อำนาจของสินบน
ถวิล อรัญเวศ เล่าจากนิรนาม
สมัยที่คนไทยเราเข้ามาก่อตั้งชาติไทยใหม่ ๆ ซึ่งอพยพจากเขาอัลไต และในเวลาไล่เลี่ยกันนั้นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ก็ได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานในไทยด้วยเหมือนกัน คนไทยเรายึดอาชีพทานาทาไร่ คนจีน ชอบทามาค้าขายถ้วยชามสังคโลกและขณะเดียวกันก็ตกเบ็ดหาปลากินด้วย
ตี๋ และทิดมีบ้านใกล้กัน ตี๋และทิดมี ชอบตกเบ็ดหาปลาเป็นอาชีพ
วันหนึ่ง ทิดมีเห็นตี๋ได้ปลาเยอะนึกโลภอยากได้ จึงวางแผนขโมยปลาจากเบ็ดของตี๋ และเวลาขโมยปลาได้แต่ละครั้ง ทิดมีก็นำปลาที่ได้จากเบ็ดของตี๋ไปแขวนไว้ที่บ้านผู้ใหญ่บ้านทุกครั้งด้วย
ต่อมา ตี๋แปลกใจว่าทำไม่ปลาจึงไม่กินเบ็ด เพราะแต่ก่อนเคยได้ปลาเยอะมาก
แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นปลากินเบ็ด แกคิดว่าคงจะมีคนมาขโมยปลาจากเบ็ดแน่ ๆ จึงวางแผนแอบซุ่มดู และก็เจอทิดมีกำลังขโมยปลาที่เบ็ด ตี๋จึงไปฟ้องผู้ใหญ่บ้าน
ตี๋ : ผู้ใหญ่ครับ ทิดมีขโมยปลาที่ผมใส่เบ็ดไว้ครับ
ผู้ใหญ่บ้าน : ว่าอย่างไรทิดมี เองไปขโมยปลาตี๋จริงหรือ ?
ทิดมี : นิ่ง... สักครู่ก็พูดว่า “คนละครึ่ง”
ผู้ใหญ่บ้านนั่งนึกสักครู่ก็พูดว่า “เอาละเมื่อไม่มีพยานแน่ชัดก็เอาไว้ก่อน
คราวหน้าค่อยว่ากันใหม่เมื่อจับได้จริง ๆ”
ทิดมีโมโหตี๋ที่ไปฟ้องผู้ใหญ่จึงไปปาบ้านตี๋ ตี๋จึงมาฟ้องผู้ใหญ่บ้านอีกครั้ง
ตี๋ : ผู้ใหญ่ครับ ทิดมีปาบ้านผงครับ
ผู้ใหญ่บ้าน : จริงไหมทิดมี ที่ตี๋บอกว่าเองไปปาบ้านเขา
ทิดมี : คนละครึ่ง
ผู้ใหญ่บ้าน : ก็นึกสักครู่ก็หยิบหนังสือมาทำท่าอ่านและตัดสินคดีว่า
“ไทยปาบ้านเจ๊ก ไม่ถูกหัวเด็กไม่ผิดกฎหมาย”
ตี๋โมโหจึงไปปาบ้านทิดมีบ้าง ทิดมีจึงมาฟ้องผู้ใหญ่บ้าน
ทิดมี : ผู้ใหญ่ครับ ตี๋ปาบ้านผมครับ
ผู้ใหญ่บ้าน : ว่าอย่างไรตี๋ เองไปปาบ้านทิดมีใช่ไหม
ตี๋ : ใช่ครับ แต่ก็ไม่ถูกหัวใครครับ
ผู้ใหญ่บ้าน : หยิบหนังสือกฎหมายมาและก็ตัดสินว่า “เจ๊กปาบ้านไทย ไม่ถูกหัวใคร
แต่ผีเรือนตกใจปรับห้าสิบบาท”
ตี๋ :ไอ้หยา......ซวยจริงๆ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ถ้านักปกครองติดในอามิสสินบน
จะทำให้เกิดความลำเอียงได้
ฉะนั้น พึงหลีกเลี่ยงอามิสสินบน
ไม่มีความเห็น