เพราะมันสำคัญ กว่าคำว่าเหนื่อย


เพราะมันสำคัญ กว่าคำว่าเหนื่อย

วันนี้ คงเป็นเวรบ่ายที่วุ่นวายเหมือนทุกวัน ในเวรบ่าย เป็นเวรที่เหนื่อยที่สุดของ ห้อง ER ที่หนองจิก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงก่อน ๒ ทุ่ม คนไข้ว่างจากภารกิจ ก็แวะเวียนมาโรงพยาบาล ทั้งที่เจ็บป่วยกันมาบ้างแล้ว 2-3 วัน

บ้างก็พาลูก พาญาติมาทำแผล ฉีดยา ตามนัด บ้างก็มีเหตุฉุกเฉินที่ไม่ได้อยากมาโรงพยาบาล แต่ พวกเขาเหล่านั้นก็มาเจอะเจอกัน ณ ที่แห่งนี้

พร้อมพยาบาล วัย 47 ปี อย่างฉัน ความจริงแล้ว ก่อนหน้านี้ พยาบาลที่หนองจิก จะได้หยุดการขึ้นเวร บ่าย--ดึก เมื่ออายุ 45 ปี

แต่ความโชคดีท่ามกลางความโชคไม่ดีของฉัน พยาบาล เริ่มมีอายุ ที่ไกล้เคียงกัน จำนวนมากพอสมควร ที่ไม่สามารถให้ขึ้นแต่เวรเช้าทั้งหมดได้

ฉันและเพื่อนที่อยู่ในวัยเดียวกัน จึงต้องช่วยอยู่เวรบ่าย และหยุดให้เฉพาะเวรดึก ฉันและเพื่อน ไม่ดิ้นร้นที่จะเดินจากที่นี้

ฉันและเพื่อนจึงยอมรับเงื่อนไขที่เกิดขึ้น โดยที่ฉันต้องเป็นบุคคลที่สำคัญ ที่ยังต้องขับเคลื่อนภารกิจ อันมากมายในเวรบ่าย แต่ฉัน ก็เต็มใจ

ส่วนเพื่อนบ่างคน ที่ไม่สามารถอนู่เวรบ่ายต่อได้ในวัย 45 ปี ก็หาทางโยกย้ายกันไป ซึ่งฉันก็เข้าใจ เส้นทางของการเป็นคนชุดสี่ขาว

กับภารกิจเวรบ่าย-ดึก คงเพราะฉันเป็นคนโชคดีคนหนึ่งที่ไม่ค่อยทุกข์ใจ กับสิ่งที่ต้องเป็น ต้องพบเจอ

มันคือคุณสมบัติอย่างหนึ่งของฉันที่สามารถเดินอยู่บนเส้นทางของคนชุดขาว กับงานบริการพยาบาลอย่างมีความสุข

18.50 น. รถ EMS ออกไปรับผู้ป่วย อุบัติเหตุ รถกระบะชนรถหุ้มเกราะของตำรวจ มีผู้บาดเจ็บ จำนวน 5 ราย

รถกู้ชีพนำส่งนายตำรายจำนวน 3 ราย รถโรงพยาบาลนำส่งอีก 2 ราย

20.50 น ฉันและน้องกำลังวุ่นวายกับการเตรียมส่งนายตำรวจ และชาวบ้านไปโรงพยาบาลปัตตานี จำนวน 2 ราย

ตูม... เสียงระเบิดดังสนั่น และเสียงปืนรัวกันมานับจำนวนไม่ถ้วน ดังขึี้นใกล้ๆ บริเวณหน้า โรงพยาบาล

ฉันและน้องหันหน้ามาสบตากัน พวกเรารู้ทันที่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ความรุนแรงมากมายเพียงใด พวกเรายังไม่รู้

ฉันซึ่งเป็นหัวหน้าเวร ประกาศใช้แผนอุบัติเหตุ แผน 1 คือการโทรประสานหน่วยงาน ผู้ป่วยใน ห้องคลอด

และ หน่วยงานสนับสนุน เตรียมความพร้อมให้การช่วยเหลือ โดยให้ผู้ป่วย 2 รายที่เตรียมส่งโรงพยาบาลปัตตานี รออยู่ที่ด้านข้างของห้องฉุกเฉินก่อน

เพื่อเตรียมรถส่งต่อให้พร้อมในการออกไปรับผู้ป่วย และส่งต่อ จากเหตุระเบิด บริเวณ หน้าโรงพยาบาล

21.00 ทหารนำส่งผู้บาดเจ็บจากแรงระเบิด จำนวน 9 ราย เป็นทหารทีกำลังลาดตะเวน พื้นที่ จำนวน 8 ราย

และเป็นชาวบ้านที่ขับรถผ่านมา 1 ราย หลังจากนั้น ฉันโทรแจ้งหัวหน้างาน หัวหน้าพยาบาล และผู้อำนวยการโรงพยาบาล

และประกาศใช้แผน อุบัติเตุหมู่

โรงพยาบาลปัตตานี จัดส่งรถมูลนิธิมาช่วยเหลือในการลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลปัตตานี จำนวน ๒ คัน

แพทย์เวร จำนวน 1 คน , ผุ้อำนวยการโรงพยาบาล และน้องแพทย์ที่อยู่ที่แฟลตลงมาช่วยในการดูแลผู้ป่วย รวม 3 คน

ทีมพยาบาลที่ลงมาช่วย ในเวร มีจำนวนมากเพียงพอทั้งจากผู้ป่วยใน ห้องคลอด แพลตพยาบาล และจากบ้านพัก

ทีมงานสนุบสนุน หน่วยช่าง ห้องชันสูตร ห้องเอกซเรย์

ความวุ่นวายเกิดขึ้นในระยะเวลานานพอสมควรเนื่องจาก เป็นผู้ป่วยที่ต้อง ได้รับการส่งต่อ โรงพยาบาลปัตตานีทั้งสิ้น

ฉันและน้องลงเวรบ่าย ตอน 03.20 น สำหรับพวกเราไม่ได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลย เพราะพวกเรารู้ว่าสิ่งที่ได้ทำ และต้องทำ

มันสำคัญมากมายกว่าคำว่าเหนื่อย

แม้ฉันและน้อง ไม่ใช้ทีมงานที่สามารถสร้างสรคค์ หรือวางแผนเรื่องราวที่สำคัญๆ ของประเทศได้ แต่ฉันและน้อง

ก็มีความหมายสำหรับคำ่คืน ที่พวกเขาต้องการเรา คนชุดขาว ในยามวิกาล


ขอบคุณเรื่องเล่าจากพยาบาลเวรบ่าย และทีมงาน

นางกอบกุล สระทองออีด พยาบาล หัวหน้าเวร

นางสาวอัจฉรา รุ่งเรื่อง พยาบาล

นางสาวอัพนาน ยูโวะ พยาบาล

นางสาวอัสนะ เจะเละ เวชกิจ

นายพีรยุทธ วิเชียรขำ พนักงานเปล




คำสำคัญ (Tags): #12
หมายเลขบันทึก: 599660เขียนเมื่อ 18 มกราคม 2016 10:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2016 22:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

มาให้กำลังใจคนทำงานครับ

อยู่ยะลาครับ

https://www.gotoknow.org/posts/604185

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท