มองต่างมุมส่วยนาตารี
ข่าวเรื่องบัญชีส่วยของสถานอาบอบนวดนาตารี ที่นี่ บอกเราว่าการมีสถานที่และการกระทำผิดกฎหมาย เป็นสิ่งที่ผู้รักษากฎหมายชอบ เพราะเป็นโอกาสเรียกเก็บส่วย
กล่าวอย่างนี่น่าจะผิด เพราะเดาว่าผู้รักษากฎหมายส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนดี ไม่มีพฤติกรรม เรียกเก็บส่วย
เอาเข้าจริง ไม่มีใครรู้ว่า ข้อความในย่อหน้าที่สองเป็นความจริงหรือไม่ หรือว่าความเป็นจริง ตรงกันข้าม คือผู้รักษากฎหมายส่วนใหญ่แสวงผลประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบเมื่อมีโอกาส
ผมเคยคุยกับโชเฟอร์แท็กซี่ เรื่องทำนองนี้ และจับได้ว่า เขาเชื่อว่าข้าราชการและนักการเมืองทุกคน “โกงทั้งนั้น” เมื่อมีโอกาส และมักหาโอกาสโกงใหญ่ ไม่ทำเรื่องเล็กๆ
ผมตกใจว่า หากคนส่วนใหญ่ไม่มีความเชื่อถือในความดี ความเห็นแก่ส่วนรวม ของคนมีอำนาจ ในบ้านเมือง แล้วสังคมของเราจะระส่ำระสายแค่ไหน
เช้าวันนี้ก่อน ๖ น. เล็กน้อย ผมฟังวิทยุ เอฟเอ็ม ๑๐๐.๕ ผู้ดำเนินรายการบอกว่า นาตารีโดนแจ็กพ็อต เพราะจริงๆ แล้วสถานอาบอบนวดบริเวณนั้นมีหลายสิบแห่ง เขาเอ่ยถึงตัวเลขเงินค่าส่วยที่สถานบริการ เหล่านั้นจ่ายสูงมาก และบอกว่ามีมานานมาก
เมื่อประมาณยี่สิบปีมาแล้ว สมัยผมเป็นผู้อำนวยการ สกว. ได้ให้ทุนวิจัยเรื่องบ่อนการพนัน ที่มีประเด็นหนึ่งว่า เนื่องจากเป็นกิจการผิดกฎหมาย จึงต้องจ่ายค่าส่วยแก่ตำรวจ เมื่อทีมวิจัยรายงานผล การวิจัยออกไป ตำรวจก็รวมตัวกันข่มขู่ทีมวิจัย นักวิจัยถึงกับต้องหลบซ่อนตัวย้ายที่นอนไปเรื่อยๆ เพื่อระวังตัวไม่โดนตำรวจทำร้าย นักวิจัยในทีมนั้นท่านหนึ่งเวลานี้เปิดศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน อ่านได้ ที่นี่
ซึ่งเมื่ออ่านแล้วก็จะอ่อนใจเรื่องตำรวจ
แต่ผมคิดต่าง เพราะในรายการส่งส่วยนาตารีไม่ได้มีแค่ตำรวจ ยังมีคนอีกหลายฝ่าย ผมคิดถึงความดีงามในบ้านเมือง และสงสัยว่า ศอตช. ไปมัวทำอะไรอยู่ มัวไปตรวจทุจริตที่ สสส. และหน่วยรับงานจาก สสส. จนลืมเรื่องใหญ่กว่าในบ้านเมืองหรือเปล่า ผมสงสัยว่า ศอตช. เป็นหน่วยสร้างผลงานให้รัฐบาลนี้ และแก่ คสช. หรือสร้างผลตรงกันข้าม คือสร้างความเกลียดชังให้
วิจารณ์ พานิช
๑๑ มิ.ย. ๕๙
ไม่มีความเห็น