แม่ชีอินดี้ 1 : โลกที่เรียกว่าของเล่นใหม่


ฉันบอกกล่าวกับทุกๆ คนว่า ฉันได้รับอนุมัติให้ลาปฏิบัติธรรม ได้ 3 เดือน ตามระเบียบข้าราชการสตรีลาปฏิบัติธรรม สิ้นคำบอก ทุกคนก็จะเกิดอาการแตกต่างกัน แต่สวนใหญ่มักจะทึ่ง อึ้ง และหวาดผวา (ว่าฉันมีปัญหาอะไรในชีวิตหรือไม่)

ฉันก็ตอบไปว่า ...ฉันเพียงรู้สึกว่า "มีช้างตัวใหญ่กำลังลากฉันไป"...ช้าง!!!!! มันมีอะไรตัวใหญ่กว่าฉันอีกอยู่หรือ ตัวฉันก็ปาไป 80 กิโลกรัมแล้ว หรืองานนี้ช้างตัวใหญ่กำลังจะกลายเป็นแพะรับบาปที่มารับโทษจากฉันไปซะงั้น

ด้วยความแคร์ความรู้สึกของคนรอบข้าง ฉันจึงสั่งลาด้วยการบอกว่า...ฉันจะไปอยู่ดาวอังคาร

ข้าราชการสตรีลาปฏิบัติธรรมโดยไม่ถือเป็นวันลา...หลายคนบอกว่าดีจัง อยากมาบ้าง...ทำกันอย่างไร

-ระยะเวลา ต้องมากกว่า 1 เดือน แต่ไม่เกิน 3 เดือน ลาได้ 1 ครั้งในชีวิตรับราชการ (ลาน้อยกว่า 1 เดือน ให้ลากิจค่ะ)

-สถานที่ เป็นวัด หรือสถานที่ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามรายชื่อของสำนักพระพุทธศาสนา

-หนังสืออนุมัติให้ลาปฏิบัติธรรมจากต้นสังกัด

-หนังสือรับรองการลามาปฏิบัติธรรมจากต้นสังกัด เพื่อให้เจ้าสำนักลงนามเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาปฏิบัติธรรม


ฉันเตรียมการมาเป็นปีสำหรับการมาปฏิบัติธรรม เพื่อมาถือศีล 8 เรียกกันตรงๆ ก็คงจะเป็นแม่ชีหน่ะนะ ปลายปี 2557 ฉันเริ่มเทียวไปเทียวมาที่วัดบ่อยๆ มานอนค้าง (อ้างแรม)บ้าง ศึกษาความเป็นอยู่ หัดพูดจาภาษาพระ และทำความรู้จักกับแม่ออก (แม่ออก-ผู้หญิงที่มาช่วยจัดการงานวัด) ...ฉันได้ข้อสรุปว่า ที่นี่แหล่ะ ที่ฉันจะเลือกเป็นของเล่นใหม่สำหรับฉัน"วัดขุนพรหมดำริ" สถานปฏิบัติธรรมสำหรับประชาชนดีเด่นประจำตำบล ปี 2553 ประจำบ้านอุปราช ต. ท่าสองคอน อ.เมือง จ. มหาสารคาม และเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแห่งที่ 23 ของจังหวัดมหาสารคาม ...แต่ฉันลืมถามพระถามเจ้าว่า นึกอยากเล่นกับฉันหรือไม่ หลายคนถามว่าทำไมไม่จัดวัดป่าเลยหล่ะ จะได้เข้มๆ ตั้งใจหน่อยแม่ชี..ถึงพ่อแม่ก็ไม่ได้เลี้ยงฉันมาดีเท่าไหร่ แต่ฉันก็ไม่คุ้นชินกับความลำบาก..."บางทีสิ่งที่เคร่งครัดหรือตึงเกินไป ก็อาจจะนำมาซึ่งความทุกข์" โดยความเชื่อส่วนตัวฉันเชื่อว่า "การแสวงหาทุกข์ไม่ได้ทำให้ค้นพบความสุข" และ "ความทุกข์ไม่ต้องแสวงหาถึงเวลาก็จะมาเอง" หลายคนบอกว่า"ต้องรู้จักทุกข์ก่อนถึงจะรู้จักสุข" เหมือนรู้จักสีดำก่อนจึงจะรู้จักสีขาวว่าขาวขนาดไหน งานนี้ฉันขออินดี้...ไม่ต้องทุกข์มากก็ได้ เพราะกว่าจะโตขึ้นมาได้อายุขนาดนี้ความทุกข์ก็มาเยี่ยมหน้าบ่อยๆ แล้ว ดังนั้นสายวัดป่าที่ปฏิบัติเข้มก็เลยต้องบอกผ่าน


...ดังนั้นฉันจึงเลือกวัดแห่งนี้เป็นคำตอบสุดท้ายและคำตอบเดียว นอกจากความสะดวกสบายพอไปวัดไปวาแล้ว วัดขุนพรหมดำริแห่งนี้ยังหลงเหลือความเป็นสังคมแบบชาวบ้านและมีใกล้ชิดความเจริญจากการแผ่ขยายของเมือง...ทำให้มีเสน่ห์แห่งความบ้านๆและสะดวกสบายแบบสังคมเมืองด้วย แม้ดูว่าฉันจะไม่เคร่ง...แต่ตั้งใจมาขนาดนี้ก็เป็นเหตุที่ฉันเรียกตัวเองว่า "แม่ชีอินดี้"

ฉันก็ต้องขอกราบพระคุณเจ้าอาวาส คณะสงฆ์ และแม่ออกที่ช่วยดูแลให้ฉันอยู่ดีมีสุข ณ วัดแห่งนี้มาเป็นวันที่ 32 วันที่ฉันลงมือเขียนบันทึกฉบับนี้...ฉันอยู่ดีสบายกายสบายใจจริงๆนะ (อาจจะฝีนตัวตื่นในช่วง 04.00 น. บ้างในช่วงสัปดาห์แรก)

ฉันตระเตรียมชุดขาว พร้อมด้วยผ้าถุงสีเข้มเอาไว้สำหรับทำงานครัวหรืองานภาคสนาม เพื่อนฝูงพีน้องก็จัดเตรียมของกิน น้ำปานะสำหรับถวายพระ และให้ฉันประทังชีวิตในการอดข้าวเย็นตลอดเวลา 3 เดือน อ้าว ก็ขออนุโมทนาบุญแก่ทุกท่านอีกสักครั้ง อ้อ...จากประสบการณ์ ท่านใดที่จะมาแบบอิฉัน โปรดเตรียมถุงเท้า และอาจจะถึงขั้นครีมทาป้องกันส้นเท้าแตกนะคะ...เท้าอีป้าไม่แตกธรรมดา แต่แตกแบบความดำฝังแน่น อีกอย่างก็ร่มหรือผ้าคลุมไหล่สีขาว เอาไว้สำหรับคลุมตัวหรือโพกหัว...สำหรับกันแดดไม่ได้ห่่วงสวยอีกหล่ะ แต่ใบหน้าที่รับศีล 8 แล้วจะปราศจากเครื่องสำอาง เมื่อเดินมาฉันเพล หรือทำงานสนาม แสงแดดแผดเผาจะรู้สึกแสบผิวอย่างแรง

แล้ววันที่ 1 กพ. 2559 ที่ฉันจะพร้อมเป็นแม่ชีก็มาถึง...(หลายคนว่าทำไมไม่มามาปฏิบัติธรรมช่วงเข้าพรรษา...อันนี้ข้าราชการโดยสายเลือดจะบอกว่ามันเป็นช่วงปิดปีงบประมาณ...มันจะยุ่งมาก...ฉันก็เลยกะว่าจะมาไตรมาส 2 ที่มีการเริ่มปีงบประมาณใหม่แล้ว กิจกรรม โครงการต่างๆ ก็พอที่จะฝากคนทำอื่นทำงานแทนได้...งานนี้ก็ต้องขออนุโมทนาเป็นพิเศษกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงานที่ช่วยรับงานแทน)

วันอาราธนาศีล 8 จุดเริ่มต้นของการฝึกจิต ฝึกตน พระครูสารกิจประยุต หรือ หลวงตากาบ รองเจ้าคณะะอำเภอเมืองจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเป็นเจ้าสำนักฯ นับเป็นพระอาจารย์ของฉัน ท่านถามว่าจะโกนผมไหม โกนก็ดีนะ...เหอๆอิป้าบอก "ไม่ค่ะ"คือไม่ได้ห่วงสวย แต่พอลาศีลฉันก็จะต้องไปทำงาน งานฉันบางวันมีการออกสื่อด้วยซะงั้น จะหัวเหม่งใส่กับผ้าไทยดูจะขัดตายังไงไม่ทราบ เลยขอไม่โกนนะคะ ซึ่งก็ไม่ได้ขัดกับระเบียบการลาปฏิบัติธรรมของสตรี ...จะโกนผมหรือไม่โกนก็ได้ แต่หลวงตาท่านได้ทำพิธีขลิปผมให้ ระหว่างการขลิปผม หูฉันได้ยินเสียงเณรน้อยหัวเราะคิกคักๆๆๆ เพราะมันไม่ใช่การขลิปเสียแล้ว...มันคือการตัดผมสั้นดีๆ นี่เอง ตัดโดยพระที่ถนัดแต่การโกนผม...หุหุ...นึกดิ ว่าหน้าบ้านๆ เป็ดๆ อย่างฉันจะออกมากับผมที่ไม่เป็นทรงอย่างไร

สัปดาห์แรกของการมาเล่น...ฉันไปไม่เป็น ทำอะไรไม่ถูก...ขนาดเตรียมตัวมาดี ฉันยังเหวอได้ขนาดนี้...ตรูมานั่งทำอะไรที่นี่

ทิ้งการทิ้งงานมานั่งดูตนนี่นะ แล้วที่บ้านนั่งดูตนไม่ได้เหรอ...ณ เพลานี้ สำหรับฉัน คนห่างวัด...ตอบเลยว่า "ไม่ได้"...ฐานจิตของฉันยังหนักแน่นไม่พอ และช้างตัวใหญ่ตัวนั้นยังลากฉันไปแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กำแพงวัดจึงจำเป็นสำหรับฉันในการเป็นเครื่องมือหาพื้นที่ว่างให้ตนเอง

หลวงตาสอบถามถึงการเคยฝึกปฏิบัติ ว่าเคยมาบ้างหรือยัง...ฉันเคย แต่อาจจะยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง จึงต้องอาศัยการดูแลจากหลวงตาเป็นพิเศษ

Course Outline ของที่นี้จะเป็น การนั่งดูตน เรียนรู้สภาวะธรรมที่เกิดขึ้นกับตน เรียนรู้ในการปล่อยใจให้ว่าง ฝึกปฏิบัติเจริญสติด้วยตนเองจากการนั่งสมาธิ เดินจงกรม และนอนสมาธิ และอาจจะมีการฝึกปฏิบัติร่วมกับพระอาจารย์ในตอนค่ำ มีการสอบอารมณ์

กิจกรรมอื่นๆ ได้แก่ การน้อมจิตฝึกสมาธิให้จดจ่อด้วยการสวดมนต์ทำวัตรเช้า-ทำวัตรเย็น ช่วยเหลืองานครัว จัดสำรับถวายภัตตาหารเช้า-เพล เรียนรู้พิธีกรรม ทำความสะอาดบริเวณวัด ทำความสะอาดที่พักของตน รับใช้บริการรับส่งพระ-เณร (พอดีฉันเอารถยนต์มาด้วย)

กิจกรรมพิเศษ ฉันได้รับการแนะนำให้ไปสมัครเป็นนักศึกษาสถาบันจิตตานุภาพ ซึ่่่งเรียนทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-17.00 น. /ฉันทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์กิจกรรมวัดบนโลก Social (อิอิ ได้เล่นเฟสบุ๊คหล่ะทีนี้)

กิจกรรมเชิงสังคม ก็คงไม่ต่างจากการเรียนรู้การบริหารจัดการองค์กรต่างๆกับการจัดการงานวัดกับกิจกรรม โครงการต่างๆ ฉันเรียนรู้และหลงรักสังคมบ้าน-บ้าน น้ำใจของคนอีสาน การเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรม เข้าใจวิถีแห่งพระมากขึ้น เปิดใจและมองเห็นความเก่ง ความดี และความเหมาะสมของคนในสังคมมากขึ้น (แม้กระทั่งพฤติกรรมของตน) และเรียนรู้ถึงจริตในการทำบุญ ตลอดจนการบริหารศรัทธา


