เดิมผมได้เรียนรู้ Motivational Interview หรือ MI สมัยศึกษากิจกรรมบำบัดเฉพาะทางสุขภาพจิตสังคมตอนอยู่ที่ออสเตรเลีย แต่เป็นการบูรณาการเทคนิค MI ร่วมกับ Self-Management Model of Chronic Care + Mental Health Recovery & Counselling ก็พัฒนาต่อยอดประสบการณ์ทางคลินิกเรื่อยมา ซึ่งท้าทายมากกับกรณีศึกษาที่ผ่านมาในโรงเรียนการจัดการความสุข
ท่านอาจารย์ Lotta แนะนำหลักการ MI ซึ่งศึกษาเพิ่มเติมได้ ที่นี่ พร้อมอ้างอิงให้อ่าน MI in Healthcare: Help patient change behavior เพิ่มเติม
โดยสรุปประเด็นสำคัญที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อกัลยาณมิตรทุกท่าน รวมทั้งผู้รับบริการ (ผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกาย และ/หรือ จิตสังคม พร้อมผู้ดูแล-ผู้ปกครอง) คือ:-
ตัวอย่างของดร.ป๊อปที่เคยทดลองใช้ MI ผ่านไลน์กับเคสวัยรุ่นที่มีสันหลังคดและไม่ยอมออกกำลังกายกับนักกายภาพบำบัด
ดร.ป๊อป: เราจริงใจครับ วันนี้น้องได้เรียนรู้อะไรจากการทำกิจกรรมที่ตัวเองเป็นคนเลือก "ยืนวาดรูป"
เคส: สนุกดี ได้เคลื่อนไหวให้พัฒนาสมองสองซีกที่เราใช้น้อยไป
หลังจากกลับบ้าน คุณแม่ไลน์มาปรึกษาต่อ
คุณแม่ของเคส: ไม่รู้ว่าน้องจะเอาจริงจังได้นานเท่าไร
ดร.ป๊อป: น้องจะจริงจังภ้าคุณแม่ปล่อยบ้างครับ ค่อยๆลองปรับกิจกรรมให้เข้าใจนะครับ
คุณแม่ของเคส: ขอบคุณมากค่ะ แล้วจะรายงานผลเป็นระยะค่ะ
สามอาทิตย์ถัดมา
คุณแม่ของเคส: อาทิตย์ก่อนพาน้องมาทำกายภาพ พี่นักกายภาพบอกเชิงว่าอาจจะให้น้องกลับไปนึกดูว่าต้องการรักษาหลังต่อหรือไม่ ถ้าตัดสินใจว่าไม่ ก็จะได้ไม่ต้องมา เพราะพี่ๆเขาอยากให้น้องตั้งใจบริหารหลังโดยไม่ต้องให้แม่เรียก คุณแม่ควรพูดกับน้องไปตรงๆมั้ยค่ะ แล้วเราควรพูดปลุกจิตให้น้องต่อสู้หรือสร้างความพยายามยังไงดีคะ น้องเขาไม่รู้สึกว่าหลังเขาเป็นปัญหาค่ะ
ดร.ป๊อป: คิดว่า คุยตรงประเด็นเรื่องหลังแบบเปิดใจพ่อแม่ลูกและมีนักกายภาพบำบัดอยู่ด้วย เช่น น้องจะตั้งใจบริหารหลังด้วยตนเองอย่างไร ถ้าทำจะเป็นอย่างไร ถ้าไม่ทำจะเป็นอย่างไร และมีทางเลือกอื่นๆที่ไม่ชอบออกกำลังกายหรือไม่ ถ้ามีคืออะไรบ้าง แต่การคุยต้องให้เวลาน้องได้ทบทวน ไม่เร่ง ไม่ตัดสินใจแทน ให้น้องคิดเลือกอย่างอิสระ โดยทั่วไปถ้าเลิกไม่ออกกำลังกาย...ก็ควรมีกิจกรรมอื่นๆ ที่เราเคยคุย เช่น เล่นกีฬาที่มีการใช้หลังสมดุล เต้นลีลาศ ว่ายน้ำท่ากรรเชียง การยืนวาดรูป การขยับตัวทำคอม การขยับทุกทิศทางทำอาหารโปรด ฯลฯ หรือถ้าปรับพฤติกรรมให้อยู่เฉยๆ แบบ Sitting Disease (ขอบพระคุณอ.ชุติมาที่แนะนำ) สักหนึ่งหรือสองอาทิตย์แล้ว Feedback ให้นักกายภาพบำบัดตรวจดูว่า หลังคดมากขึ้นมั้ย เพื่อชวนคุยเปิดใจต่ออีกรอบ ต้องทำงานเป็นทีม อดทน ใช้เวลา ใจเย็นๆ สู้ๆครับ ... ให้นักกายภาพบำบัดอ่านข้อความนี้ได้นะครับ
คุณแม่ของเคส: ขอบคุณมากค่ะอาจารย์ เมื่อเย็นวานคุยกับนักกายภาพ สรุปว่าช่วงนี้ลองปล่อยเขาไปก่อน ไม่พูดเรื่องหลังเลย นัดทำกายภาพเป็นระยะ เอาแบบตามสะดวกของน้องไปก่อน ไม่บังคับ อยู่บ้าน แม่ก็จะใช้วิธีกิจกรรมบำบัดของอาจารย์ ตอนนี้บอกเขาว่า เวลาจะนั่งทำงาน ให้เอาของทุกอย่างที่จะใช้ สมุด หนังสือ ปรับมาด้านซ้าย เขาก็ร้องไห้หนักมากๆเลยค่ะ บอกว่าจะไม่สนใจหลังแล้ว
ดร.ป๊อป: ให้เวลาน้องเพื่อเรียนรู้และเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง คุณแม่ถอยออกมาบ้างแล้วทบทวนตัวเองเช่นกัน สู้ๆครับ
คุณแม่ของเคส: เมื่อคืนเลยได้คุยกับพ่อของน้อง เขาก็คิดเห็นเหมือนคำแนะนำของอาจารย์ข้างต้น อาทิตย์นี้คืบหน้ายังไง จะรายงานให้ทราบค่ะ
ขอบพระคุณมากครับอ.อ้อมและอ.ต้น
ขอบคุณมากครับ อาจารย์ ^_^
ยินดีและขอบคุณมากครับคุณ Pratapun noo
ขอบพระคุณมากครับพี่อ.ดร.จันทวรรณ
ขอบพระคุณมากครับพี่ noktalay