ทราบว่าสะดวกเมื่อไหร่คะ
คำตอบจากดร.ป๊อป เนื่องจากเดือนมิ.ย. ผมมีคนไข้นัดหมายเต็มหมดแล้วครับ รบกวนนัดหมายเดือนก.ค. ซึ่งผมจะลงวันที่ 7 ก.ค. เวลา 13.00-14.00 น. ไม่ทราบว่าสะดวกหรือไม่ครับ ขอบพระคุณมากครับ ดร.ป๊อป
เมื่อ 10 มิถุนายน 2559
เรียน ดร.ป๊อบ ขอโทษด้วยนะคะที่ต้องเขียนมาหาหลายรอบเลย คือระหว่างช่วงเวลาที่รอไปพบคุณหมอ รู้สึกว่าอาการมันแย่ลงค่ะ กังวลมากเกินไป จนแทบจะกลืนอะไรไม่ได้เลย แม้กระทั่งน้ำ ก่อนหน้านี้ยังทานน้ำได้คล่อง ก็เลยเน้นชงอาหารเสริมผสมน้ำ แล้วก็พวกน้ำเต้าหู้ เพื่อให้มีเรี่ยวแรงในแต่ละวัน สำหรับอาหารอ่อนๆ เช่น โจ๊ก ไข่ตุ๋น ก็ฝึกทานตลอด แต่เหมือนร่างกายมันต่อต้าน รู้สึกว่าตรงคอเกร็งมาก มันไม่ยอมให้กลืนเลย จนต้องคายออกมา
ปัญหาตอนนี้คือ ทานประเภทน้ำยากมากค่ะ ก่อนทานก็จะหายใจเข้าลึกๆ แล้วหายใจออกทางปาก 3 รอบ แต่ก็ทานยากอยู่ดี
สังเกตตัวเองว่าช่วงตื่นนอน จะทานน้ำได้มากที่สุด แต่พอเข้าสู่ช่วงกลางวันเริ่มจะไม่รับแล้ว พยายามผ่อนคลายด้วยการนั่งสมาธิ ฟังเพลง แต่ก็ยังไม่หาย
ตอนนี้ไม่ค่อยมีพลังงานเลยค่ะ หน้ามืด วูบบ่อยๆ เพราะร่างกายไม่ได้รับสารอาหารเลย ดร.ป๊อบ พอจะมีวิธีอะไรให้ฝึกไปก่อนไหมคะ อย่างน้อยที่สุด อยากทานพวกน้ำได้บ้างน่ะค่ะ ขอบพระคุณมากนะคะ
เมื่อดร.ป๊อปพบคุณ ก. ที่คลินิกกิจกรรมบำบัดเมื่อ 7 กรกฎาคม 2559
Subjective: คุณ ก. สีหน้าดูกังวล บ่นว่า "น้ำหนักลดไป 6 กก. และเมื่อวานดีใจมากที่ตื่นเช้ามาก็รู้สึกอยากทานข้าวต้ม ก็ได้จนหมดแบบสบายๆ...ตั้งใจอยากทานให้ได้และมีแรงทำงาน"
Objective: ให้คุณ ก. ยืนทำสมาธิให้ทบทวนอารมณ์ตึงเครียด พบบริเวณหน้าตรงระหว่างคิ้วมีความตึง 7/10 เมื่อตรวจความถนัดของตาก็พบว่า ตาข้างซ้ายมีแสดงภาพนิ่งจากเป้าหมายได้ดีกว่า แปรผลสมองจินตนาการภาพซีกขวาเป็นข้างถนัด จึงให้ใช้เทคนิคเปลี่ยนภาพจากภาพวัยเด็กวิ่งเล่นสนุกสนานกลางทุ่งนาสลับกับภาพที่กำลังทานข้าวต้มอย่างกล้าๆกลัวๆ (ย้ำให้ก้มคอเล็กน้อย กลืนน้ำลายที่อมไว้ 3 รอบ จากนั้นลูบคอหอยถึงใต้คางหนึ่งครั้ง- ก่อนหน้านี้ต้องบ้วนออกตลอด ซึ่งยิ่งบ้วนก็ยิ่งไหลออกมาเยอะ) แล้วทดสอบให้ทานแซนวิชได้ 1/4 ชิ้นอย่างช้าๆ ไม่มีสำลักใดๆ ความตึงเครียดลดลงเหลือ 5/10 จากนั้นให้เรียนรู้การเคาะอารมณ์กลัว และย้อนกลับไปลบภาพอดีต ก็พบว่า "ภาพการทานยำวุ้นเส้นที่ทำให้กลัวการกลืนนั้นเป็นเพียงอารมณ์ตกใจ เมื่อใช้สติสัมปชัญญะพิจารณาก็เห็นว่า หลังตกใจ ก็หยุดทานสักพัก จากนั้นก็ค่อยๆทานอาหารที่คงค้างในปากลงไปโดยไม่สำลัก" ต่อด้วยการจินตนาภาพความมั่นใจในการทานสิ่งที่อยากทานเย็นนี้คือ ยำปลาแซลม่อน ก็พบความตึงเครียดลดลงเหลือ 3/10 ให้ทบทวนการเคาะอารมณ์กลัวในกรณีสถานการณ์จริงๆ ทานแบบกลืนไม่ลงจริงๆ และเมื่อให้ลองทานแซลวิชก็ทำได้ถึง 3/4 พร้อมกล้วยกรอบได้อีก 5 ชิ้น อย่างสบายๆ"
[ขอบพระคุณศิษย์เก่านักกิจกรรมบำบัด ม.มหิดล ที่มาจังหวะให้เคสได้ทบทวนการเคาะอารมณ์]
Assessment: ตอนเย็นคุณ ก. ได้ไปทานยำปลาแซลมอล ก็ไลน์มาบอกว่า "กินได้นิดหน่อยค่ะ แต่ก็หลายคำเหมือนกัน ช่วงแรกๆเกร็งมาก เลยวาดรูปไปด้วย พอวาดรูปเลยกินได้คล่องขึ้น แม้จะไม่หมด แต่ดีใจมากค่ะกินแซลม่อนได้ เย่ ปล. ตอนที่กลัว ไม่กล้าเคาะ เพราะอยู่ในร้านอาหารเลยเขินค่ะ 555 ไม่งั้นอาจจะกินได้ดีกว่านี้"
Plan: ก็ติดตามในการทดลองทานสิ่งที่อยากทาน ก่อนทานให้ลืมตาจินตนาการการเคี้ยวอาหารจนกลืนได้ดีสัก 3 คำ แล้วทานจริงๆ ถ้าเกิดอารมณ์ตึงเครียดก็ให้มองเห็นภาพที่ผ่อนคลายใดๆก็ได้ หรือทานแบบเพลินๆ ไม่ได้ตั้งใจมาก หากิจกรรมที่ชอบทำด้วย (จากคำพูดของเคสขณะฝึกจิตใต้สำนึก) และถ้าไม่ไหวก็ค่อยๆฝึกเคาะอารมณ์ ลองฝึก 21 วันพร้อมเพิ่มอาหารโปรตีนให้ร่างกายมีพลังงานและค่อยๆนัดหมายมาปรับอาหารในครั้งต่อไป
เมื่อวันที่ 22 ก.ค. เคสไลน์มาหาผมว่า "อาหารตอนนี้เริ่มทานได้หลากหลายขึ้นแล้วค่ะ ข้าว ผักลวก ปลาไก่ แต่จะต้องใช้เวลาเกือบๆชม.ค่ะ ขนมปังทานได้ค่อนข้างคล่อง ประเภทน้ำก็ทานได้ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ จะลองแบ่งยาดูก่อนตามที่ดร.ป๊อปแนะนำ อยากพยายามฝึกทานยาเม็ดให้ได้ค่ะ"
จากเฟสบุ๊คของเคส
ผ่านไป 1 เดือนหลังจากไปทำกิจกรรมบำบัดอาการกลัวการกลืน
วันนี้อยากกินข้าวต้มกุ๊ยมากกกก เลยซื้อกลับมากิน มียำปูม้าดอง ผัดใบปอและข้าวต้มถ้วยเบ้อเริ่ม ปูม้าหมด กินผักในยำได้ ใบปอกินได้พอประมาณ ข้าวต้มเกือบหมด คือ มื้อนี้มันเยอะมาก แล้วก็ค่อนข้างพอใจกับการกินแบบเรื่่่อยๆ ดูหนังจบไปเรื่องนึงก็หมดพอดี
พอกินได้ก็เริ่มอยากอาหารเรื่อยๆ อยากกินของหวาน ได้ช็อคโกแลตในตู้เย็นช่วยแก้ขัด กินได้คล่อง แต่ก็ยังไม่อิ่ม เลยเอาซุปมิโซะมากิน มีเต้าหู้ทอดผสมด้วย กินเต้าหู้ได้เฉยเลย ดีใจ ^^
ยังมีปัญหากลัวการกลืนยาเม็ด พอดีช่วงนี้เป็นหวัด กล้าๆกลัวๆอยู่นาน แต่ก็กลืนลงไปได้
ดีขึ้นมากเลย
ทำดีแล้วๆ พยายามต่อไป
ขอบพระคุณมากครับพี่ธิ
ขอบพระคุณมากครับพี่โอ๋