คำว่า "ประเพณีขยะ" นี้ เป็นข้อความที่ผุดขึ้นมาเมื่อมองเห็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่เชิญชวนเที่ยวงานลอยกระทง โดยมองว่า กระทงที่ลอยกันเพื่อรักษาประเพณีนั้น สุดท้ายก็เป็นขยะลอยอยู่ในน้ำ หากไม่เป็นขยะก็กลายเป็นภาระให้กับคนอื่นในการที่จะต้องมาทำความสะอาดแม่น้ำลำคลองในภายหลัง มีอยู่หลายปี ที่ผมก็เป็นคนหนึ่งในการสร้างขยะให้กับโลกในวันลอยกระทงเพื่อรักษาประเพณีที่สังคมเห็นว่าเป็นสิ่งดีงาม ลุงคนหนึ่งที่เป็นเกษตรกรดีเด่น บอกว่า ทุกวันนี้แม่ธรณีก็ดี แม่โพสพ ก็ดีได้ตายไปแล้ว เพราะเราช่วยกันฆ่าทำลายท่าน ไม่แตกต่างจากแม่คงคา
ผมกำลังคิดอยู่ว่า จะมีวิธีการไหนหรือไม่ หากจะรักษาประเพณีดังกล่าวนี้ โดยที่ประเพณีจะไม่เป็นภาระของใคร โดยเฉพาะภาระของแม่น้ำ จริงอยู่เราอาจไม่ได้ใช้แม่น้ำในการดื่มและบริโภคอีก เพราะแม่น้ำอย่างแม่น้ำเจ้าพระยา ก็ล้วนมีแต่ขยะ ใครหรือจะกล้าใช้หากไม่ใช่ผู้ที่จำยอมและไม่มีทางเลือกจริงๆ แต่เราก็ต้องชะลอความเน่าเสียที่จะมีมากกว่าเดิมให้ได้ เพื่อส่งต่ออนาคตให้กับรุ่นถัดไป
ประเพณีขยะ อาจไม่ใช่ประเพณีที่สร้างขยะให้กับโลกเพียงเท่านี้ั เมื่อพิจารณาจากแนวคิดของปัญญานันทะภิกขุ วัดชลประทานจึงลดบทบาทของประเพณีที่ไม่ได้ส่งเสริมปัญญาจำนวนหนึ่งออกไป เช่น การสวดศพหลายรอบ จะกี่รอบศพก็ไม่ฟื้น และคนฟังก็ฟังไม่รู้เรื่อง เป็นต้น
หมายเหตุ ช่วงนี้ความคิดของผมค่อนข้างมีปัญหา จึงทำให้เกิดการปฏิเสธโลกขึ้นมา ความคิดจึงออกมาแบบทำนองที่ว่านี้ ดังนั้น ลูกเล็กเด็กแดง หากมาอ่านข้อความข้างต้น ควรถามผู้ใหญ่ที่มีความรู้ดีก่อนเชื่ออะไรง่ายๆเสมอๆ
สงสัยเป็นโรคถาง...ชอบติดตะแบงไปเรื่อย ๕๕๕
..ขยะวันลอยกระทงเนี่ย ผมว่าโออยู่นะ คือมัน "คุ้มทุน" ทางวัฒนธรรม....แต่ขยะอีกหลายร้อยเรื่อง โดอยเฉพาะเชิงนามธรรม น่าหยะแหยงกว่ามาก...การสวดศพ ผมว่ายังโออยู่นะ แต่ปรับบทสวดและเวลาให้ดี อีกทั้งห้ามกินอาหารรหว่างพัก...บทสวดดีๆ จะทำให้เราเกิดสมาธิ เป็นการบำเพ็ญกุศลให้ผู้ตายโดยปริยาย
ดิฉันกำลังคิดเรื่องนี้อยู่เช่นกันค่ะ
และสิ่งที่คาดว่าจะเป็นปัญหามากขึ้นคือโคมลอยที่เกิดความเสี่ยงที่จะตกไปเผาบ้าน อันตรายต่อการเดินอากาศ โคมลอยกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น
อีกสองคืนดิฉันคงหลับตาไม่ลง เพราะอยู่ใกล้วัดที่เขาขายโคมลอย กลัวมันตกมาใส่บ้านที่เป็นทรัพย์สินมีค่าชิ้นเดียวที่หามาทั้งชีวิต