หน้าแรก
สมาชิก
วิทยา
สมุด
วิทยา ทองยุ้น
ปัญหาการศึกาษา (2)
วิทยา
นาย วิทยา วิทย์ ทองยุ้น
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
ปัญหาการศึกาษา (2)
ผู้ใหญ่ใจร้าย ไม่ให้โอกาสเด็ก
ที่มา
:
http://www.eduzones.com/news-1-1-32622.html
โดย
:
sutthira (
ศูนย์ข่าว
Eduzones.com)
ผู้ใหญ่ใจร้าย ไม่ให้โอกาสเด็ก !!!
นี่คือเสียงสะท้อนหนาหู ที่โพสต์เข้ามาแสดงความเห็นของน้องๆ ที่
Eduzones
ในฐานะที่ ชุมชนแห่งนี้ คือ แหล่งศูนย์กลางด้านการศึกษา และขณะนี้ สมาชิกส่วนหนึ่งของชุมชนแห่งนี้ เห็นว่า ระบบแอดมิชชั่น ที่นำมาใช้คัดเลือกบุคคลเพื่อเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยนั้น เป็นระบบที่ไม่ดีเลย เมื่อเทียบกับระบบเอนทรานซ์เก่า ทั้งในเรื่องการกำหนด สัดส่วน
GPAX ,GPA
การใช้คะแนนสอบ
ONET
ครั้งแรก ฯลฯ จึงทำให้เกิดข้อเคลือบแคลงใจว่า เมื่อไม่ดีกว่าเก่า แล้วนำมาใช้ทำไม
?
ที่สำคัญ ระบบนี้ ไม่ให้โอกาสเด็กแก้ตัวใหม่ได้เลย
เรื่องราวทั้งหมดสรุปจบลงที่ ผู้ใหญ่ใจร้าย ไม่ให้โอกาสเด็ก และไม่ฟังความคิดเห็นของเด็กเลย !!
เพื่อไม่ให้เสียงสะท้อนนี้ ปลิวหายไปกับสายลม
“
ศูนย์ข่าวการศึกษา
Eduzones”
จึงทำหน้าที่แทนเจ้าของกระทู้ทั้งหลาย ด้วยการนำข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะ รวมทั้งปัญหาต่างๆ ที่มีในกระทู้ ไปสัมภาษณ์ผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับเรื่องระบบแอดมิชชั่น ซึ่งผู้ใหญ่ท่านนี้ คือ ดร.จิรณี ตันติรัตนวงศ์ รักษาการ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)
ดร.จิรณี ตอบคำถามแรก ที่
“
ศูนย์ข่าวการศึกษา
Eduzones”
เปิดประเด็น
“
แอดมิชชั่น ดีกว่าเอนทรานซ์อย่างไร
?”
ว่า ก่อนอื่นอยากให้เข้าใจถึงเป้าหมายของการปรับเปลี่ยนระบบสอบคัดเลือกก่อนว่า เป้าหมายหลัก คือ ต้องการเตรียมความพร้อมให้กับเด็ก หรือบุคลากรของชาติ ให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคโลกาภิวัตน์ได้
ทั้งนี้ เห็นว่าเด็กในวัยระดับอุดมศึกษา เป็นวัยที่มีความพร้อมมากที่สุด จึงได้มีการปรับเปลี่ยนระบบสอบคัดเลือกใหม่ โดยให้เด็กหันมาใช้เทคโนโลยี นั่นคือ การสมัครสอบผ่านทางอินเตอร์เน็ต เป็นโครงการนำร่อง แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นวางมือให้เด็กรับผิดชอบตามลำพัง เพราะยังมีเจ้าหน้าที่ศูนย์สอบ ให้บริการอินเตอร์เน็ต รวมทั้งคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ได้เตรียมความพร้อมเรื่องการวางแผนชีวิต โดยระบบแอดมิชชั่น ช่วยวางแผนชีวิตให้กับเด็กอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่ระบบเอนทรานซ์ ไม่ได้มีการวางแผนชีวิต แต่ใช้วิธีให้เด็กเสี่ยงเอาข้างหน้า
เพราะฉะนั้น เด็กที่วางแผนชีวิตมาอย่างดี รู้จักคิดล่วงหน้า ย่อมเป็นเด็ก หรือเป็นบุคลากรของประเทศ ที่มีคุณภาพมากกว่าอย่างแน่นอน
ซึ่งการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา ตั้งแต่ช่วงชั้น ป.
3
จนถึง ม.
