ขอบคุณภาพอาจารย์กงมา จิรปุญโญ จากอินเตอร์เน็ต...
ออกจากแดนเขมาเข้าสู่เขตอรัญประเทศ พบศาลาร้างข้างป่าอาจารย์ได้ยึดเป็นที่พัก พบอุจจาระญี่ปุ่นที่เพึ่งออกไป ต้องชำระล้างแล้วพักภาวนาอยู่ที่นี วันหนึ่งขณะที่หลวงพ่อวิริยังค์ถวายนวดอาจารย์กงมาอยู่ หลวงพ่อได้รับความรู้ขึ้นมาอีกว่า... ของสกปรกอย่าดูถูก ของดีย่อมมาจากของสกปรก...พระอริยะเจ้าถ้าไม่ได้รับรสของสกปรกแล้ว ท่านจะเป็นพระอริยะเจ้าไปไม่ได้เลย
ท่านอาจารย์กงมาเสริมขึ้นมาอีกว่า เรานอนบนกองอุจจาระเวลานี้ยังไม่เท่าอยู่ในท้องเรา และเราก็ต้องน้อมนเข้ามาเป็นธรรมะส่วนตัวของเราว่าอย่าหลงความสวยงาม เพราะเขาทั้งหลายโง่
"...เอาน้ำอบมาประอุจจาระกันอยู่ทุกวันนี้มิใช่หรือ วิริยังค์ถ้าตัวเขาหอมแล้วจะเอาน้ำมาอบมาประตัวเขาทำไม วิริยังค์เอ๋ย นี่แหล่ะคนเราถึงว่าเป็นโมหะ จงรุ้ให้ดี..."
ช่วงเดินตัดตรงขึ้นจังหวัดนครราชสีมา ระยะการเดินทาง ๔๘ กิโลเมตร ใช้เวลา ๑๐ ชั่วโมง ซึ่งทุรกันดารมาก อาจารย์บอกว่าถ้าจะให้เดินทนอย่าฉันน้ำหลวงพ่อวิริยังค์เชื่อแต่กระหายน้ำจึงฉันน้ำที่ตะพายไปจนหมด สุดท้ายเมื่ออาจารย์จะฉันบ้างเลยต้องฉันน้ำปลักควาย อาจารย์กงมาบอกว่า "หอมดีวิริยังค์...ขี้ควายมันเป็นยาเย็น" หลวงพ่อวิริยังค์ก็เลยฉันน้ำปลักขี้ควายด้วย
แม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่อาจารย์กงมาก้ยังนั่งสมาะิในคืนนั้น หลังจากนั่งสมาะิแทนที่จะหลับนอนท่านยังสอนธรรมต่อไปอีกว่า
"...วิริยังค์ การที่เราต้องการพ้นทุกข็เราต้องเข้าหาทุกข์ ถ้ากลัวทุกข์เราก็พ้นทุกข์ไม่ได้ การที่เราจะเข้าหาทุกข์อย่างขณะนี้แหละ นอนดิน เดินไกล เราก็จะพอมองเห็น และเมื่อจิตเป็นสมาธิแล้วพิจารณากาย เพราะกายคือตัวทุกข์ เพราะคนเราจะหลงก็เพราะกาย หลงกายซึ่งกันและกันนี่เอง กายคนเราถ้าลอกหนังออกเสียแล้วใครเล่าจะหลงกัน ก็เกลียดเท่านั้นเอง เวลาจิตเป็นสมาธิแล้วก็ให้พิจารณาอย่างนี้จะทำให้รู้แจ้งเห็นจริงเป็นสัจธรรมได้"
...................
ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันจ้ะ
ขอบคุณคุณมะเดื่อครับที่เข้ามาอ่าน อนุโมทนสาธุ ด้วยนะครับ