ในการประชุมสภาสถาบันอาศรมศิลป์ เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ มีวาระเรื่องการสัมมนาวิชาการว่าด้วยมหาวิทยาลัยรับใช้สังคม เพื่อขับเคลื่อนงานด้าน university engagement
ผมจึงเสนอต่อที่ประชุมว่า น่าจะมีการตรวจสอบโครงการที่นำมาเสนอ ตามหลักการ ๕ ร่วม ของ University Engagement ที่อยู่ภายใต้หลักการความร่วมมือภายใต้ความสัมพันธ์แนวราบ ระหว่างชุมชนกับมหาวิทยาลัย คือ
ดร. อมรวิชช์ นาครทรรพ ให้ความเห็นว่า อุปสรรคอย่างหนึ่งของ university engagement คือการแยกศาสตร์ แต่กิจกรรมในชุมชนต้องดำเนินการโดยใช้ความรู้หลายศาสตร์ร่วมกัน การจัดการให้มหาวิทยาลัยสามารถทำงานสหวิทยาการได้ในสภาพจริงของสังคม จึงเป็นความท้าทายมาก
ที่ประชุมพูดกันเรื่องคุณค่าของ university engagement ว่าจะเป็น means ของการปรับเปลี่ยนมหาวิทยาลัย
วิจารณ์ พานิช
๑๕ ธ.ค. ๕๘
หลักการ 5 ร่วม ของ University Engagement มีความแตกต่างจาก แนวคิดการมีส่วนร่วมของประชาชนที่สถาบันพระปกเกล้า นำมาประยุกต์ใช้ ซึ่งจําแนกออกเปน 4 ระดับ คือ
1) การมีสวนรวมในการตัดสินใจ (Decision Making)
2) การมีสวนรวมในการดําเนินการ (Implementation)
3) การมีสวนรวมในการรับผลประโยชน (Benefit)
4) การมีสวนรวมในการประเมินผล (Evaluation)
ความแตกต่างคงจะขึ้นอยู่กับภารกิจ บริบท ความสัมพันธ์ กิจกรรม ฯลฯ ระหว่างชุมชนกับมหาวิทยาลัย เรื่องนี้น่าสนใจเพราะจะเป็น means ของการปรับเปลี่ยนมหาวิทยาลัย...เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ.