อนึ่ง ซุนวูกล่าวว่า "เราต้องมีทั้งกลยุทธเเละยุทธวิธี" กลยุทธ คือ หลักคิดที่ใช้ต้นทุนต่ำเเต่สามารถทำได้ผลดี เเละยุทธวิธีการหลักการลงมือทำงานในพื้นที่จริงกับสังคม ซึ่งเราต้องมีทั้งกลยุทธเเละยุทธวิธีในเรื่องการทำกิจกรรม ต้องเป็นกิจกรรมที่ตั้งอยู่บนฐานปัญญา โดยฐานปัญญาในที่นี้ หมายถึง หลักการของปัญญา ๓ ฐาน เป็นหลักของรูดอล์ฟ สไตเนอร์ ซึ่งเป็นการตีความหลักไตรสิกขาในพระพุทธศาสนา ได้แก่ ฐานกาย(ศีล) ฐานใจ(สมาธิ) เเละฐานคิด(ปัญญา) ซึ่งเราทุกคนต้องพัฒนาปัญญาทั้งฐานกาย ฐานใจ เเละฐานคิดไปพร้อมกัน ฉะนั้นกิจกรรมที่ตั้งอยู่บนปัญญา ๓ ฐานจึงเป็นกิจกรรมที่จะนำไปสู่การสร้างเสริม ทักษะการลงมือทำ(ฐานกาย) ทักษะการเข้าใจตนเอง(ฐานใจ) เเละทักษะทางการคิด(ฐานคิด)
ทฤษฎีสมอง ๓ ชั้น ปัญญา ๓ ฐาน ของรูดอล์ฟ สไตเนอร์ สรุปได้ดังนี้
๑. ฐานกาย (Reptilian brain)
สมองชั้นต้น สมองสัตว์เลื้อยคลาน
โหมดปกป้อง = กลัว
โหมดปกติ = กล้า
พัฒนาการมนุษย์ ๐-๗ ปี
ให้ได้ลงมือทำ เกลือกกลิ้งของจริง
เรียนรู้ด้วยความรู้สึกทางกาย
สู่การพัฒนาความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
๒. ฐานใจ (Old mammalion brain)
สมองชั้นกลาง สมองสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเก่า
โหมดปกป้อง = โกรธ เกลียด เซ็ง อิจฉา น้อยใจ
โหมดปกติ = ความรัก ชอบ ชื่นชม ให้อภัย
พัฒนาการมนุษย์ ๘-๑๔ ปี
รู้ถึงจิตใจตัวเอง รู้ถึงจิตใจผู้อื่น
จนสามารถปล่อยวางได้
๓. ฐานคิด (New mammalion brain)
สมองชั้นนอก สมองสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมใหม่ เช่น คน หรือ ลิง
โหมดปกป้อง = ยึดติด คิดเเต่เรื่องเดิม
โหมดปกติ = สร้างสรรค์ ยืดหยุ่น
พัฒนาการมนุษย์ ๑๕-๒๑ ปี
ช่วงเวลาแห่งการอยู่อย่างมีความหมาย
สามารถจับประเด็นได้และ มีปัญญา
การปรับใช้หลักปัญญา ๓ ฐานในกิจกรรม
๑.การออกแบบกิจกรรม (ในที่นี้กาย คือ บริบทกายภาพ, ใจ คือ ความรู้สึก,คิด คือ ความคิดเห็น)
๒.การสร้างกิจกรรมเเละดำเนินกิจกรรม (ในที่นี้กาย คือ ทักษะทางกาย, ใจ คือ ทักษะทางใจ,คิด คือ ทักษะทางการคิด)
๓.การประเมินผลกิจกรรมอย่างคุณภาพ (ในที่นี้กาย คือ ตัวโครงงานทั้งหมด-ทักษะทางกาย, ใจ คือ ทักษะทางใจ,คิด คือ ทักษะทางการคิด)
กระบวนทัศน์แบบองค์รวมในกิจกรรม
กระบวนทัศน์แบบองค์รวม คือ กระบวนทัศน์ใหม่ในทางปรัชญาเเละการศึกษาซึ่ง เป็นการมองจากภายในเชื่อมโยงสู่ภายนอก เป็นแนวความคิดที่เน้นการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง (Transformative learning) โดยมองสรรพสิ่งอย่างเชื่อมโยงสู่กันเเละกัน(The same oneness) ครอบคลุมตั้งแต่การเรียนรู้จักตนเองอย่างลึกซึ้ง (Contemplative practices) การขยายศักยภาพของการเรียนรู้ การฝึกทักษะ ปฏิสัมพันธ์แห่งการเรียนรู้จากผู้อื่นและสรรพสิ่งอย่างเป็น
กัลยาณมิตร และการเข้าถึงคุณค่าของสาระต่าง ๆ ด้วยปัญญา (โยนิโสมนสิการ) ในที่สุด จึงสามารถจัดการความรู้ (Knowledge management) ให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตอย่างมีความสุขและพอเพียง
กระบวนทัศน์แบบองค์รวมในกิจกรรมเป็นเรื่องเดียวกันกับการศึกษา เพราะกิจกรรมเป็นรูปแบบในการจัดการเรียนรู้อีกวิธการหนึ่ง โดยความเป็นองค์รวมนี้ ควรสร้างเสริมความคิดเเละพฤติกรรมของเด็กในกิจกรรมได้ ดังนี้
กระบวนทัศน์แบบองค์รวมที่กล่าวมานั้น สำคัญ คือ การช่วยให้ผู้เข้าร่วมมองโลกอย่างองค์รวม ไม่ตัดสินเเละเเม้ตัดสินก็ชอบด้วยเหตุเเละผลอันสมควร สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นความคาดหวังสูงสุดของการเรียนรู้ โดยในมิติกิจกรรมเป้าหมายสูงสุด คือ สามารถเข้าใจตนเอง เข้าใจผู้อื่น อย่างลึกซึ้งเเละสามารถตั้งคำถาม ลงมือทำ จนถอดบทเรียนด้วยตนเองได้
หลักคุณค่าเเท้เเละคุณค่าเทียมในกิจกรรม
หลักความมีคุณค่าเเท้เเละคุณค่าเทียมเป็นหลักการให้ความหมายสรรพสิ่ง ซึ่งในทุกสรรพสิ่งทั้งมีความเเท้เเละความเทียมอยู่ในตัวมันเอง โดยคุณค่าเเท้เเละคุณค่าเทียม โดยสรุปมิติการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมได้ ดังนี้
๑. คุณค่าแท้ หมายถึง ความหมาย คุณค่า หรือประโยชน์ของสิ่งทั้งหลาย ในแง่ที่สร้างสรรค์ เอื้อประโยชน์สุขต่อตนเอง สังคม เเละชาติ การช่วยเหลือผู้คน การมีความสุข มีจิตสำนึกพลเมือง เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง เป็นผู้รักษาศิลปวัฒนธรรมอันดีงาม การปฏิบัติตามหลักวิชาการ หลักคุณธรรม หลักความพอเพียง หลักการเรียนรู้ เเละหลักการเปลี่ยนแปลงที่ดีงาม การทำกิจกรรมจึงควรเน้นไปที่การสร้างคุณค่าเเท้โดยตรง
๒. คุณค่าเทียม หมายถึง ความหมาย คุณค่า หรือประโยชน์ของสิ่งทั้งหลายที่ไม่สร้างสรรค์ เอื้อประโยชน์เพียงต่อตนเอง ขาดการช่วยเหลือสังคม มีมายาคติความสุข คือ เงิน ไม่มีจิตสำนึกพลเมืองเเต่จะปลูกฝังให้เอาตัวรอดเป็นยอดคน เป็นผู้วิจารณ์เเต่ไม่ลงมือทำ เสริมทักษะด้วยเเนวคิดเเบบลบให้มีภูมิคุ้มกันในภาวะสมองอยู่ในโหมดปกป้อง ปฏิบัติตามขนบที่ขาดการเเยบคายให้เชื่อโดยขาดปัญญา มักใช้ตรรกะวิบัติเทียบเคียงกิจกรรมกับชีวิตจริง เเละเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อมายาคติของบทบาท หน้าที่ หรือ สังคมเพื่อนพี่น้อง ซึ่งการทำกิจกรรมไม่ควรเน้นคุณค่าเทียมลักษณะเช่นนี้ด้วยประการทั้งปวง
ไม่มีความเห็น