หลายคนให้ฉันทำการประเมินว่า กว่า 1 เดือน ฉันได้อะไรจากของเล่นใหม่นี้

-ฉันเรียนรู้เรื่องการ วาง และว่าง แม้จะยังทำได้ไม่ดีนักเพราะมันเป็นทักษะ ฉันก็คิดว่า 2 เดือนที่เหลือจะทำให้ฉันมีทักษะในเรื่องนี้ดีขึ้น ฉันรู้สึกถึงการวาง แต่ไม่ยักรู้สึกว่าง 5555

-ฉันยังไม่รู้จักเนื้อหาหลักที่จะจับต้อง...ฉันบอกหลวงตาว่า ฉันเหมือนคนที่มาตลาด โดยไม่รู้ว่าฉันจะทำเมนูอะไรกิน...จึงยังไม่รู้จักว่าจะซื้ออะไร ขาดอะไร เหลืออะไร...แต่ฉันเชื่อว่า...ฉันมีความสามารถในการทำอาหาร...ให้ฉันเดินดูวัตถุดิบรอบตลาดสักรอบ 2 รอบ อาจจะเสียเวลาหน่อย แต่ฉันเชื่อว่า หากฉันมองเห็น...วัตถุดิบนั้น...ฉันจะสามารถปรุงอาหารจานเด็ดได้เป็นแน่แท้...ปัญญาของฉันกว่าจะแตกหน่อ ก่อตัวอาจจะใช้เวลานานกว่าคนอื่นนัก

-ฉันบอกคนสนิทว่า..ฉันอยากมีงานเขียนเรื่อง "ฤาฉันจะเป็นคนบาปเพราะศรัทธา" ศรัทธามากไปก็ทุกข์ ไม่ศรัทธาเลยก็ทุกข์

นี่แหล่ะโลกที่เป็นของเล่นใหม่สำหรับฉัน...โลกที่ฉันจากมาก็มีของให้เล่นเยอะ แต่เพราะเหตุ ปัจจัย บริบทรอบๆ ตัวทำให้ฉันไม่มีเวลาพิจารณาสิ่งที่เล่นอยู่อย่างลึกซึ้ง ต่างจากวันนี้...เวลา บริบท มันทำให้ฉันมีเวลาพิจารณาสิ่งที่เล่น-และเป็นเป็นอยู่ได้อย่าง"ลึกซึ้ง"

วันที่ 1 ของการกวาดลานวัด-ฉันมุ่งเป้าให้เสร็จ...ทันเวลา

วันที่ 15 ของการกวาดลานวัด-ฉันปล่อยใจไปกับปลายไม้กวาด ...และฉันก็ได้พิจารณาอย่างลึกซึ้งว่า "ฉัน กวาด อะไร" และรู้สึกขำเมื่อใบไม้ใบใหม่ร่วงมาแทนที่ใบที่ฉันเพิ่งกวาดเสร็จ

ฉันรู้สนุกมากกับการเหลาทางมะพร้าวเพื่อทำไม้กวาด ใน"โครงการเหลาทางมะพร้าวแก้กรรม" มากกว่าการกด Like ใน Facebook หรือ Read Line

ขอโทษนะทุกคนสำหรับ Miss Call ....บอกแล้วงัยว่าฉัน "วาง"-วางโทรศัพท์ จึงไม่ใช่สิ่งที่จะต่อว่ากันกรณีที่ฉันไม่รับโทรศัพท์ (แต่อิฉันไม่ได้ติดคุก..ยังสามารถรับโทรศัพท์ได้...ฉันได้แจ้งเวลาเปิดเครื่องและ Check โทรศัพท์แก่ญาติพี่น้องแล้ว)


...ว่างๆ อย่านิ่งดูดาย...ปั้นวัว ปั้นควาย ให้เณรน้อยเล่น....เอาภาพสภาวะในวัดมาฝากค่ะ

หมายเลขบันทึก: 602876เขียนเมื่อ 4 มีนาคม 2016 13:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 พฤษภาคม 2016 21:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สุดยอดเลยเลยครับ

ขอบคุณกำลังใจจาก Phra Thalerngsak Kittipunyo [Krasasin]

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท