Switzerland "Dreamland" Luzern ในวันที่ฝนพรำ


Day 3 Luzern ในวันที่ฝนพรำ

ลืมบอกไปว่า Swiss pass ที่ซื้อไป สามารถขึ้นรถเมล์ได้ด้วย แต่แปลกใจว่า เวลาขึ้นรถเมล์ ก็ไม่ยักกะมีใครมาขอตรวจดูว่ามีตั๋วขึ้นมาหรือไม่ เพราะเมื่อวานตอนที่กลับจาก Lauterbrunnen เราก็มาลงที่สถานี Interlaken Ost แล้วมาขึ้นรถเมล์หน้าสถานี เพื่อกลับไปยัง Interlaken West อันนี้เราสามารถมาดูที่ป้ายรถเมล์ได้ว่า รถเมล์สายไหน ไปไหนบ้าง ที่ป้ายรถเมล์ก็จะแสดงเวลาว่าอีกกี่นาที รถเมล์จะมา นั่งรอเนียนๆ เหมือนคนอื่น พอรถเมล์มาก็ไปรอขึ้นได้เลยค่ะ หรือถ้าไม่ชัวร์ ก็เดินไปถามคนขับได้แบบเด็กคนนี้

บรรยากาศด้านในรถเมล์

วันนี้เราออกเดินทางกันสายหน่อย ออกมาจากที่พัก ฟ้าก็สว่างแล้ว

วันนี้ใช้บริการรถไฟสวิส มาเที่ยวที่ Luzern วิวระหว่งทางไปเทพมาก ตื่นเต้นกันใหญ่

ดื่มด่ำกับบรรยากาศไปตลอดทาง สักพักรถไฟก็พาเราเดินทางมาจนถึง Luzern ขณะนั้นเวลา 09.55 ตรงเวลามาก

ถึงละ สถานีรถไฟ Luzern

ไปถึงตอนเช้าๆ อากาศดูชื้นๆ เย็นๆ ท้องฟ้าไม่ต้องพูดถึง มัวแบบสุดๆ ฝนกำลังจะตกนั่นเอง

เดินออกจากสถานีไปทางชิงช้าสวรรค์ เลียบแม่น้ำรอยซ์เข้าไว้ก่อน ทิวทัศน์อีกฝั่งแม่น้ำนี่เป็นบรรยากาศก่อนฝนตกของจริงเลย เวลาขณะนี้ กว่า 10 โมงเช้าแล้ว

เดินข้ามสะพานคอนกรีต เพื่อถ่ายรูปสะพานไม้อันเป็น landmark ของที่นี่

เดินผ่านร้านขายของเป็นบูธเล็กๆ หัวสะพาน กำลังจะเปิดร้าน มีผลไม้รูปร่างไม่คุ้นตาวางอยู่ในกล่อง

ไปรษณีย์ของเมือง เด่นเป็นสง่า ใหญ่โต อลังการมาก

ยังคงชื่นชมสะพานไม้และหอคอย

แม่น้ำรอยส์ มีหงส์พวกนี้อยู่เยอะมาก ได้บรรยากาศจริงๆ

เดินตรงมายังสะพานไม้อันแรก ระหว่างเดินก็มีคนเอาขนมปังมาให้นกเป็ดน้ำและพวกหงส์ เค้าก็ยื่นขนมปังให้ซันแบ่งด้วย เด็กก็เลยช่วยเค้าแจกขนมปังสัตว์ บิขนมปังเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วโปรยลงในในน้ำ อารมณ์เหมือนเราให้อาหารปลาที่บ้านเรา พอขนมปังตกลงไป เหล่าสัตว์ทั้งหลายก็ตรงรี่เข้ามาแย่งกันกิน ทั้งที่อยู่บนน้ำ และบนฟ้า

ขอนำเสนอ สะพานไม้ที่เจอบนกล่องดินสอสีที่เราใช้กันตอนเด็กๆ

ขอแตะสักหน่อย

เข้ามาด้านในละ

เค้าเอาไม้กระดานอีกแผ่นซึ่งดูใหม่กว่า มาวางทับบนแผ่นเดิมอีกที สงสัยให้คนมาเขียนอะไรอะไรไว้เป็นที่ระลึก รึเปล่าก็ไม่รู้ เด็กก็ไปอ่านใหญ่ มองหาภาษาไทย อ้าว เจอซะด้วยสิ

อีกสักรูป บนสะพานไม้ในตำนาน

เดินไปชมร้านขายของที่ระลึกที่อยู่ด้านใน สะพานไม้ช่วงนี้เค้ามีงานซ่อม เปิดให้เดินไปถึงตรงกลางแล้วก็เดินกลับ ไม่ได้ข้ามไปอีกฝั่ง เพื่อนบอกว่า ถ้าเดินข้ามไปอีกฝั่ง แปลว่าจะได้กลับมาที่ Luzern อีก แต่พอดีช่วงนี้เค้าปิดซ่อม เลยไม่ได้เดินข้ามฝั่งไป (แง)

กลับออกมาทางเดิม แล้วเดินต่อเพื่อไปยังสะพานไม้อีกอันที่อยู่ถัดไปอีกหน่อย

วิวอีกฝั่ง ตอนที่เราเดินเลยสะพานไม้มาแล้ว

ตู้โทรศัพท์ของเค้า สวยน่าใช้

ตึกแถว อีกฝั่ง สวยงามแปลกตา

มีน้ำพุให้ดื่มฟรี เด็กไม่รอช้า ชิมทันที

ระหว่างทางเดินไปก็มีคนตกปลา เห็นฝายกั้นแม่น้ำ

เดินมาจนถึงสะพานไม้อีกแห่ง สะพานอันนี้มีภาพเขียนอยู่ที่จั่วของสะพานหลายภาพอยู่ สวยมาก และเก่ามากด้วย

สะพานนี้ สามารถเดินจนข้ามไปอีกฝั่งได้ เดินมาถึงกลางสะพานก็เลยนั่งพักเอาขนมปังมากินกัน ปรากฎว่าฝนเทลงมาอย่างหนัก ตกแบบชุดใหญ่ พวกเราก็เลยหยุดอยู่ตรงนั้นเพื่อรอให้ฝนหยุดเสียก่อน อากาศทวีความหนาวเย็นขึ้นมากกว่าเดิมอีก นั่งรอสักพักก็ยังไม่หยุดแต่บรรเทาความรุนแรงลงแล้วก็เลยชวนกันเดินออกมาจากสะพานไม้ ร่มที่พกมาคนละคันได้ใช้ก็คราวนี้นันเอง กางร่มของใครของมัน แล้วก็เดินเที่ยวกันแบบนั้น ถือร่มเที่ยว

เห็นนักท่องเที่ยวคนอื่นเค้าก็ถือร่มเที่ยวเหมือนกัน พวกเราก็ไม่ย่อท้อ เที่ยวแบบเค้าก็ได้ เดินเที่ยวแบบฝนตก ก็แปลกดีไปอีกอย่างแฮะ เด็กก็ไม่ถอย เค้าเดินเด็กก็เดิน เป้ที่แบกอยู่ข้างหลังเริ่มเปียก เที่ยวแบบนี้ก็แปลกดีค่ะ ได้อีกอารมณ์หนึ่ง วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ร้านค้าส่วนใหญ่จะปิด และฝนยิ่งมาตกอีก ก็เลยเงียบกันไปใหญ่เลย

จากสะพานไม้เราก็เดินไปเที่ยวป้อมปราการ เดินไปเดินมา ขึ้นลงเนินกันจนเหนื่อย ก็เลยเดินไปเที่ยวต่อกันที่โบสถ์ ได้เข้าไปด้านในด้วยค่ะ พักเหนื่อยแป้ปนึง

แล้วก็แวะซื้อนาฬิกาเป็นของที่ระลึกที่ร้านขายของข้างหน้าโบสถ์ ได้มา 1 เรือน แต่จะบอกว่า ให้ไปซื้อร้านที่อยู่ด้านหน้าอนุเสาวรีย์สิงโตจะดีกว่า เพราะราคาถูกกว่าค่ะ เนื่องจากว่าเราไม่รู้เช่นนั้น ได้ซื้อไปซะแล้ว พอไปเจออีกร้านราคาถูกกว่านี่ ร้องให้หนักมาก

