ความรู้ (จากสื่อ) ที่ไม่รู้ (ไม่บอก) บ้างก็ได้


ไม่อยากให้คนที่รู้จักและคนที่รักทุก ๆ คน ประสบชะตากรรมจากคนที่เรียนรู้และศึกษาวิธีการในการ ปล้น ชิง ยิง ฆ่า ที่ได้เห็นทั้งภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติ ภาคข่าวรวมทั้งภาคการหลบหนี

เมื่อสองวันก่อนในระหว่างที่ผมดูข่าวช่วงประมาณสามทุ่มเศษของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งอยู่ ผมก็รู้สึกใจหายแวบกับความรู้ที่สถานีโทรทัศน์ช่องนั้นได้ค้นหา รวบรวม "จัดการ" ความรู้ได้อย่างดียิ่ง ชัดเจนและนำออกมาเสนอต่อสายตาและโสตประสาทของผู้ที่รับชมและรับฟังข่าวในวันนั้นได้อย่างดีมาก ๆ "การเผาสด" หรือการนั่งยางในอดีต

เนื้อข่าวที่นำเสนอนี้สืบเนื่องจากการค้นพบกระดูกของมนุษย์ที่บ่อทิ้งขยะแห่งหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นของท่านทนายสมชาย ที่คาดว่าถูกเผาทำลายหลักฐานอยู่ที่นั่น

ทางทีมข่าวได้เอ่ยถึงที่มาที่ไปของข่าวเล็กน้อย ต่อจากนั้นได้มีการคาดคะเนของชิ้นส่วนกระดูกที่พบว่าน่าจะถูกเผา "ในวิธีการใหม่" ต่อจากนั้นนี่เอง การอธิบายถึงความรู้เกี่ยวกับการเผาสดศพแบบเก่าและใหม่จึงเริ่มขึ้น

โดยเนื้อหาพูดตั้งแต่การเผาสดแบบเดิม (นั่งยาง) มีวิธีการอย่างไรและตำรวจสามารถหาหลักฐานจากการเผาเพื่อนำสืบไปยังผู้ฆ่าหรือผู้ทำความผิดได้อย่างไร (รายละเอียดไม่ขออนุญาตนำเสนอนะครับ เพราะจะทำให้เป็นการชี้นำและแนะนำในการทำสิ่งนั้นเหมือนเช่นเดียวกับที่สื่อทำ) จากนั้นก็ได้บรรยายสรุปถึงวิธีการเผาสดแบบใหม่ซึ่งสามารถทำลายวัตถุพยานได้ดีกว่าแบบเดิม "โดยละเอียด" ขอเน้นว่าโดยละเอียดครับ

สิ่งที่ผมใจหายแวบและวิตกกังวลมากก็คือ ความรู้โดยละเอียดที่นำออกมาเผยแพร่นั้น เป็นสิ่งที่มีประโยชน์หรือมีโทษมากกว่ากัน

สิ่งที่ผมฟังจะมีประโยชน์มาก ๆ ครับ ถ้าผมเกิดไปพลั้งมือฆ่าใคร หรือจงใจฆ่าใครแล้วอยากทำลายหลักฐาน ผมก็จะได้เลือกวิธีการเผาทำลายศพแบบนี้เพื่อที่จะทำลายวัตถุพยานมิให้ทางกรมนิติวิทยาศาสตร์สืบค้นตัวผมเองที่กระทำความผิดได้ หรือไม่ก็สืบได้ยากที่สุด "ผมสามารถฆ่าคนแล้วทำลายศพได้อย่างมิดชิด" นี่คือประโยชน์ของความรู้ที่ผมได้รับในวันนั้นครับ

ความรู้บางอย่างบางครั้งต้องมีการ "คัดกรอง" ถึงผลกระทบทั้งบวกและลบที่จะตามมาก่อนนำเสนอ

ความรู้ลักษณะเช่นนี้มีเยอะมากครับในสื่อและสังคมปัจจุบัน แฝงมาทั้งในภาพยนต์ ละคร โฆษณาหรือแม้กระทั่งข่าวสารต่าง ๆ

ความรู้เหล่านี้ที่เราครั้งหนึ่งอาจจะเคยได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง วันนี้อาจจะไม่คิดอะไร แต่วันหนึ่งข้างหน้า เมื่อถึงสถานการณ์หรือบริบทที่บังคับความรู้เหล่านี้จะถูกงัดออกมาใช้

