ที่มาของภาพ http://www.ah-lek.com/chumphae/
คนต้นเรื่อง: นายสุชาติ ทองเทียม
ที่เกิดเรื่อง: บ้านซำผักหนาม ตำบลนาหนองทุ่ม อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น
ผู้เล่าเรื่อง: เรื่องจริงจากการให้การของ นายสวิง เพียซ้าย
เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2531 ครอบครัวของนายแสง และนางต๋อม ทองเทียม ซึ่งมีบุตรด้วยกัน 4 คน เป็นชาย 2 คน และหญิง 2 คน ได้อพยพย้ายถิ่นฐานมาประกอบอาชีพทำไร่มันสำปะหลังใกล้กับถ้ำพญานาคราชในหมู่บ้านซำผักหนาม
เช้าวันหนึ่ง นายสุชาติ ทองเทียม บุตรคนที่ 3 ของครอบครัวได้ไปทำงานในไร่ตามปกติอย่างเช่นทุกวัน ในขณะที่กำลังดายหญ้าในไร่อยู่นั้น นายสุชาติได้ปวดอุจจาระ เลยเข้าไปขับถ่ายที่ชายป่าใกล้กับไร่มันซึ่งบริเวณนั้นมีต้นยางใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ขณะที่กำลังนั่งลงเพื่อจะขับถ่ายนั้นนายสุชาติได้ยินเสียงผู้หญิงแว่วมาแต่ไกลทำให้ตกใจจนไม่กล้าขับถ่าย
และเมื่อสิ้นเสียงแว่วของหญิงสาวก็เกิดปรากฏพบรูปกายของหญิงสาวสองนางแต่งกายด้วยชุดไทย รูปร่างหน้าตาสัดสวยพูดจาด้วยถ้อยคำไพเราะเสนาะหูพร้อมด้วยชักชวนให้ไปอยู่ด้วย นายสุชาติจึงตกปากรับคำชักชวนของหญิงสาวทั้งสองนาง (คำให้การคาดว่าในขณะนั้นนายสุชาติน่าจะอยู่ในสภาพเคลิบเคลิ้มหรืออยู่ในห้วงภวังค์อะไรบางอย่างจึงทำให้ขาดวิสามัญสำนึกในการคิดไตร่ตรอง)
หญิงสาวทั้งสองได้พยุงแขนทั้งสองข้างของนายสุชาติในลักษณะหิ้วปีกเดินทางหายลับเข้าไปในป่า โดยการเดินทางเป็นไปด้วยความลำบากทุลักทุเล จนกระทั่งมาถึงถนนลาดยางสายหนึ่ง…
ไม่นานนักในขณะที่เดินอยู่บนถนนสายนั้นก็มีรถโดยสารประจำทางโตโยเป็ด (รถโดยสารในสมัยนั้น) หญิงสาวทั้งสองนางได้โบกรถคันดังกล่าวและพากันขึ้นรถ…เดินทาง…ไม่นานก็ถึงบ้านของหญิงสาวทั้งสองนางสภาพบ้านเป็นบ้านไม้สองชั้น ติดกับถนนลาดยางสายดังกล่าว
ในบ้านหลังนั้นมีผู้ชายหนึ่งคนซึ่งเป็นพ่อของหญิงสาวทั้งสอง โดยพ่อของหญิงสาวทั้งสองได้ถามไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิบนายสุชาติตามปกติวิสัย จากนั้นก็พากันไปเที่ยวยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นดังสวรรค์เมืองแมนทั้งสถานที่อันโอ่อ่า ข้าวของเครื่องใช้หรูหราราคาแพถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยน่าจับต้องและใช้สอยเป็นอย่างยิ่ง มีข้าวปลาอาหารที่เตรียมไว้อย่างพร้อมเพียงล้วนเลิศรสสุดจะบรรยาย ในสถานที่แห่งนั้นไม่มีเครื่องดองของเมาเหล้าบุหรี่แต่อย่างใด
