​การเลือกลงทุนในกองทุนรวม​

การเลือกลงทุนในกองทุนรวม

(1) ตั้งเป้าหมายการลงทุนในระยะยาว หลังจากที่เรามีเป้าหมายการลงทุนที่แน่นอน และรู้แล้วว่าตัวเองรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน และเราก็ได้เลือกผสมระหว่างกองทุนที่มี Active Management Style และ Passive Management Style “กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว“ จะลงทุนในกองทุนรวม ผลตอบแทนมันก็คงไม่ได้วิ่งมาแค่ภายในวันสองวันเช่นกัน

(2) มองหาผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ เราควรดูผลตอบแทนของกองทุนย้อนหลัง อย่างน้อยก็ 3 ปี เปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆที่มีนโยบายการลงทุนเหมือนๆกัน และมีเป้าหมายการลงทุนที่เหมือนกัน

(3) อย่าถือกองทุนหลายกองมากเกินไป การถือหน่วยลงทุนของกองทุนมากกว่า 4 กองขึ้นไป ไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนแต่อย่างใด อาจจะยิ่งทำให้เราไม่มีเวลาติดตามผลงาน และเพิ่มความเสี่ยงขึ้นไปด้วยซ้ำ

(4) ตรวจสอบอายุของตราสาร (Duration) ด้วยความระมัดระวัง หลายปีที่ผ่านมากองทุนตราสารหนี้ระยะยาวมีประวัติทำผลตอบแทนได้สูง แต่นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่แน่นอนเสมอไป โดยเฉพาะเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลงมาต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ ณ ตอนนี้ ตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือยาวๆ จะมีความผันผวน

(5) ต้องระวังเรื่องขนาดของสินทรัพย์ กองทุนที่มีขนาดสินทรัพย์น้อยกว่า 100 ล้านบาท ถือว่ามีขนาดเล็กเกินไป เพราะเมื่อดูตัวเลขค่าใช้จ่ายต่างๆของกองทุนแล้ว เราจะพบว่าไม่เกินการประหยัดในเรื่องขนาดของกองทุน (Economics of Scales) แต่ในอีกมุมหนึ่ง ถ้ากองทุนมีขนาดสินทรัพย์ใหญ่กว่า 15,000 ล้านบาท จะถือว่าใหญ่เกินไปเมื่อเทียบกับขนาดของตลาดการเงินไทย

(6) สไตล์การลงทุนของผู้จัดการกองทุนด้วย บางคนเก่งในเรื่องประเมิณมูลค่า บางคนเก่งในเรื่องตัวเลขการทำกำไรมาก ซึ่งวิธีหนึ่งที่จะช่วยวิเคราะห์สไตล์การลงทุนของผู้จัดการก็คือ

(7) ใครดูแลเงินคุณ ผู้จัดการกองทุนทุกคนต้องได้ใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนจาก ก.ล.ต. และต้องมีระบุชัดเจนว่าใครเป็นผู้จัดการกองทุนไหนด้วยครับ ข้อพิจารณาอีกข้อหนึ่งนอกจากประวัติการทำงานย้อนหลังแล้วก็คือ ใบอนุญาต CFA หรือ นักวิเคราะห์ทางการเงินระดับสูง ซึ่งผู้จัดการกองทุนที่มีใบอนุญาตนี้จะมีความรู้ความชำนาญที่มีการยอมรับ มากกว่าผู้ที่ไม่มีอนุญาต

ที่มาข้อมูล http://fundmanagertalk.com/fund-talk-7-rules-for-m...