ดังเช่นการใช้อาวุธปืน อาวุธมีดต่าง ๆ ที่มีการพยายามเซนเซอร์ (แบบบาง ๆ แต่ก็ยังเห็นอยู่ว่าทำอย่างไร) ไปแล้วหลายปี ก็เป็นการแก้ไขวิธีหนึ่งครับ

วิธีการใช้ยาเสพติด วิธีการข่มขืนผู้หญิง ว่าต้องชกตรงไหน ต้องใช้ยาอะไร ผสมในอะไร มีวิธีการหลอกหล่อให้เหยื่อดื่มอย่างไร และอื่น ๆ อีกมากมาย ทุกอย่างมีสอนไว้หมดแล้ว ความรู้เหล่านี้มีเผยแพร่อยู่โดยทั่วไป เป็น "ความรู้เสรี" เป็นความรู้ที่เข้าถึงประชาชนในทุก ๆ ระดับ ทุกเพศ ทุกวัย แถมยังถูกสอนถูกถ่ายทอดด้วยพรีเซนเตอร์หรืออาจารย์ที่ประชาชนรักใคร่ ศรัทธา หลงไหล ใฝ่ฝัน ติดตามเฝ้าดูอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ดารา นักแสดง พิธีกร

การศึกษาเสรีแบบนี้กำลังเป็นสาเหตุหนึ่งที่สำคัญของปัญหาสังคมในปัจจุบันหรือไม่

การจัดการความรู้ของสื่อต่าง ๆ ที่อยู่ในสภาวะของการแข่งขันแบบรุนแรง แต่ละค่าย แต่ละสถานีก็พยายามหาความรู้ต่าง ๆ มาเผยแพร่และทำสกู๊ปต่าง ๆ แบบละเอียดเพื่อดึงดูดผู้ชม ดึงเรทติ้ง ดึงโฆษณา แต่ลืมนึกไปว่า สิ่งที่ทำนั้น "เป็นความรู้ที่ไม่รู้ก็ได้" ถ้ารู้บางครั้งก็ไม่มีประโยชน์แถมกลับยังมีโทษส่งผลสะท้อนกลับมาอย่างมากมาย

พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยนางเอกตอนที่จะถูกทำร้าย ถ้ามีจริงได้ ผมอยากให้มีกับทุก ๆ คน

หญิงสาวคนหนึ่งถูกมอมเหล้า หรือโดนอยู่ในซอยเปลี่ยว กำลังถูกโจรผู้ร้ายจ้องจะทำร้าย อยากให้มีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเหมือนในหนัง แต่สิ่งเหล่านั้นก็คงเป็นไปไม่ได้ "ใช่ไหมครับ" ไม่อย่างนั้นเราคงไม่ต้องดูข่าวที่น่าสลดใจด้วยการทารุณกรรม การทำร้ายกัน การฆ่ากัน ตามหน้าหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์

แต่ถ้าเราลองมองย้อนกลับไป สิ่งต่าง ๆ ที่ลงในสื่อนั้น ก็เป็นรูปแบบการกระทำหรือ "ความรู้" ที่สื่ออีกสายหนึ่ง อีกช่วงเวลาหนึ่งของวัน อีกช่องหนึ่งทางเคเบิ้ลทีวีนำเสนอ

ช่องหนึ่งนำเสนอวิธีการฆ่า (ในละคร ตายแล้วคัท ลุกขึ้นมาหายใจใหม่ได้) อีกช่องหนึ่งนำเสนอข่าวการฆ่า (ชีวิตจริง คนจริง ๆ ตายแล้วตายจริง ๆ นะครับ)

เป็นบทเรียนที่น่าเชื่อถือมาก ๆ ครับ น่าเชื่อถือว่าการเรียนในห้องเรียนเสียอีก มีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติให้ดู

แถมด้วยข่าวการตามจับตัวผู้ร้ายไม่ได้แถมอีกต่างหาก "หลบหนีอย่างลอยนวล"

สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นประเด็นที่หยิบยกขึ้นมาพูดในวงการ "ความรู้" โดยเฉพาะในแวดวงสื่อของเมืองไทยบ้างนะครับ

เพราะผมเองนั้น ไม่อยากเป็นคนที่ถูกใครฆ่าแล้วไปเผาสดโดยมีวิธีการที่ตามสืบไม่ได้หรือยากมากแบบนั้นครับ

ผมไม่อยากให้คนในครอบครัวผม โดนทำร้ายจากรูปต่าง ๆ ที่คนร้ายได้เรียนรู้มาจากทีวี

ผมไม่อยากให้คนที่รู้จักและคนที่รักทุก ๆ คน ประสบชะตากรรมจากคนที่เรียนรู้และศึกษาวิธีการในการ ปล้น ชิง ยิง ฆ่า ที่ได้เห็นทั้งภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติ ภาคข่าวรวมทั้งภาคการหลบหนี

ผมกลัวครับ

เศร้าใจทุกครั้งที่ได้เห็น

สลดใจทุกครั้งที่ได้ดู

ได้เห็น ได้ดู ทั้งภาคการสอน และภาคปฏิบัติ

เรามาช่วยกันลด "ความรู้ที่ไม่รู้ก็จะดี" เช่นนี้ในสังคมไทยกันบ้างนะครับ

อย่างน้อยเพื่อผมสักหนึ่งคน คนที่ไม่อยากไปนอนมีเส้นขาว ๆ ขีดรอบตัวอยู่บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ แล้วก็มีคำพูดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมาว่า "เราจะทำเคสนี้เป็นกรณีศึกษา" เราจะศึกษาหาความรู้จากกรณีนี้เพื่อให้ได้ความรู้ที่จะมาป้องกันไม่ให้สิ่งเลวร้ายนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

ถ้าผมลุกขึ้นมาพูดได้ ผมก็คงอยากบอกว่า "ผมอยากมีอนาคต มากกว่าตายไปเพื่อให้ทุกคนมาทำกรณีศึกษาเพื่อหาความรู้จากการตายของผมครับ"

ช่วยผมซักนิดเถอะครับ สักนิดก็ยังดี........

หมายเลขบันทึก: 60759เขียนเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2006 23:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

เรียนท่านปภังกร

 บางท่านว่า "เป็นการตาย โดยถูกฆาตกรรมสองครั้งครับ"

 ครั้งแรกโดนฆาตกรรม จากฆาตรกร

 ครั้งที่สองโดนฆาตรกรรม จาก.......

 Crying 1น่าเศร้าแทนญาติ หรือ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เหล่านี้ครับ





นายบอนว่า บางครั้ง ความเคลือบแคลงใจของคนในสังคม สมควรได้รับการเปิดเผยนะครับ

 

เปิดเผยเพื่อให้มีการสืบหาคนกระำทำผิดตัวจริง
เปิดเผยเพื่อความยุติธรรม
เปิดเผยเพื่อให้รู้กระบวนการขั้นตอนต่างๆ เพื่อการเรียนรู้ และหาทางป้องกันในอนาคต
เปิดเผย เพื่อให้มีการออกมาตรการทางสังคม กฏหมายในการจัดการ ป้องปรามกับผู้กระทำผิด หากใครคิดจะทำในลักษณะนี้อีก

  • สวัสดีครับท่านอาจารย์ JJ
  • ประเด็นที่อาจารย์พูดถึงเป็นสิ่งที่จริงและโดนใจผมเป็นอย่างยิ่งเลยครับ "การถูกฆาตกรรมสองครั้ง" ประเด็นนี้ก็เป็นเรื่องที่ถ้าใครไม่ใช่ญาติหรือไม่โดนกับตนเองก็จะไม่ทราบเลยว่า สภาพของคนที่เจอเข้าจะรุนแรงและหนักหน่วงขนาดไหนครับ
  • บางครั้งอาจจะเป็นการฆาตกรรมแบบตายทั้งเป็นให้กับคนที่ยังอยู่ข้างหลังอีกมากมายครับ
  • การถูกเหยียดหยามและประนามจากคนรอบข้างในสังคมที่ร้าวลึกมากครับ เหมือนกับตายทั้งเป็นเลยครับ
  • ประเด็นนี้ผมเองก็พยายามจะบอกเพื่อน ๆ ทั้งที่เป็นอาจารย์และที่ทำธุรกิจอยู่ให้ตระหนักกันมากขึ้นครับ
  • ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงที่เข้ามาต่อยอดและเติมเต็มครับ
  • สวัสดีครับคุณบอน
  • ความเห็นของคุณบอนนั้น ถูกต้องทุกข้อเลยครับ ถูกต้องและดีงามมาก ๆ ครับ
  • แต่ปัญหามันอยู่ที่ผู้ปฏิบัติครับนั่นก็คือตัวสื่อเอง เขาก็ทำอย่างที่คุณบอนบอกหมดครับ แต่ทำแบบอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ ตามหลักการแล้วดีมาก เขาก็ทำตามหลักการทั้งหมด แต่..... สิ่งเคลือบแฝงและซ่อนอยู่ภายใน หรืออาจจะเรียกว่า "เจตนา" นั้นมีปัญหาและส่งผลร้ายกลับคืนมามากครับ
  • อย่างเช่น ปัญหาเรื่องการตลาดเพื่อสังคมในปัจจุบัน ก็กำลังเป็นปัญหาอยู่ครับ
  • ประเด็นของสื่อเหล่านี้ก็เหมือนกันครับ ทุกอย่างทำอย่างที่คุณบอนบอกหมด ถ้ามีใครไปว่าเขาเขาก็อ้างว่า เขาทำตามหลักการ แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ จับไม่ได้ไล่ไม่ทันครับ "ไม่ได้เจตนาแต่ตั้งใจนิดหน่อย" ประมาณนี้ครับ
  • ถ้าสิ่งที่สื่อทำและทำด้วยใจบริสุทธิ์ไม่หวังผลประโยชน์แอบแฝงจะเป็นสิ่งที่ประเสริฐมาก ๆ เลยครับ
  • เมื่อก่อนไม่เป็นหนักขนาดนี้นะครับ พอทุกอย่างเริ่มเป็นธุรกิจและการแข่งขันแบบเสรี ทุก ๆ อย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปครับ
  • อาจจะเป็นเพราะบ้านเรายังไม่อิ่มตัวในเรื่องของรายได้ ก็เรียกว่าอยู่ในช่วงของการเจริญเติบโต ทุก ๆ องค์กร สื่อทุกแขนงก็ทำงานกันเต็มที่ บางครั้งก็อาจจะลืมหรือเข็มขัดสั้นไปนิดนึงครับ ว่าสิ่งที่นำเสนอไปอาจจะมีผลย้อนกลับมาค่อนข้างรุนแรง
  • บันทึกนี้เขียนขึ้นมาไม่ได้มีเจตนาหลักที่จะว่าสื่อหรือใครครับ แต่เขียนขึ้นมาเพื่อกระตุ้นให้ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้ที่มีอำนาจหันมาให้ความสนใจกับประเด็น "ต้นเหตุ" ของปัญหาเพื่อป้องกันมากกว่าควบคุมหรือแก้ไขปัญหาครับ
  • ขอขอบพระคุณนายบอนเป็นอย่างสูงที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ

"มุมมองจากสื่อ....เหตุและผลต้องคู่กัน

....อุดมการณ์"สื่อมวลชน" บวกกับการคาดการณ์ล่วงหน้า เพื่อให้เหตุที่คาดว่ารุนแรงอันจะเกิดหรือไม่เกิด เพื่อให้เป็นการป้องกันและสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันเวลาจาก"ท่านผู้นำ"

....สิ่งที่"สื่อมวลชน"คาดหวัง "การใช้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ต้องเปิดเผย ยกเว้นข้อมูลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศชาติ

...ข้อมูลใด ข่าวสารใด ประชาชน ควรรู้ควรปฏิบัติและควรได้รับโอกาสแห่งข่าวสารนั้น จงปฏิบัติต่อข้อมูลนั้นอย่างเปิดเผย และเที่ยงธรรม อันจะนำประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง "

".....สิ่งต่าง ๆ คือปรากฏการณ์....ความเที่ยงธรรมของ "ผู้นำ" คือความผาสุขของพี่น้องท้องถิ่นไทย"

  • ขอบพระคุณคุณ น.เมืองสรวงมาก ๆ ครับ ที่นำอุดมการณ์และภารกิจที่สำคัญของสื่อมาเติมเต็มในบันทึกนี้ครับ
  • ถ้าสื่อในปัจจุบันทำได้ดังเช่นอุดมการณ์นี้กันอย่างเต็มที่ ความผาสุขของพี่น้องไทยคงจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอนครับ
  • พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท