วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๙
วันนี้ เป็นวันสุดท้ายของการสอบภาคสนาม ธุดงค์ ณ ดอยอินทนนท์ กลุ่มผู้ที่เดินทางฐานดอยที่ขึ้นบนดอยอินทนนท์ เริ่มตื่นแต่เช้าและเดินทางเขามาที่วัดเทพฯ กลุ่มฐานเทพก็เตรียมเพื่อให้ห้องน้ำว่างสำหรับกลุ่มฐานดอยที่จะลงมาที่วัดเช่นกัน
-
ส่วนผู้เขียนที่อยู่ที่ฐานเทพก็ตื่นเต้นโดยตื่นแต่เช้าตามเสียงที่มีผู้คนพูดคุยกันตั้งแต่ตี ๓ ตื่นมาทำธุระส่วนตัวแล้วกลับมาเข้าเต็นท์เพื่อทำสมาธิตอน ตี ๕
- หลังจากนั้นก็เตรียมตัวไปทำวัตรเช้าและนั่งสมาธิที่หน้าศาลาเช่นเดิม
- วันนี้ มีกิจกรรมเพิ่มขึ้นมา คือ ทำพิธีขอขมาลาโทษซึ่งกันและกัน ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าประทับใจ เพราะ ระหว่างที่อยู่ในพิธีนี้ เมื่อทุกคนหันหน้าเข้าหากันและยกมือไหว้ขอขมากันนั้น รู้สึกถึงการให้อภัยซึ่งกันและกัน มีอาจารย์ท่านหนึ่งที่ผู้เขียนเห็นว่าท่านได้ยกมือไหว้ขึ้นไปถึงบนฟ้า เหมือนขอขมาต่อเทพยดาด้วย ผู้เขียนได้ทำตามด้วย เป็นการเหมือนขอขมาครูบาอาจารย์ ทีมคณะทำงาน พี่เลี้ยง ตลอดไปจนถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้เขียนได้เคยกระทำผิดต่อท่านเหล่านั้น ทั้งเจตนาและไม่ได้เจตนา
- หลังจากนั้น รับประทานอาหาร และเตรียมตัวไปที่ลานโพธิ์ เพื่อทำพิธีปัจฉิมนิเทศที่ลานโพธิ์
- ก่อนถึงพิธีนี้ พี่เลี้ยงแจกเทียนสีขาวให้นักศึกษา
- ช่วงนี้ เรานำสัมภาระมากองรวมกัน เนื่องจากเต็นท์ถูกเก็บทั้งหมดแล้ว
-
ผู้คนเดินกันขวักไขว่ มีทีมคณะทำงานช่วยจัดขบวนผู้คน
- มีชาวบ้านนำดอกไม้หลากสี สวยสด มารอจำหน่ายให้นักศึกษา ตามราคาที่พวกเราจะทราบกันดีว่า ทุกอย่าง ๒๐ บาท ดอกไม้นี้ พี่เลี้ยงมาบอกว่าให้มีไว้ สำหรับใช้ในพิธีปัจฉิมนิเทศส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งสำหรับมอบแลกเปลี่ยนกกับเพื่อน ดอกไม้ที่แลกกันกับเพื่อนนี้จะแลกกันไปเรื่อยๆ
-
-
-
-
พิธีที่ลานโพธิ์ ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งพิธีที่น่าประทับใจ
-
- หลังจากเสร็จพิธี ในช่วงที่ผู้เขียนกำลังจะขนสัมภาระทั้งเป้ใหญ่ที่หลัง เป้เล็กที่ถือ ไม้เท้าไว้สำหรับยันตัวเองและช่วยเดิน รวมไปถึงผ้ารองนั่งที่ผู้เขียนนำไปด้วยเพื่อให้เพื่อนๆได้มีที่รองนั่งพื้นหน้าลานหน้าศาลาวัด เพื่อเดินไปที่บริเวณหน้าศาลา
- ช่วงนี้เอง ได้มีเสียงทีมเก็บตกและเสียงผู้คนมากมายร้องขอทางให้หลวงพ่อเดินลงมาจากด้านลานโพธิ์ ผู้เขียนพบเพื่อนนักศึกษาที่อยู่ในบริเวณนั้น ต่างแสดงความยินดีที่ได้พบพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ในระยะใกล้
- ขณะนั้น มีน้องคนนึงช่วยผู้เขียนจัดสัมภาระข้าวของที่เต็มทั้งหลังและมือให้เรียบร้อย ไม่ขวางทางเดินของพระอาจารย์หลวงพ่อ ปากก็พร่ำว่าเป็นบุญนักที่ได้พบพระอาจารย์หลวงพ่อในระยะใกล้ขนาดนี้ ทำให้ผู้เขียนพลอยปลื้มตามไปด้วย
- ผู้เขียนคุกเข่าลงรอให้พระอาจจารย์หลวงพ่อเดินผ่านไป ระยะเวลานั้น ผู้เขียนมองพระอาจารย์หลวงพ่อซึ่งมีอายุมากถึง ๙๗ ปี เดินผ่านไปด้วยความปลื้มปิติอย่างมาก
- และคิดว่า ท่านอายุมากเพียงนี้แล้ว ท่านยังต้องมาตรากตรำทำงานสอนผู้คนให้ทำสมาธิ ตามความมุ่งหมายที่จะทำให้เกิดสันติภาพของโลกยิ่งขึ้นต่อไป ช่างเป็นอะไรที่สุดจะบรรยาย
- หลังจากนั้น ผู้เขียนไปรวมกับเพื่อนๆเพื่อรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายที่บริเวณหน้าวัด และรอรถ
- ระหว่างรอรับประทานอาหาร ผู้เขียนรอจนไม่มีผู้คนต่อคิวแล้ว จึงไปรับอาหาร มื้อนี้ ดีที่เพิ่งรู้จักที่จะรอ ก็จะได้รับอาหารโดยไม่ต้องเบียดเสียดกับคิวที่หนาแน่น อาหารมื้อนี้ ยังคงอร่อย ไม่ได้รู้สึกอยากไปรับประทานอาหารนอกวัดที่มีรายการอาหารที่แสนจะยั่วยวนเหมือนเมื่อวันก่อนที่ออกไปเดินดูนอกวัด เช่น ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวซอย เป็นต้น
- หลังจากนั้นก็ถึงเวลาหอบหิ้วสัมภาระไปที่ลานจอดรถ
- เดินทางกลับด้วยความปลอดภัยกันทุกคน