ต้องบอกมิตรรักแฟนเพลงก่อนว่า.....
ข้าวผัดกับน้ำปลาพริก ข้างบนนี้ ไม่เกี่ยวกับบันทึกนี้แต่อย่างใดนะ
แต่...เพราะ มื้อเที่ยงของวันนี้ ครูน้อย ครู ศพด.ยกมื้อเที่ยงร้อน ๆ นี้
จากโรงอาหารตามมาให้คุณมะเดื่อที่ห้องสมุด เนื่องจาก ก่อนพักเที่ยง
เล็กน้อยคุณมะเดื่อเข้าไปที่โรงอาหาร เพื่อจะกินมื้อเที่ยงก่อนเวลา
เพราะตอนพักเที่ยงจะออกไปทำธุระนอกโรงเรียน แต่อาหาร
ที่่โรงอาหารวันนี้มี...ผัดซีอิ๊ว กับ ต้มข่าไก่ ซึ่งเป็นอาหารที่
ไม่ถูกกับคุณมะเดื่อ ( ไม่ชอบเส้น...ไม่กินไก่) จึงบอกว่า
" ไม่เป็นไร เดี๋ยวออกไปกินข้างนอกได้ เพราะจะออกไปทำธุระ
ข้างนอกพอดี" แล้วคุณมะเดื่อก็เดินกลับไปห้องสมุด นั่งตรวจงาน
ที่ค้างอีกแป๊บ เพื่อรอให้พักเที่ยงก่อนจึงจะออกไป
ครู่เดียว ครูน้อยก็ยกข้าวผัดกับน้ำปลาพริกตามมา...เล่นเอา
คุณมะเดื่อพูดไม่ถูกเลย...ทั้งแม่ครัว และครูน้อยคงไม่ได้ยินว่า
คุณมะเดื่อจะออกไปทำธุระนอกโรงเรียน จึงคิดว่า เที่ยงนี้คุณมะเดื่อ
จะไม่มีอะไรกิน และจะออกไปกินมื้อเที่ยงนอกโรงเรียน
จึงรีบทำข้าวผัดมาให้ ทั้ง ๆ ที่ทุกคนก็มีงานเต็มมือ!!
คุณมะเดื่อจึงต้องรีบบอกครูน้อยซ้ำว่า กำลังจะออกไปธุระนอกโรงเรียน
แล้วหาข้าวกินข้างนอกเลย...เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด และไม่ได้คิดว่า
เป็นความบกพร่องของแม่ครัวด้วย .... แล้ว..คุณมะเดื่อก็กินข้าวผัด
" น้ำใจ" จานนั้น จนเกลี้ยงจาน...ซึ้งใจในน้ำใจแม่ครัว และครูน้อยจริง ๆ
ก่อนโรงเรียนเลิกเล็กน้อย ได้นั่งคุยกับผู้ปกครอง ที่ไปรับหลาน
เรื่องที่หลานชายชั้น ป.๕ ของเขา มีการเรียนที่เกือบจะเป็น ๐
หลานชายของเขาเป็นเด็กบกพร่องทางการอ่าน การเขียน เมื่อ
เทอมก่อน คุณมะเดื่อแยกมาสอนต่างหาก รวมกับเพื่อน ๆ อีก
๓ - ๔ คน เด็กคนนี้ พอจะอ่าน จะเขียนได้ในระดับชั้น ป. ๑ แล้ว
เป็นสัญญาณที่ดี แต่พอเปิดเทอมนี้ การอ่าน การเขียนของเขา
กลับไปที่ ๐ เหมือนเดิม สาเหตุเพราะ " เกม" จากโทรศัพท์และ
ร้านเกม ซึ่ง บ้านนี้มีเด็ก ๆ ที่เป็นหลานย่า และหลานยาย
หลายคนมาก และ ทุกคน " เล่นเกม" มากบ้าง น้อยบ้าง
เล่นชนิดที่ติดเกมก็มี อย่างเช่นเด็ก ป.๕ คนนี้ ยาย (ผู้ปกครอง)
บอกว่า เด็กชาย นอนไม่ดึก แต่ตื่น ตี ๒ ตี ๓ เพื่อมาเอาโทรศัพท์
ของแม่ ไปเล่นเกมก่อนที่คนอื่น ๆ จะตื่นมาแย่งเล่น
แม่ของเด็ก ๆ จะขายของตามตลาดนัด จึงไม่มีเวลาพอที่จะ
ดูแลเด็ก ๆ ส่วนใหญ่จึงเป็นหน้าที่ของยาย ยายเล่าว่า
พอแม่ของเด็ก ๆ กลับจากขายของ เด็ก ๆ ก็จะรีบแย่งเอา
โทรศัพท์ของแม่ มาเล่นเกมกันทันที หากเป็นวันหยุด
เด็ก ๆ ก็จะไปร้านเกม วันไหนไม่มีเงินค่าชั่วโมงเล่นเกม
ก็จะนั่งดูคนอื่น ๆ เล่น...! เรื่องการอ่าน การเขียนหนังสือ
ไม่ต้องพูดถึง ไม่สนใจเลย....เด็ก ๆ จะไม่มีการบ้านมาส่งครู
ไม่เคยมีสมุด หนังสือ หรืออุปกรณ์การเรียน
ที่ครบเหมือนคนอื่น เพราะเมื่อกลับถึงบ้าน ถ้าไม่เล่นเกม
ก็ออกเที่ยว ไปร้านเกม ไม่เคยสนใจเรื่องเรียน
คุณมะเดื่อจึงบอกว่า ... ฝากไปบอกแม่ของเด็กด้วยว่า อย่าให้
โทรศัพท์มือถือกับลูก ๆ ให้เก็บไปเลย และใช้มาตรการเด็ดขาด
ห้ามเล่นโทรศัพท์ ให้อ่านหนังสือทุกวัน หากรักลูกต้องใจแข็ง
เด็กยังอยู่แค่ป.๕ ยังเป็นไม้อ่อนอยู่ รวมทั้งหลานคนอื่น ๆ ที่ยังอยู่
ชั้นรอง ๆ ลงไป (จนเล็กสุดอยู่ ป.๑ ก็ติดเกมโทรศัพท์แล้ว) หาก
ยังปล่อยไปอย่างนี้...ก็จะต้องเสียใจกันเมื่อปลายมือ ความทุกข์
ก็จะตามมา....ทุกข์ของใคร...ถ้าไม่ใช่...พ่อ แม่ ผู้ปกครอง !!
ความจริง....ที่จะต้องเป็นปัญหาอันนำพาความทุกข์มาสู่ผู้ปกครอง
และครูในปัจจุบันนี้ ก็คือ " สังคมออนไลน์ " ไม่ว่าจะเป็น
ไลน์ เฟสบุ๊ค หรือ เกมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น จากคอม ฯ หรือมือถือ
คุณมะเดื่อลองถาม เด็ก ป.๖ ดูว่า " ใครเล่นเฟส เล่นไลน์" บ้าง
ปรากฏว่า เด็กทั้งชั้น ๒๘ คน ยกมือเกือบทั้งห้อง มีเพียงสองสามคน
ที่ไม่ได้เล่น และที่สำคัญ เด็ก ๆ หลายคน ไม่รู้ว่า ครู สามารถเข้า
ไปถึงเฟสบุ๊คของเขาได้ ทำให้ครูรู้พฤติกรรมการใช้สังคมออนไลน์
ที่ผิดเพี้ยนจากธรรมชาติของเด็กวัย ๑๑ - ๑๒ ปี...ที่น่าเศร้ายิ่งนัก
ผู้ปกครองในสังคมชนบท ไม่เคยคำนึงถึงภัยของสังคมออนไลน์
เมื่อลูกอยากได้มือถือ ก็จะหาซื้อให้ แม้ว่าลูกจะอยู่แค่ ป.๑ ป.๒
ไม่เคยคิดว่ามันจำเป็นหรือไม่ แต่ อาจจะคิดว่า เป็นการดี ที่ลูก
จะไม่ไปเที่ยวเตร่่ที่ไหนให้ต้องเป็นห่วง อีกทั้งไม่ต้องเป็นภาระ
ของพ่อแม่ ให้ต้องมานั่งดูแล หรือดุว่า เวลาลูก ๆ ซุกซน
อนิจจา....พ่อแม่ ผู้ปกครองอาจจะคิดไม่ถึงว่า...กำลังหยิบยื่น
" โรคร้ายแรง ให้ลูกเอาไปใส่สมอง" แล้ว...กว่าจะรู้มันก็อาจจะ
สายเกินแก้ไปแล้ว !!
อิทธิพลของโลกโซเชียล....ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้ปกครอง
ประกอบกับความล่มสลายของสถาบันครอบครัว...คือ มหันตภัย
ของอนาคตชองชาติที่จะมีต่อเด็กและเยาวชนเหล่านี้ ซึ่งจะไปเป็นผู้รับ
ผิดชอบต่อสังคม และประเทศชาติต่อไป....แต่..อย่าว่าแต่
จะไปรับผิดชอบสังคมและประเทศชาติเลย...แม้แต่ตัวของเขาเอง
ก็คงจะรับผิดชอบอะไรไม่ได้เลย...หากผู้ใหญ่ในวันนี้
ไม่ได้ตระหนักถึงผลร้ายของ " เชื่้อโรคออนไลน์์ " ที่พ่อแม่
ผู้ปกครองหยิบยื่นให้กับลูกหลานของเขาอยู่ในขณะนี้
อย่างไม่รู้เท่าทัน เพียงคิดว่า...เป็นความทันสมัยที่ต้องมี
ต้องเป็น......
.....เศร้านะ...!!......................
พี่ว่าเราต้องจัดการเรื่องเด็กติดเกมระดับประเทศแล้วละ
พ่อแม่ก็มัวทำมาหากิน ไม่รู้ภัยจากเกม ไม่รู้วิธีจัดการกับลูกอย่างเหมาะสม
โรงเรียนก็ต้องช่วยอีกแรง ต้องหาวิธีให้ได้
พี่ละห่วงจริงๆ
จัดการ ในความหมายของพี่ คือวิธีที่เหมาะสมนะคะ ซึ่งต้องการผู้รู้หลายๆ สาขาช่วยแนะนำ
หวัดดีพี่นุ้ย บุคคลแรกที่จะต้อง " จัดการ"
ตามความหมายที่พี่นุ้ยว่าก็คือ " พ่อ แม่ ผู้ปกครอง" จ้ะ
หากพ่อแม่ผู้ปกครองจัดการเรือ่งการติดเกมของลูกหลานได้
คนอื่นก็ไม่ต้องกังวลและไม่หนักใจนักจ้ะ
สำหรับโรงเรียนนั้น...ตามไปจัดการที่บ้านไม่ได้ง
เด็ก ๆ ไม่ได้เล่นเกมที่โรงเรียน แต่กลับไปเล่นที่บ้าน
จึงเป็นปัญหาหนักที่โรงเรียนตามไป " จัดการ" ไม่ได้จ้ะ
ขอบคุณจ้ะพี่นุ้ย
"ความล่มสลายของสถาบันครอบครัว...คือ มหันตภัย
ของอนาคตชองชาติที่จะมีต่อเด็กและเยาวชน"
เป็นข้อความที่น่าเป็นห่วงมากๆเลยนะครับ
น่าเป็นห่วงเลยครับ
เกมน่าสนใจเด็กๆเลยไม่ได้อ่านหนังสือที่มีประโยชน์และมีจินตนาการที่ดี
สวัสดีจ้ะคุณพิชัย หากทุก ๆ คน โดยเฉพาะผู้ปกครอง
ยังมองไม่เห็นโทษภัยของเกมที่มีต่อลูกหลานเสียตั้งแต่บัดนี้ล่ะก้อ
อนาคตของชาติ จะถึงวกฤติแน่ ๆ เพราะคนรุ่นหลังขาดคุณภาพ
และไร้สมองโดยสิ้นเชิงจ้ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจจ้าา
หวัดดีน้องอาจารย์ขจิต หนังสือกลายเป็น " ขยะ " ไม่น่าสนใจ
สำหรับเด็ก ๆ ยุคสมัยนี้แล้วจ้ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจจ้ะ
สวัสดีจ้ะยายธีที่รัก เจ้าดอกนี้ คือ " เอื้องหมายนา" ใช่หรือเปล่าจ๊ะ
ดูคุุ้น ๆ นะ วันนี้ที่เมืองสามอ่าว มีเสียงฟ้าร้องครืน ๆ อีกแล้วจ้ะ
หลังจากห่างหายมาหลายวัน ขอบคุณสำหรับกำลังใจจ้าา
เด็กๆ สายตาสั้น สายตาเอียง ต้องใส่แว่นกันมากขึ้นนะคะ เห็นผู้ปกครองบอกว่าเป็นเพราะใช้แท็บเล็ตบ่อยค่ะ และบางรายก็เล่นเกมส์ที่ร้านบ่อยค่ะ
สวัสดีจ้ะน้องอาจารย์จัน ทุกอาการที่น้องอาจารย์จันกล่าวมา
นั้น ถูกต้องทั้งหมดจ้ะ...รวมทั้งอาการเครียดตามติดมาด้วย จะแก้ปัญหานี้ได้กก
ก็คงต้องเป็นที่ครอบครัวเป็นอันดับแรกจ้ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจจ้ะ
หวัดดีจ้ะคุณเพชร เมนูเด็ดของคุณเพชรทุกเมนู
ต้องยกให้เป็น " ขั้นเทพ" เลยจ้ะ น่าหม่ำ ทั้งนั้น
แถมด้วยคุณค่าทางอาหารเกินร้อยด้วยจ้าา
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะจ๊ะ