ผู้ป่วยหญิง อายุ 54 ปี สาวโสด บ้านอยู่กรุงเทพ อยู่คอนโดคนเดียว ทำงานเป็นผู้จัดการดูแลนักร้อง มีพี่น้อง 1/4 มีมารดาอายุ 84 ปี เป็น CA Rt. Breast S/P Rt. MRM เมื่อ 12 ปีก่อน ได้รับเคมีบำบัดรักษา และได้รับการฉายรังสีบริเวณเต้านมข้างขวา และรักแร้ข้างขวา
เมื่อ 2 ปีก่อน มีอาการปวดบริเวณกระดูกชายโครงขวา ผลการทำ bone scan : multiple bone metastasis อาการปวดกินยา tramal 50 mg prn q 8 hr.
10 วันก่อนมารพ. มีอาการเหนื่อยหอบ พบว่า มี bilateral pleural effusion and pulmonary metastasis ได้รับออกซิเจนผ่านทางหน้ากาก
1 วันก่อนมารพ. เหนื่อยมากขึ้น หายใจ 40 ครั้งต่อนาที BP 170/110 mmHg. HR 130 beat/min SpO2 88% ไม่ได้นอนมา 3 วันแล้ว ต้องนั่งหายใจหอบเหนื่อยตลอดเวลา (นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องพิเศษในโรงพยาบาลรัฐบาล) ได้ทำ advanced care plan กับผู้ป่วย และน้องสาว
หมอ : หมอเป็นแพทย์เวรประจำวันนี้นะคะ หมอขอทราบบางอย่างนะคะ คุณพอจะทราบไหมคะว่า คุณเป็นอะไร และโรคอยู่ในระยะไหน
ผู้ป่วย : ดิฉันทราบว่าตนเองเป็นโรคที่รักษาไม่หาย เพราะมีการกระจายไปที่กระดูกแล้ว แต่ดิฉันเหนื่อยมากค่ะหมอ ขอให้หมอทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ดิฉันหายเหนื่อยค่ะ แต่ดิฉันไม่ขอทรมานนะคะ (และไม่ยอมตอบอะไรอีกต่อไป)
หมอ : ค่ะ หมอจะให้ยาที่จะลดอาการเหนื่อยของคุณค่ะ และยาตัวนี้ก็จะสามารถที่จะทำให้คุณได้นอนพักบ้างนะคะ
หลังจากฉีดยามอร์ฟีนไปก็ย้ายผู้ป่วยไปที่หอผู้ป่วยไอซียู เพื่อที่จะให้ผู้ป่วยใช้เครื่องมือ Non Invasive Positive Pressure Ventilation (NIV) และให้ยามอร์ฟีนเข้าทางน้ำเกลืออย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
หลังจากย้ายผู้ป่วยมาอยู่ที่หอผู้ป่วยไอซียู ได้ 1 วัน มีนักร้องที่ผู้ป่วยดูแล มาเยี่ยมผู้ป่วย และเกิดการทะเลาะกันระหว่างน้องสาวของผู้ป่วยและดาราในห้องไอซียู ทั้งๆที่ผู้ป่วยยังรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ผู้ป่วยดูท่าทางไม่สบายใจมาก ออกจะมีพฤติกรรมเงียบซึมไปหลังจากที่น้องสาวและดาราทะเลาะกัน
ได้ทำ family meeting อีก 1 วันต่อมา พบกับคุณแม่ น้องสาว น้องชาย และหลานของผู้ป่วย รวมแล้ว 10 คน พยาบาลไอซียู 2 คน
น้องสาว : หมอคะ ดิฉันขอถามค่ะว่า พี่สาวของดิฉันจะอยู่ได้นานไหมคะ
หมอ : ไม่นานค่ะ แต่ไม่ทราบว่าจะอยู่ได้กี่วัน แต่ทางหมอและพยาบาลจะดูแลอย่างดีที่สุดค่ะ
น้องสาว : ดิฉันอยากให้คุณหมอช่วยกันคนที่ทำงานของพี่สาวดิฉันได้ไหมคะ เพราะเขาจะมีแต่เรื่องเดือดร้อน เรื่องที่ทำงานมาให้พี่สาวดิฉันไม่สบายใจเสมอค่ะ
