1. การจัดการให้เกิดการเรียนรู้(Learning Management) เพื่อมุ่งหวังว่าจะสามารถสร้างภาพฝันร่วมกัน(System)ได้อย่างง่ายๆ(Simplify)ไปกับงานประจำเดิมที่ทำอยู่ พร้อมกับสร้างสภาพแวดล้อม(Surrounding)ต่างๆขององค์การให้เอื้อต่อการเรียนรู้ เนื่องจากการเรียนรู้เป็นบ่อเกิดของความรู้และปัญญา โดยต้องมีการเตรียมคน เตรียมทีม เตรียมกิจกรรม เตรียมเครื่องมือเทคโนโลยีและเตรียมบรรยากาศองค์การที่ดีที่จะทำให้คนเกิดการเรียนรู้ได้ดี มีความคิดสร้างสรรค์ ขั้นนี้คุณเอื้อ(CKO)จะมีบทบาทหลัก
2. การจัดการให้เกิดองค์ความรู้(Knowledge Organizing)เพื่อให้คนในองค์การรู้ว่าองค์การเราต้องมีความรู้อะไรจึงจะทำให้งานได้ผลดี เมื่อรู้แล้วจะไปหามาจากไหนได้บ้าง จะสร้าง จะคว้าหรือจะควักมาไว้เพื่อนำเอามาจัดรวมให้เป็นวิธีการทำงานหรือนวัตกรรมของเรา ขั้นนี้คุณประกอบ(Knowledge engineer)มีบทบาทหลัก
3. การจัดการให้เกิดการใช้ความรู้(Knowledge Acting) เพื่อทำให้องค์ความรู้ที่มีอยู่นั้นได้มีโอกาสนำมาใช้หรือทดลองปฏิบัติจริงในองค์การเรา โดยคนของเราเพื่อเขาจะได้เรียนรู้ว่าที่เขาคิด เขาทำจะให้ความสำเร็จหรือความล้มเหลว เราจะได้เรียนรู้จากความสำเร็จหรือความล้มเหลวนั้น ขั้นนี้คุณกิจ(Practitioner)มีบทบาทหลัก
4. การจัดการให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้(Knowledge Sharing)เพื่อให้คนทำงานที่ทำงานได้ผลดีได้นำเอาวิธีที่ปฏิบัติจนได้ผลดีนั้นมาเล่าแลกเปลี่ยนให้คนอื่นๆได้รับทราบและนำเอาไปประยุกต์ใช้ได้ โดยการสร้างปลาขึ้นจนครบทั้งหัว ตัวและหางปลา ทำให้เราได้วิธีการปฏิบัติที่ดีขึ้น ขั้นนี้คุณอำนวย(Facilitator)มีบทบาทหลัก
5. การจัดการให้เกิดคลังความรู้(Knowledge Asset)เพื่อให้มีการจัดเก็บ เผยแพร่ ทบทวน(ปรับเปลี่ยน) เข้าถึงความรู้ที่ดีที่ผ่านการนำไปปฏิบัติอย่างเห็นผลมาแล้ว ไว้ให้คนอื่นๆได้เอาไปดู ไปใช้ เอาไปต่อยอดได้ง่ายจนเกิดพลังความรู้มากขึ้นหรือยกระดับความรู้มากขึ้น(Spiral knowledge) ขั้นนี้คุณเก็บ(Knowledge Librarian)มีบทบาทหลัก
ใครสนใจอ่านต่อใน
ไม่มีความเห็น