6
คือการวางแผนชีวิต ขณะเดียวกัน ก็สามารถนำผลคะแนนเฉลี่ยของเด็กไปพัฒนาครู และนักเรียน ช่วยลบปัญหาต่างๆ เช่น หากพบว่าโรงเรียนหนึ่งนักเรียน ทำคะแนนภาษาอังกฤษ ได้น้อยกว่าเกณฑ์เฉลี่ย ก็ต้องไปดูว่าครูผู้สอน เป็นครูที่จบเฉพาะทางด้านภาษาอังกฤษ หรือเป็นครูที่จบสาขาอื่น จะได้แก้ปัญหาได้ถูกจุด หรือหากพบว่าคะแนน
ONET
ทั้ง
5
สาระการเรียนรู้ของโรงเรียนหนึ่งโรงเรียนใด เด็กทำคะแนนได้ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย ก็จะได้วิเคราะห์สถานการณ์จริงได้ว่า เพราะเด็กไม่สนใจ หรือเพราะเด็กไม่เข้าใจ เพื่อให้ครูและเด็กเข้าใจตรงกันว่า การประเมินเป็นประโยชน์ของโรงเรียน และเด็กก็จะต้องวางแผนตัวเอง และอ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมอ
ถ้าไม่ต้องนำคะแนน
ONET
มาใช้ในระบบแอดมิชชั่นจะได้มั้ย
?
ดร.จิรณี กล่าวยอมรับว่า จริงๆแล้ว ไม่จำเป็นต้องนำคะแนนโอเน็ตมาใช้ก็ได้ ถ้าหากว่า คะแนน
GPA
กับคะแนน
ONET
ออกมาเท่าๆกัน เพราะฉะนั้น จะใช้
GPA
ก็ได้ หรือคะแนน
ONET
ก็ได้ แต่ทุกวันนี้ ที่ยังจำเป็นต้องใช้คะแนนโอเน็ต เพราะว่า สังคมยังไม่เชื่อใจในมาตรฐานการตัดเกรดของโรงเรียน รวมทั้งมหาวิทยาลัยเอง ก็อยากได้ตัวถ่วงน้ำหนักปัญหานี้
“
อยากให้สังคมมั่นใจว่า ทุกฝ่ายต้องการทำสิ่งที่ดี ซึ่งอาจจะถูกใจบางคน หรือไม่ถูกใจบางคน เพราะว่ามุมมองไม่เหมือนกัน มีส่วนได้ส่วนเสีย ต่างคนต่างก็มองจากจุดที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับตัวเอง ตามหลักมนุษย์ปุถุชนทั่วไป
”
ดร.จิรณี กล่าวอีกว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่า พ่อแม่มีส่วนสำคัญในการกดดันลูก ให้เลือกเรียนสาขาที่พ่อแม่อยากให้เรียน แทนที่จะให้ลูกเรียนในสิ่งที่อยากเรียน จึงทำให้เกิดปัญหาเด็กซิ่ลไม่สิ้นสุด จึงอยากฝากบอกผู้สมัครเรียนทุกคนว่า อย่าสร้างแรงกดดันให้กับตัวเองเกินไป นั่นก็คือ ถ้าหากสอบแอดมิชชั่นไม่ติด ไม่ได้แปลว่า เราไม่มีสิทธิ์เรียนอีกต่อไป เพราะยังมีภาคพิเศษ หรือมีมหาวิทยาลัยเอกชนให้เลือกอีกตั้งมากมาย
ขณะเดียวกัน ถ้าหากยึดมั่นในสาขา ก็ไม่ต้องยึดมั่นมหาวิทยาลัย เพราะขณะนี้ มีมหาวิทยาลัยทั่วประเทศเปิดให้สอบตรง ซึ่งเท่ากับเป็นการกระจายโอกาสเด็กไปทั่วประเทศเช่นเดียวกัน
ดร.จิรณี กล่าวทิ้งท้ายว่า การปรับระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัยทุกครั้ง สกอ.ได้เก็บข้อมูลมาโดยตลอด และทุกครั้งของการปรับเปลี่ยน ก็จะต้องมีกลุ่มที่บอกว่าดีแล้ว ขณะที่เด็กอีกกลุ่มก็จะไม่เอา หรือไม่รับการปรับใหม่ และเมื่อให้โอกาส ก็อยากได้โอกาสไม่มีสิ้นสุด ในขณะที่ สกอ.ทำงานในเชิงระบบ เพราะฉะนั้น จะมายกเว้นบางกรณี เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่ได้
เขียนใน
GotoKnow
โดย
วิทยา
ใน
วิทยา ทองยุ้น
คำสำคัญ (Tags):
#วิทยา
#ทองยุ้น
หมายเลขบันทึก: 59623
เขียนเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2006 14:12 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:21 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
วิทยา
สมุด
วิทยา ทองยุ้น
ปัญหาการศึกาษา (2)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท