ใกล้ถึงเวลาเลิกงาน วันนี้ผมอยากกลับบ้าน ด้วยอารมณ์อธิบายไม่ถูก
คงเพราะวันนี้อากาศหนาวจนมือสั่นและเหน็บชา ลมแรง ๆ ฝนโปรย ๆ อีกต่างหาก
กลับถึงบ้านอ่านกวีทำให้อุ่นใจ และอ่านหนังสืออีกเล่ม ทำให้ได้แรงบันดาลใจไปด้วย
ชื่อเรื่องหนังสือก็ได้แรงบันดาลในแล้ว "ใจเท่านั้น บันดาลแรง"
ของนักเขียนนาม "คามิน คมนีย์"
ที่มาของการเขียนของผู้เขียน
ในวันหนึ่งของห้วงยาม ที่มีปัญหาสารพัด
เป็นไข้ไม่สบาย เหนื่อยหน่ายและหลงทาง
แต่มีเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาชีวิต....ทั้งเข้มข้นและพิเศษผุดขึ้นในห้วงสำนึก
ทำให้เขาเห็นปัญหาตนเองเล็กจ้อยไปถนัด
เกิดความรู้สึกฮึกเหิมขึ้นกะทันหัน
ตระหนักถึงความมหัศจรรย์
เขาจนลงมือเขียนเรื่องกระตุ้นหัวใจนี้เอาไว้
สำหรับใช้งานเอง และแบ่งปันเพื่อนฝูง
แล้วก็ค้นพบว่า เรื่องเหล่านี้มีอยู่รอบตัวทุกหนแห่ง
เปรียบได้กับลมหายใจของคนเราเลยทีเดียว
ผมชอบเรื่องสุดท้ายมากที่สุด เรื่อง "แม่"
แม่ของผู้เขียนที่สูงวัยขึ้น และหูข้างหนึ่งหนวก อีกข้างหนึ่งตึง
ลูก ๆ ซื้อเครื่องช่วยฟังให้ แต่แม่ไม่ชอบใส่ บอกว่า ไม่สะดวก รำคาญ
"หูหนวกก็ดีแล้ว จะได้หมดทางรับความทุกข์ไปอีกช่องหนึ่ง"
(ผมชอบตรงนี้ เพราะแม่เป็นคนชอบศึกษาธรรมะ)
ผู้เขียนเป็นคนไม่อยู่บ้าน ไม่ชอบโทรศัพท์หาแม่ ไม่กล้าแสดงออกที่บอกรักแม่
วันหนึ่ง...
ผู้เขียนกลับบ้าน และเมื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ
ต้องบอกลาแม่ แต่ครั้งนี้ ต้องไปใกล้ ๆ และพูดข้างหูแม่ จึงได้กอดแม่ด้วย
แม่ไม่พูดตอบ แม่บอกว่า พูดกับหูผิดข้าง "เมื่อครู่ว่ายังไงนะ แม่ไม่ได้ยิน"
ผู้เขียนกอดแม่ รู้สึกตระหนักว่า การกอดแม่เป็นเรื่องธรรมชาติ
ความกระดากอายที่ตนเคยเป็นต่างหากที่ผิดธรรมชาติ
จึงแนบแก้มประทับแก้มแม่
ป้องปากบอกแม่ตรงข้างหู
ผม - รัก - แม่
มาถึงบรรทัดนี้ พลอยทำให้ผมคิดถึงแม่
แม้วันนี้อากาศหนาวเย็นมาก ๆ
แต่กลับอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
อ่านแล้ว
ได้แรงบัลดานใจโดยพลัน
ชอบใจข้อเขียนครับ
ขอบคุณมากๆครับ