หมอ : ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้คะ หรือมีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้คุณคิดแบบนั้น
น้องสาว : ดิฉันได้อ่านไลน์ของพี่สาว พบแต่คำที่ไม่อยากจะบรรยายให้คุณหมอทราบค่ะ
หมอ : ลองยกตัวอย่างก็ได้ค่ะ
น้องสาว : เช่นไปตายให้เร็วๆซะ อย่ามีชีวิตอยู่เลย อยู่ไปก็รกโลก (น้องสาวพูดไปก็น้ำตาไหลไป เพราะสงสารพี่สาวตนเองที่ต้องพบเจอแต่เหตุการณ์แบบนี้มาตลอด ตนเองไม่เคยทราบเรื่องเหล่านี้มาก่อน ผู้ป่วยไม่เคยเล่าให้ฟังเลย บอกแต่ว่าที่ทำงานดีตลอด)
น้องสาว : พี่สาวดิฉันเป็นคนดีมากค่ะหมอ มีเมตตา และอดทนมาตลอด ทำงานให้เขาตั้งแต่เช้าจนตีสองตีสามมาตลอด 10 กว่าปีค่ะ จนขนาดป่วยขนาดนี้ก็รีบๆ มานอนโรงพยาบาลแล้วก็รีบกลับไปทำงานให้กับทางบริษัท และเขาต้องมาพบเจอแต่เรื่องร้ายๆมาตลอด พอดิฉันอ่านไลน์ของพี่สาวแล้ว ดิฉันรู้สึกว่าคนที่ทำงานของเขาไม่ควรจะมาเยี่ยมเลยค่ะ ดิฉันโกรธแทนพี่สาวค่ะ (น้ำตาไหลตลอดที่พูด)
หมอ : หมอยากชวนคุณลองคิดว่าถ้าคนอื่นต้องการมาเยี่ยมผู้ป่วย เขาอาจจะต้องการมาขอขมาลาโทษกัน หรือขออภัยกันในวาระนี้ก็ได้นะคะ
น้องสาว : อืม คุณหมอนี่สนใจในรายละเอียดเรื่องเล็กๆน้อยๆ เหล่านี้ด้วยนะคะ
หมอ : ค่ะ หมอต้องการให้ผู้ป่วย และญาติได้เข้าใจกัน รวมทั้งสิ่งที่ผู้ป่วยและญาติไม่สบายใจควรจะแก้ไขไปในทางที่ดีขึ้นค่ะ
น้องสาว : คุณหมอเป็นคนที่เข้าใจจิตใจคนไข้และญาติมากเลยค่ะ
หมอ : หมอคิดว่า ในวาระท้ายของชีวิต ถ้าการที่เราได้ทำในสิ่งที่ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยต้องการเพื่อความสบายใจของผู้ป่วยและญาติ หมอยินดีทำให้ค่ะ และขอแนะนำแบบนี้ค่ะ ถ้ามีคนมาเยี่ยม หมอจะให้คุณพยาบาลเข้าไปขออนุญาตผู้ป่วยว่ายินดีจะให้คนคนนี้เข้าเยี่ยมได้ไหม ดีไหมคะ เพราะหมอก็บอกตรงๆ นะคะว่าทางพยาบาลหรือทางโรงพยาบาลคงจะเป็นผู้คัดกรอง หรือห้ามไปหมดคงจะยากค่ะ ทางเราคงจะไม่ทราบว่าความสัมพันธ์ที่ผู้ป่วยกับคนที่มาเยี่ยมดีต่อกันหรือไม่ค่ะ และหมอยังมองว่าในโอกาสนี้ยังเป็นโอกาสอันดีของคนที่ไม่เข้าใจ หรือคนที่ขัดแย้งกันมาอโหสิกรรม หรือขอขมากันค่ะ
น้องสาว : ค่ะ คุณหมอ คุณหมอช่างแนะนำได้ดีมากค่ะ เพราะมองกลับไปเราทุกคนก็ทำเพื่อให้ผู้ป่วยสบายใจและไม่ทรมานค่ะ ขอให้เขาจากไปอย่างสงบค่ะ ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ คุณหมอสนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ด้วยค่ะ ดิฉันไม่เคยพบเจอคุณหมอแบบนี้เลยค่ะ
พญ. ฉันทนา หมอกเจริญพงศ์
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
ไม่มีความเห็น