เมื่อครั้งยังเด็ก สิ่งที่ท้าทายอย่างหนึ่งคือการเดินบนสะพานข้ามท้องร่องสวน เป็นสะพานที่ไม่ได้ใช้เทคนิคซับซ้อนแต่อย่างใด ชาวบ้านเพียงตัดเอาต้นมะพร้าวที่หมดอายุแล้วมาวางพาดพอให้คนเดินข้ามไปได้
ด้วยเหตุที่ลำต้นมะพร้าวมีผิวโค้ง โอกาสที่จะเดินแล้วลื่นตกลงไปในโคลนก้นท้องร่องสวนก็มีอยู่ ต้องอาศัยความชำนาญและทักษะการทรงตัว ยิ่งถ้าเป็นหน้าฝน สะพานเปียก รองเท้าแตะเปื้อนดินมา ยิ่งลื่น ราวสะพานก็ไม่มีให้จับ อย่างนี้ถอดรองเท้าออก เดินข้ามเท้าเปล่าจะอุ่นใจกว่า
สะพานที่พัฒนาขึ้นมาอีกนิด คือสะพานที่ใช้ไม้กระดานแผ่น วางพาดบนเสาตอม่อที่ตอกไว้เป็นระยะ ไม้กระดานทำหน้าที่เป็นคานรับน้ำหนัก เดินข้ามง่ายกว่าสะพานต้นมะพร้าว แต่ข้อจำกัดคือ ไม้แปรรูปเป็นวัสดุที่มีราคาแพง ต้องซื้อหามา ไม่เหมือนต้นมะพร้าวที่ได้มาฟรี นอกจากนี้ถ้าช่วงห่างระหว่างเสาตอม่อกว้าง ไม้กระดานก็จะแอ่นลงตามน้ำหนักที่กด ต้องแก้ไขด้วยการเพิ่มความหนาของไม้กระดาน เพิ่มเสาตอม่อ การออกแบบจึงซับซ้อนมากขึ้น
สะพานจึงเป็นสิ่งก่อสร้างที่ท้าทายวิศวกรมากที่สุดอย่างหนึ่ง การออกแบบต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ความกว้าง ความลึกของทางน้ำ ความแข็งแรงของดินข้างใต้ กระแสน้ำ กระแสลม ประโยชน์ใช้สอย ให้คนเดินข้ามหรือรถยนต์ข้ามได้ด้วย เรือใหญ่ลอดผ่านได้หรือไม่
สะพานที่ยาวติดอันดับต้นของเมืองไทย คือ สะพานติณสูลานนท์ข้ามทะเลสาบสงขลาผ่านเกาะยอ มีความเรียบง่ายเหมือนสะพานทางหลวงที่พบเห็นได้ทั่วไป ไม่จำเป็นต้องออกแบบเป็นสะพานแขวน สะพานขึง เหตุเพราะน้ำไม่ลึกและไม่มีเรือขนาดใหญ่ผ่านใต้สะพาน กระแสน้ำ กระแสลมไม่แรง
ถ้านั่งรถจากหาดใหญ่ไปสงขลาผ่านทางสายเก่า ช่วงที่ข้ามคลองน้ำน้อย จุดสังเกตคือ ด้านขวามือจะเห็นสะพานรถไฟสายสงขลาที่เลิกใช้แล้ว ส่วนสะพานรถยนต์ข้ามที่เห็นในภาพนั้น เมื่อร้อยปีที่แล้วเคยเป็นสะพานแบบโค้ง (Arch bridge) ที่มีการออกแบบตามหลักวิศวกรรมอย่างดี สวยงาม แข็งแรง น้ำระบายได้ดีแม้ในฤดูน้ำหลาก
ส่วนโค้งนี่แหละ ที่ทำหน้าที่กระจายแรงกดออกไป เหมือนโค้งลำต้นมะพร้าวที่เราเคยเดินข้ามในอดีต
สะพานรถไฟน้ำน้อยมาแทนที่สะพานรถยนต์แบบโค้งตามในรูปนี้เหรอค่ะ