ในระหว่างที่นายสุชาติได้หายตัวไปนั้นครอบครัวของเขาได้เที่ยวออกตามหายังสถานที่ ที่คาดว่านายสุชาติจะหายตัวไปทุกแห่งหน และในที่สุดก็ได้ไปขอความช่วยเหลือจากนายเคน เคลื่อนไธสง (จ้ำ) ผู้ซึ่งสามารถสื่อสารกับ ปู่หลุบ อันเป็นที่เคารพและเชื่อถือทั้งที่เป็นที่พึ่งพาทางจิตใจ การบนบานศาลกล่าวเพื่อให้แคล้วคลาดกับสิ่งที่พึ่งปรารถนาได้
และได้ถามว่าทำไมถึงเอานายสุชาติไปซ่อนจนทำให้หาตัวนายสุชาติไม่เจอ ปู่หลุบได้สื่อสารผ่านจ้ำว่าเพราะครอบครัวของนายแสวง ทองเทียม ได้ลบหลู่ดูหมิ่นและไม่เคารพ อีกทั้งลูกๆของนายแสวงได้แต่งงานถึงสองคน โดยที่ไม่มีการเลี้ยงหรือมีของเซ่นไหว้ปู่แต่อย่างใด
ในขณะเดียวกันครอบครัวของนายแสวงก็ได้สารภาพผิดต่อการลบหลู่ดูหมิ่นปู่ พร้อมทั้งร้องขอว่าจะให้ตนทำเช่นไรจึงจะได้ลูกชายคืนมา ปู่หลุบบอกผ่านจ้ำว่าจะเอาหอโฮงใหญ่ 1 หอ เหล้า 1 เท สร้อยคอ 1 เส้น ซึ่งตนจะเอาไปให้เสี่ยวคือ ปู่ด้วง ผู้สิงสถิตอยู่ที่อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ
ศาลปู่ด้วง ย่าดี อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ
ที่มาของภาพ http://pr.prd.go.th/chaiyaphum/ewt_news.php?nid=23...
จนกระทั่งย่างเข้าวันที่ 3 จากนั้นก็ยังไม่ละความพยายามที่จะตามหานายสุชาติ จึงได้ไปหา หมอทำ ซึ่งได้ทำพิธีกรรมขอตัวคืนจากเจ้าที่เจ้าทาง มีขัน 5 ขัน 8 ถ้าจุดธูปควันธูปพัดไปทางไหนให้ไปตามหาทางนั้น ปรากฏว่าควันธูปพัดไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งในระหว่างที่ทำพิธีกรรมอยู่นั้น
เวลาประมาณ 15.00 นาฬิกา ก็พบตัวนายสุชาติในบริเวณใกล้มันสำปะหลังห่างออกไปประมาณ 40 เมตร จากบริเวณจุดที่หายตัว นายสุชาติมีสภาพร่างกายอิดโรยหมดเรี่ยวแรงและสิ้นสติสัมปชัญญะอันปกติ
การจดจำเรื่องราวที่ผ่านมาในขณะนั้นยังเลอะเลือน และนอกจากนั้นยังมีธนบัตรใบละ 10 บาทอยู่ในกระเป๋ากางเกง จำนวน 1 ใบ ซึ่งได้เก็บธนบัตรใบนั้นไว้ที่หิ้งพระ จนกระทั่งเวลาผ่านไปได้มาดูธนบัตรใบดังกล่าวนั้นปรากฏว่ากลายเป็นใบไม้แห้ง (ใบเสี้ยว)
ปัจจุบัน นายแสวง ทองเทียม ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งเป็นพ่อของนายสุชาติ ทองเทียม ที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้ย้ายถิ่นฐานไปทำมาหากินที่บ้านเทพประทาน ตำบลบริบูรณ์ อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น
รูปถ่ายปัจจุบันนายสุชาติ ทองเทียม
***โปรดใช้วิจารณญาณ***
น่าสนใจมากครับ
ช่วยจัดเป็นย่อหน้าๆ ใหม่ เพิ่มขนาดตัวอักษรให้ด้วยนะครับ