จากโบสถ์ เดินไปเที่ยวที่อนุเสาวรีย์สิงโตที่เป็น Landmark อีกแห่งของเมือง Luzern ระหว่างทางผ่านร้าน Old Swiss House ที่ใครไปมาก็จะต้องถ่ายรูปมาเป็นมุมมหาชน

เดินไปจนถึงอนุเสาวรีย์สิงโตที่นอนร้องให้อยู่ พอไปถึงนะ ความรู้สึกแรกคือ มันช่างยิ่งใหญ่สวยงามมาก อยากจะอยู่ อยากจะเก็บความประทับใจไว้นานๆ สวยจริงๆ ค่ะ คนที่สร้างเก่งมากมาก

ถ่ายรูปกับสิงโตสักแป้ป ช่วงนี้ฝนก็แทบจะหยุดตกแล้ว นักท่องเที่ยวเริ่มมีหนาตามากขึ้น นักท่องเที่ยวชาวจีนก็เริ่มมา (วันหลังๆ ของการเที่ยว จอคนไทยที่ไปเที่ยวเอง เล่าให้ฟังว่า ได้มาเที่ยวที่นี่แล้วเจอนักท่องเที่ยวชาวจีน เห็นชาวจีนบ้วนน้ำลาย ลงในสระที่อยู่หน้าสิงโตด้วย เศร้าใจจัง)

ต่อจากนั้น พวกเราก็ชวนกันเข้าพิพิธภัณฑ์กลาเซีย ที่อยู่ติดกับสิงโต เพื่อที่จะหาที่กินข้าวกลางวันด้วย Swiss pass เข้าฟรีค่ะ เนื่องจากฝนตก บริเวณโรงอาหารก็เลยไม่มีคน เราหาที่นั่งด้านข้างที่กินข้าว แล้วจัดการกับอาหารกลางวันที่เตรียมมากันให้เรียบร้อย

มีเหตุนิดหน่อยสำหรับอาหารกลางวัน นั่นก็คือ “ลืมเอาช้อนไป” แต่โชคดีที่เอาช้อนกาแฟไป (คือพกกระติกบรรจุน้ำร้อนและแก้วน้ำ ช้อนกาแฟไปด้วย เผื่อใครหิวอยากกินอะไรร้อนๆ ก็จะชงกินกัน อย่างเช่น โอวัลตินซอง กาแฟซอง ทำนองนี้) คือ โชคดีที่เอาช้อนกาแฟไป วันนี้ทุกคนก็เลยกินข้าวกล่องที่เตรียมไปด้วยช้อนกาแฟ...

พิพิธภัณฑ์กลาเซีย

เดินเที่ยวในพิพิธภัณฑ์กัน มีของน่าสนใจหลายอย่าง สนุกสนานดีค่ะ สักพักก็เริ่มเหนื่อย หนาวด้วย เปียกด้วย ก็เลยชวนกันกลับค่ะ ก่อนออกไปก็ซื้อสิงโตจำลองกลับมาด้วยตัวนึง 18 ฟรังค์ เป็นที่ระลึก คือมันมีเสน่ห์จริงๆ จนอยากจะมีไว้เป็นที่ระลึก

อีกสักรูป ก่อนกลับ

ตามธรรมเนียม ต้องดื่มน้ำพุ

กลับที่พักเพื่อพักผ่อนเอาแรงดีกว่า วันนั้นนอนตั้งแต่ยังไม่ถึงสองทุ่ม จะเห็นว่าเที่ยว 2-3 วันที่ผ่านมานั้นธรรมชาติไม่ค่อยเป็นใจ แต่ก็นั่นแหละ พวกเราก็ไม่ได้คาดหวังความ perfect เราแค่ขอมาอยู่ มาเห็น ว่าคนในประเทศที่เราไปเยือน เค้าอยู่กันอย่างไร รอติดตามตอนต่อไปนะคะ พรุ่งนี้อากาศจะดีแล้วค่ะ

หมายเลขบันทึก: 597261เขียนเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2015 20:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2015 20:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ชอบใจธรรมชาติ

อ่านพลินเลยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท