ฝึกอบรมทักษะการคิด และการจับประเด็น ตอนที่ 1
การจัดอบรมครั้งนี้ จัดขึ้นในระว่างวันที่ 5 – 7 พฤษภาคม 2559 ณ ห้องประชุมมูลนิธิพัฒนาอีสาน อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งการเดินทางไปเข้าร่วมการอบรมครั้งผมมีความคาดหวังเป็นอย่างมากที่จะได้รับความรู้ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกทักษะการคิด ฝึกทักษะการจับประเด็น และสิ่งที่ผมได้กลับมาจากการฝึกอบรมในครั้งนี้มันมากกว่าสิ่งที่ผมคาดหวังมากมายนัก ซึ่งผมจะอธิบายกระบวนการในแต่วันในการฝึกอบรมครั้งนี้ ดังนี้
5 พฤษภาคม 2559 วันแรกของการเข้าร่วมฝึกอบรม
วันนี้จะเป็นวันแรกของการฝึกอบรม ผมสังเกตุการทำงานของทีมกระบวนกรตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปถึง ไม่ว่าจะเป็นต้อนรับ ที่เป็นกันเอง กระบวนการเตรียมสถานที่ ผมว่ามันยังฉุกละหุกกันอยู่ อาจเพราะว่าห้องนั้น มันเป็นห้องประชุมที่มีโต๊ะประชุม เครื่องเสียงต่าง ๆ ซึ่งเขาต้องขนออกมา เพื่อเตรียมพื้นที่
โดยให้ผู้เข้าร่วมนั้งบนเสื่อ อีกอย่างก็คือ บรรยาการการพูดคุยรู้สึกทุก ๆ คนจะเป็นกันเองมาก ๆ ผมมารู้ตอนหลังว่า มีผู้เข้าร่วมที่เป็นหน้าใหม่ของกลุ่ม 3 คน คือผม คุณ เอื้อง และคุณสมพร ซึ่งมาจากประเทศลาว
กิจกรรมเช็คอินในช่วงเริ่มต้นของแต่ละวัน วันแรกนั้นคนนำคือพี่มหา เป็นการทำสมาธิ อยู่กับตนเอง สังเกตตนเอง โดยกิจกรรมนี้เราจะทำประมาณ 15 นาที หลังจากเสร็จกิจกรรมนี้แล้ว ก็ให้ทุกคนแนะนำตนเอง ชื่อจริง ชื่อเล่น งานที่ทำ และความคาดหวังของการมาเข้าร่วมฝึกอบรมในครั้งนี้
หลักจากเสร็จกิจกรรมช่วงแรก วิทยากรก็ได้เกริ่นนำถึงเป้ามายในตลอดระยะเวลา 3 วันนี้เราจะเรียนรู้และแลกเปลี่ยนในประเด็นได้บ้างซึ่งแบ่งออกเป็น
กิจกรรมที่ 2 เรียนรู้กระบวนการคิด การตัดสินใจ
กิจกรรมนี้กระบวนกรได้วาดรูปขึ้นมาทั้งหมด 4 รูป โดยตั้งเงื่อนไขในการเลือกคือ
ครั้งที่ 1 แว๊บแรกที่เราเห็นและชอบให้เลือกทันที แล้วเราก็แลกเปลี่ยนกันว่า รู้สึกอย่างไร ทำไหมถึงเลือกภาพนี้
ครั้งที่ 2 กระบวนกรได้ใส่เงื่อนไขในการเลือกภาพเขาไปคือ “ ให้เปรียบเทียบกับงานที่ทำ กับภาพไหน “
จากการทำกิจกรรมนี้ กระบวนกรก็ได้แลกเปลี่ยนกับผู้เข้าร่วมว่า เราใช้อะไรตัดสินใจในการเลือกภาพในหัวข้อที่ 1 และหัวข้อที่ 2 ที่มีการใส่เงื่อนไขหรือกรอบความคิดเข้าไป เราเห็นอะไร กระบวนการคิดการตัดสินใจของตนเองเป็นอย่าง เช่น เงื่อนไขที่หนึ่งนั้น เราใช้มุมมองในฐานคิด ฐานใจ ฐานความรู้สึกของตนเองเป็นหลักในการตัดสินใจ ส่วนภาพที่ 2 นั้นเราใช้เงื่อนไขที่กำหนดให้นั้นมาเป็นฐานในการประกอบการตัดสินใจ แล้วเรายังมองไปถึงการเปรียบเทียบกับตัวเรา และหากเรามองข้ามผ่านตัวเราออกไป มองไปถึงคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา เช่น เพื่อนร่วมงาน องค์กรที่เราทำงาน สังคม ชุมชน กระบวนการคิดการตัดสินใจของเราก็จะเริ่มหาเหตุผลต่าง ๆ มาเป็นตัวช่วยในกระบวนการตัดสินใจ เช่น ประสบการณ์ การเรียนรู้ แล้วเราใช้อะไรมองสิ่งนั้น วัตถุนั้น เรื่องนั้น อย่างไร ใช้ตามอง ความรู้สึกมอง ใจมอง เหตุผล เปรีบบเทียบ ซึ่งกระบวนการต่าง ๆ เหล่านี้ล่วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่สำคัญในกระบวนการคิด การตัดสินใจของแต่ละบุคล
สิ่งหนึ่งที่ผมพอจะจับความรู้สึกของเพื่อน ๆ ที่เขาร่วมอบรม จากกระบวนการนี้ก็คือ
เราเลือกภาพที่เหมื่อน แต่เหตุผลที่เลืกกับต่างกันออกไป
เราเลือกภาพที่ต่างกัน แต่เหตุผลที่เลือกนั้นกับคล้าย ๆ กัน หรือเหมื่อนกัน
กิจกรรมนี้เราเริ่มแลกเปลี่ยนถึงอะไรที่มีอิธิพลต่อกระบวนการตัดสินบ้าง ซึ่งผมพอสรุปได้ดังนี้
อะไรบ้างที่ทำให้กระบวนการคิดการตัดสินใจของเราต่างกัน
นี้เป็นเพียงเบื้องต้นที่เราแลกเปลี่ยนกัน แล้วเราก็มาขยายความกัน เช่น
พื้นฐานความรู้ที่แตกต่างกัน มันจริงหรือไม่ที่ทำให้เรามีความคิดที่ต่างกัน
บทบาท / หน้าที่ / ตำแหน่ง สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อกระบวนการคิดการตัดสินมากน้อยแค่ไหน
อารมณ์ ความรู้สึกต่าง ๆ ก็ส่งผลต่อกระบวนการตัดสินใจเช่นกัน
หากเรามองให้ลึกถึงกระบวนการ ในการคิด หรือการตัดสินใจของตัวเราเองก็จะมองเห็นชัดเลยว่าสิ่ง ต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่เรานำมาเป็นตัวกลั่นกรองกระบวนการคิดของตัวเราเอง หลังจากนั้นเราก็มาตีความหรือให้คุณค่ากับมัน ลดภาวะกรอบความคิดต่าง ๆ ทั้งของตนเอง และของคนอื่นแล้วมาจับให้ได้ว่าอะไรคือสาระหลัก หรือความสำคัญ
ในวันแรกของช่วงเช้าก็จบลง
กิจกรรมที่ 3 ผ่อนพักตระหนักรู้
กิจกรรมยามบ่ายที่เชื่อว่าหลาย ๆ คน ต้องชอบแน่ ๆ
กิจกรรมผ่อนพักตระหนักรู้ เป็นกิจกรรมที่ทำให้เราได้กลับมามีสมาธิหรือเตรียมพร้อมที่จะเรียนรู้ กิจกรรมเริ่มต้นด้วยการให้ทุกคนนอนในท่าทางที่สบายที่สุด แล้วก็จะมีคนนำภาวะนาจิต 1 คน ซึ่ง คนนำก็จะทำให้เรามีสติอยู่กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการตระหนักรู้ทางร้างกาย การรู้สึกของการมีตัวตนของเราเอง สำรวจตนจากภายในสู่ภายนอก ระหว่างนั้นก็มีการเปิดเพลงคลอเบ่า ๆ ให้เราทำสมาธิอยู่กลับตนเอง หรืออาจจะเผลอหลับไปก็ได้ ไม่เป็นไร กิจกรรมนี้เราทำอย่างน้อย 15 – 30 นาที กิจกรรมนี้จริง ๆ แล้วมีผลงานวิจัยออกมาว่าการที่ร่างกายเราได้พัก หรือการนอนพักอย่างน้อย 15 นาที สมองและร้างกายของเราจะมีความพร้อมหรือตอบสนองในการเรียนรู้ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงเวลาบ่าย
บันทึกนี้ขอจบไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