การศึกษาของกรรมกรก่อสร้าง


การลงเก็บข้อมูลในครั้งนี้ตั้งเป้าวันละ 3 แบบ สอบถาม เพราะมีจำนวนแบบสอบถาม 3 หน้า ทั้งแบบที่การใช้ระบบเช็คตามหัวข้อที่ให้มา แต่มีแบบปลยเปิดให้เขียนบรรยายประมาณ 3 ข้อ ซึ่งในแต่ละคืนจะต้องกลับมาทบทวนว่าแต่ละแบบสอบถามได้ครบถ้วนไหม งานนี้เป็นผลดีกับครูอย่างมาก เพราะได้มีโอกาสพูดคุยกับครอบครัวของเด็กกว่า 80 คน ซึ่งในการลงเยี่ยมบ้านก็ใช้วิธีการว่าครอบครัวที่พร้อมให้ครูพูดคุยก็จะลงไป แต่ในการเก็บข้อมูลต้องลงทุกครอบครัว และที่สำคัญได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ได้มีการพูดคุย

สิ่งที่ได้พูดคุยกับพ่อแม่ของเด็กต้องกล่าวคำขอโทษที่อยากรู้เรื่องส่วนตัว เพราะจะเป็นการศึกษา มาว่างแผนร่วมกันในการจัดการศึกษาให้ลูก โดยส่วนมาก กรรมกรก่อสร้าง เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นครึ่งหนึ่งที่เก็บ มีบางคนเท่านั้นที่จบ ม.ศ.3 (ส่วนมากเป็นกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง) บางคนจบแค่ ป.2 เพราะแค่เขียนได้ก็พอแล้ว จะให้มาอ่านทุกตัวอักษารคนเหล่านี้ไม่เอาด้วย และมีอีกกลุ่มที่ไม่เคยเรียนเลย ด้วยฐานะยากจน โรงเรียนอยู่ไกล ไม่มีอุปกรณ์การเรียน เรียนไปทำไมสุดท้ายก็ต้องมาทำนา อาชีพดั่งเดิมส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่เคยทำนามาก่อน และมีกว่าครึ่งหนึ่งเคยขายที่นาของตนเองรุ่นพ่อ รุ่นแม่ ขายหมดแล้วก็อยพยกันมาทำงานก่อสร้าง ย้ายกันไปเรื่อยๆ ส่วนมากทำงานก่อสร้างกันมา ประมาณ 6-10 ปี เป็นส่วนใหญ่

มีเสียงอุทรณ์ของกรรมกรก่อสร้างว่าพวกผม พวกฉัน สร้างบ้านให้เขาอยู่ราคาเป็นล้าน แต่คนสร้างไม่มีที่จะซุกหัวนอน เปรียบเปรยกันตลอด ด้วยเหตุว่าหมู่บ้านชวนชื่นพุทธมณฑล เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ราคาการก่อสร้างในช่วง ปี 2531 ในราคา 2-3 ล้านบาท เป็นบ้านขนาดใหญ่ฐานแข็งแรงมาก คนที่เป็นเจ้าของบ้านส่วนมากเป็นข้าราชการผู็ใหญ่ เพราะเวลาที่เขามาเยี่ยมบ้านหรือมาดูบ้านที่สร้างก็จะซื้อขนม นม มาให้ที่ศูนย์เด็กก่อสร้างทุกครั้ง

จากการได้ข้อมูลเบื้องต้น เรื่องการศึกษาของพ่อแม่เด็ก จึงทำให้เข้าใจว่าทำไมบางครอบครัวถึงไม่ให้ลูกมาเรียน และที่สำคัญกลุ่มที่รับเหมาในแต่ละหลังจะให้ลูก-หลาน มาช่วยเป็นผู้ยกสิ่งของ ฉาบปูนบ้าง ผสมปูน เพื่อประหยัดค่าแรงไปจ่ายคนอื่นจึงกลายเป็นแรงงานเด็กโดยปริยายไปเลย

หมายเลขบันทึก: 607236เขียนเมื่อ 26 พฤษภาคม 2016 11:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม 2016 11:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เรื่องปกติของคนค่ะ คนเรามีสิทธิเท่าเทียมกัน แต่ที่ไม่เท่าเทียมกันคือความรู้ ความสามารถ และความถนัด คนที่มีเงินเดือนสูง ก็ต้องมีความรับผิดชอบเยอะขึ้น ดูได้จาก ถ้าสถาปิก ทำงานผิดพลาดโดนฟ้องร้องกระจาย ส่วนกรรมกร ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย แต่มีความเสียงในการทำงาน เป็นส่วนใหญ่ และงานส่วนใหญ่มักจะใช้พละกำลังและความจำ แต่ถ้างาน ที่เป็นส่วนของความและเอียด ก็จะได้ค่าแรงเพิ่มขึ้นอย่างเช่น พวกจับเซียม ฉาบ ตัดแบบ เป็นต้นจะมีค่าแรงไม่เท่ากัน ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท