​พลิกมุมมองเรื่องเพศ คุยกับลูกเชิงบวก ตอน 1


เราอยากให้ลูกมีทัศนคติที่ดีต่อเรื่องเพศ แต่เราไม่มีทัศนคติที่ดี เราจะให้เขาได้อย่างไรจริงไหมคะ

เมื่อวันที่ 4-5 กรฏาคม 2558 แม่ดาวได้มีโอกาสเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ

พลิกมุมมองเรื่องเพศ คุยกับลูกเชิงบวกที่จัดขึ้นโดยโครงการพัฒนากลไกการจัดการองค์ความรู้และขยายผล :ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะร่วมกับมูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง เป็นเข้ารับการอบรม “ฟรี” และ “ดีมาก” ต้องขอขอบคุณผู้จัดการอบรมนี้ ขอบคุณทีมงาน ขอบคุณกระบวนกร และขอบคุณผู้ร่วมเข้าอบรมในครั้งนี้ทุก ๆ ท่านค่ะ

ความตั้งใจตั้งแต่ก่อนไปเข้าอบรม ตั้งใจว่าจะไปเก็บเกี่ยวความรู้มาแบ่งปันตามเคยแบบเก็บรายละเอียด อยากเล่าบรรยากาศ ความรู้ ความรู้สึก ประสบการณ์แบบที่เคยทำ ๆ มาในครั้งก่อน แต่ครั้งนี้ด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่าง ทำให้พิมพ์แบ่งปันเรื่องนี้ได้ล่าช้ามาก และมีคุณพ่อ(พ่อเคี้ยง)ท่านหนึ่งที่ไปเข้าร่วมกิจกรรมนี้ในรุ่นที่ 4 (จัดทั้งหมด 4 รุ่น ตัวเองเข้ารุ่นที่ 2) ใจดี พิมพ์แบ่งปันไว้อย่างละเอียดซึ่งสามารถไปติดตามอ่านกันได้ใน Facebook ชือเพจ คุยกับลูก เรื่องเพศ เป็นเพจความรู้ดีๆ ที่เพิ่งเปิดขึ้นมาไม่นานมานี้ เปิดหลังกิจกรรมนี้เกิดขึ้นนี่แหละค่ะ จึงคิดว่าจะเปลี่ยนแนวคิดจากเดิมที่ตั้งใจ เป็น การแบ่งปันความคิด ชวนกันคิด ความรู้ทั้งจากในการทำกิจกรรมในอบรมและเอกสารแนบที่ให้พกกลับบ้านมาด้วย ทั้งนี้ไม่ได้เรียงลำดับตามหัวข้อที่ได้รับการอบรมมากนักนะคะ เป็นการจับมายำให้แซ่บในแบบแม่ดาวๆ


พลิกมุมมองเรื่องเพศ คุยกับลูกเชิงบวก... “ คุณคาดหวังอะไรจากการมาอบรมครั้งนี้คะ” ถ้าจำไม่ผิดนี่เป็นคำถามแรกที่กระบวนกรถามพวกเรา และคุณล่ะคะคาดหวังอะไรจากการอ่านบทความนี้....มีจุดมุ่งหมายไหม มีเป้าหมายในการเรียนและรู้ครั้งนี้หรือเปล่า ถ้ายังไม่มีลองคิดดูนะคะ ลองตั้งเป้าหมายในใจกันดูไหม การอ่านอย่างมีเป้าหมาย หรือการเรียนรู้อย่างมีเป้าหมาย หรือจะเรียกว่าความคาดหวังก็ไม่น่าจะผิดเนาะ ติ๊กตอก ติ๊กตอก ติ๊กตอก.....หมดเวลา คิดได้หรือยังคะ ไม่เฉลยค่ะ เพราะเป็นคำตอบส่วนบุคคลถูกทุกข้อ ถูกทุกคน ขอให้ถูกใจ ตรงใจก็แล้วกัน ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง ถามใจตัวเองกันนะคะ และมาอ่านกันว่าในเนื้อหานี้มีอะไรที่ตรงใจ ตอบโจทย์ให้ตัวเองกันได้บ้าง


หากพูดถึงการคุยกับลูกเรื่อง “เพศ” คุณคิดถึงเรื่องอะไรบ้างค่ะที่คุยควรจะคุยกับลูก.....ส่วนตัวก่อนไปอบรม แม่ดาวคิดไม่ออกเลยค่ะ ว่าจะคุยกับลูกเรื่องเพศประเด็นไหนอย่างไร เริ่มต้นคุยยังไง จะคุยกันตอนอายุเท่าไหร่ ยิ่งมีต่อด้วยคำว่าคุยกับลูกเรื่องเพศเชิงบวกด้วยนี่ยิ่งรู้สึกว่ายากๆๆๆๆจัง !?!?!?!?!?!?!?!!!!??? คือหากพูดเรื่องนี้แม่ดาวมืดสนิท ในใจมีความกังวล รู้สึกอายที่จะคุย มีความสับสน มีแต่คำถามเต็มหัวไปหมด นี่คือเหตุผลที่พุ่งตัวไปอบรม และเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านก็อาจคิด อาจรู้สึกหรือมีคำถามในใจมากมายไม่แพ้กัน ถึงมาอ่านบทความนี้ฮ่าๆๆๆ



จากที่ไปอบรมจับประเด็นเองว่า สิ่งที่เราควรรู้ เพื่อใช้ในการคุยเรื่องเพศกับลูกคือ

  • รู้เท่าทันตัวเอง
  • รู้ข้อมูลและวิธีการสื่อสารข้อมูลในเชิงบวก ข้อนี้คงต้องหมายรวมถึงการรู้ใจลูกด้วยเนาะ
  • รู้เท่าทันสังคม

เหล่านี้ในการเข้ารับการอบรม กระบวนกรใช้กิจกรรมต่าง ๆ ในการกระตุก กระตุ้น เพื่อปลุกผู้รู้ในตัวของแต่ละคนให้ตื่นขึ้นมา และใช้การแลกเปลี่ยนพูดคุยประสบการณ์ซึ่งกันและกัน มากกว่าจะเป็นผู้ให้ความรู้เพียงฝ่ายเดียว กระบวนกรทั้งเก่งและมีพลังบวกๆ พวกเราเรียนรู้กันอย่างสนุกสนานเบิกบาน ได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งพลังกลับบ้านกัน มาเริ่มเรียนรู้ไปพร้อมกับกับข้อข้อแรก คือ


รู้เท่าทันตัวเอง...

ข้อนี้คือข้อแรก และข้อสำคัญอย่างยิ่ง ก่อนที่จะไปรู้ใจคนอื่น จะไปคุยกับลูกหรือแม้แต่กับใครๆ ก็ควรที่จะต้องรู้ใจ เท่าทัน พูดคุยกับตัวเองให้รู้เรื่องเข้าใจตัวเองเสียก่อน แล้วคุณคิดว่าความรู้ในเรื่องนี้ คุณมีมากน้อยแค่ไหน ตื่นเช้ามารู้ตัวไหมว่า ตัวเองรู้สึกอย่างไรในเช้าวันนี้ เช่น สดชื่นสดใสร่าเริง สงบๆ เย็น ๆ หงุดหงิด เศร้า ๆ เบื่อ ฯลฯ บอกได้ไหมว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจเราเนี้ย...มันมีสาเหตุมาจากอะไร สิ่งใด คุณสามารถเห็นใจ เห็นความคิด เข้าใจตัวเองได้ดีหรือเปล่า คุณรู้จักนิสัยตัวเองดีมากน้อยแค่ไหน คุณมีทัศนะคติในแต่ละเรื่องราวหรือกับบุคคลที่คุณประสบพบเจอเช่นไร คุณสามารถจัดการความรู้สึกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้อย่างไร ดีแค่ไหน มีวิธีการแบบไหน คุณมีคำตอบเหล่านี้ให้ตัวเองดีหรือยังค่ะ ฯลฯ เหล่านี้เป็นการรู้เท่าทันตัวเอง บางคนก็รู้นะ...แต่ก็ไม่ทัน เช่นรู้ว่าโกรธ แต่หยุดตัวเองไม่ได้ ปรี๊ดจัดชุดคำด่าซัดไป 1 ชุด หยุดไม่ทัน


สงสัยไหมคะ...ว่าแล้ว “ฉันจะคุยเรื่องเพศกับลูกเชิงบวกเนี้ย” มันเกี่ยวอะไรกับการต้องรู้เท่าทันตัวเอง แม่ดาวมีคำตอบค่ะ โดยการชวนกันสำรวจทัศนคติ ความรู้สึกของตัวเอง ด้วยการตอบคำถามให้ตัวเองกัน อยากชวนให้จินตนาการตาม อันนี้ต้องใช้มโนภาพช่วยด้วยนะคะ

หากคุณได้ไปในงานเลี้ยงรุ่น เพื่อนของคุณถามคุณว่า

-เป็นอย่างไรสบายดีไหม

-ชอบไปเที่ยวที่ไหน

-เวลาว่างคุณชอบทำอะไร

-ชอบอาหารประเภทไหน

คุณตอบได้ ง่าย หรือ ยาก คะ และรู้สึกอย่างไรหากต้องตอบคำถามเหล่านี้กับเพื่อนของคุณ


กับอีกชุดคำถาม หากเพื่อนของคุณ ถามว่า


-รักครั้งแรกของคุณเกิดขึ้นตอนอายุเท่าไหร่และตอนนั้นรู้สึกอย่างไร

-อวัยวะส่วนใดในร่างกายที่คุณคิดว่าเซ็กซี่ที่สุด

-เคยคุมกำเนิดไหม มีวิธีการคุมกำเนิดอย่างไร อยากให้แนะนำ เพราะเพื่อนอยากจะคุมกำเนิดบ้างแบบไม่ใช่การทำหมัน

-อยากได้ลูกชาย/ลูกสาว จะใช้ท่าไหน ยังไงที หรือมีวิธีการอื่น ๆ แนะนำไหม (คำถามนี้เคยเจอจริง ๆ นะคะฮ่าๆๆ)

คุณตอบได้ ง่าย หรือ ยาก คะ และรู้สึกอย่างไรหากต้องตอบคำถามเหล่านี้กับเพื่อนของคุณ


ยังไม่พอค่ะฮ่าๆๆ ลองจินนาการว่าคุณได้เข้าร่วมอบรมกิจกรรมนี้ กระบวนกรให้คุณทำกิจกรรมโดยส่งกระดาษ A 4 ให้คุณ 1 แผ่น และให้คุณพับเป็น 6 ส่วน ดังนั้นจะมี 6 ช่องให้ใส่ชื่อแต่ละคนที่คุณสบตาแล้วอยากคุยด้วยลงไปในแต่ละช่องและห้ามซ้ำคนกัน ในแต่ละส่วนจะมีคำถาม ที่คุณต้องนำคำถามเหล่านี้ไปถามผู้ที่เข้าร่วมอบรมท่านอื่นๆที่คุณไม่รู้จัก คำถามละ 1 คน (ห้ามซ้ำคนกัน) และคุณเองก็จะต้องตกอยู่ในสถานะการเป็นผู้ตอบคำถามทุกคำถามนี้ให้กับเพื่อนผู้เข้ารับการอบรมเช่นกัน อาจมีบางท่านเป็นเพศตรงข้ามกับท่านด้วยที่ท่านต้องตอบคำถาม หรือถามคำถามนั้นกับเขา (อันนี้สมมุตินะคะจริง ๆ กิจกรรมประมาณนี้ แต่อาจไม่ใช่แบบนี้เป๊ะ)

-คุณชอบทานอะไรที่สุด

-งานอดิเรกที่คุณชอบทำที่สุดคือ

-สถานที่ท่องเที่ยวที่คุณอยากไปมากที่สุดคือ

-อวัยวะส่วนใดในร่างกายที่คุณคิดว่าเซ็กซี่ที่สุด เพราะอะไร

-รักครั้งแรกของคุณเกิดขึ้นตอนอายุเท่าไหร่และตอนนั้นรู้สึกอย่างไร

-ขอ 1 คำถามที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องเพศ


อยากให้ลองตอบคำถามเหล่านี้ ลองถามความรู้สึกว่าคุณถาม/ตอบข้อใดได้ ง่าย หรือข้อใดบ้างที่รู้สึกว่าถาม/ตอบได้ ยาก คะ และรู้สึกอย่างไรหาก


ส่วนตัวแล้วตัวเองพอถูกถามถึง อวัยวะ เรื่องเกี่ยวกับเพศ เรื่องความรัก ก็ดูจะตอบยากมาก โดยเฉพาะคำถามเรื่อง "อยากรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องเพศ" และแม่ดาวเจอคำถามนี้จากผู้ชายท่านหนึ่งค่ะ เล่นเอาหูอื้อ หน้ามืด วิงเวียน อายมากถึงมากที่สุด อึดอัดมาก สมองไม่ทำงานเลยค่ะ คิดคำตอบไม่ได้ คือไม่ได้คิดเลยแหละ มันอายจนอยู่แต่กับความรู้สึกของตัวเอง มากกว่าจะถามตัวเองเพื่อหาคำตอบ แล้วมีเวลาจำกัดด้วยนะคะ ต้องเร็วๆ และตอบไปว่า "ไม่รู้คะ" ฮ่าๆๆๆ ผู้ถามก็อยากจะได้คำตอบให้ครบทุกข้อ รับผิดชอบหน้าที่ตัวเองให้ดี เลยบอกแม่ดาวว่า "ก็เรื่อง Sex" ไง เอิ่ม...คล้ายโดนทุบหัวมึนงง ยินยอมน้อมรับคำตอบนี้แต่โดยดี "Sex" ภาวนาว่า และอย่าให้ขยายความอีกนะว่าไอ้คำว่า Sex เนี้ยคือเรื่องไหนยังไง ไม่รู้ และไม่อยากจะรู้ นี่คือความรุ้สึก ณ ขณะนั้นเลยค่ะ


แล้วคุณล่ะคะ...จินนาการตามได้ไหม ได้คำตอบให้ตัวเองหรือเปล่า และรับรู้ความรู้สึกของตัวเองไหม จริง ๆ หากไปอบรม กระบวนกรและบรรยากาศมันจะพาเราเข้าถึงได้ง่ายค่ะ อันนี้ก็นั่งมโนเอาเองไม่รู้ว่าจะช่วยให้คนที่ไม่ได้ไป ได้รับรู้ความรู้สึกเช่นนี้ได้ดีมากน้อยแค่ไหน ใครอยากอ่านรายละเอียดว่าจริง ๆ แล้วกิจกรรมนี้มันมีรายละเอียด อารมณ์ประมาณไหน อย่างไรแนะนำให้อ่านบทความของพ่อเคี้ยงในบทแรก ตอนที่1 ประกอบกันนะคะ


สรุปโดยภาพรวมของการทำกิจกรรมนี้ (วัดอุณหภูมิเรื่องเพศ) ทำให้ตัวเองได้เห็นตัวเองชัดมากขึ้น ตื่นรู้มากขึ้น ว่าตัวเราเองมีทัศนะคติเรื่องเพศแบบติดลบอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ฮ่าๆๆ ก่อนเข้าร่วมกิจกรรมอบรมรู้สึกว่าการคุยเรื่องเพศเป็นเรื่องน่าอาย เป็นเรื่องสกปรก เป็นเรื่องที่ควรปกปิดให้มิดชิด คือไม่ใช่เรื่องที่จะนำมาพูดกันกันได้ทั่วไป มองเรื่องเพศในมุมแคบ ๆ เฉพาะจุด ไปเพ่งที่ว่า เรื่องเพศ คือ เพศสัมพันธ์โดยส่วนใหญ่ ชัดเลยค่ะว่าสมควรแล้วที่ต้องมาอบรม การที่ได้ร่วมกิจกรรมนอกจากทำให้ได้เห็นทัศนคติตัวเองชัดขึ้น ยังสามารถปรับทัศนคติตัวเองที่จากลบให้กลายเป็นบวกได้ จากมองแคบ ๆ ให้มองกว้างขึ้นได้ เรียนรู้ว่า เรื่องเพศนั้นเป็นเรื่องที่มองในแง่ของเรื่องสุขภาพการดูแลรักษาร่างกายก็ได้ เป็นเรื่องความปลอดภัยทางสังคมก็ได้ ในเรื่องความสัมพันธ์ก็ได้ อีกยังได้รับรู้ว่าคนส่วนใหญ่ที่มาอบรมก็คิดคล้าย ๆ กัน แต่คงไม่หนักเท่า แต่ละคนมาจากครอบครัวที่มีการปลูกฝัง เลี้ยงดูที่แตกต่างกัน พบเจอประสบการณ์ต่างกัน มีการเรียนรุ้ต่างกัน ทำให้คนเรามุมมองและทัศนคติต่างกันไป แต่คนไทยส่วนใหญ่แม่ดาวเชื่อว่าเรามีทัศนคติและมุมมองเกี่ยวกับเรื่องเพศไม่ต่างกันมากนัก เพราะคนไทยมีค่านิยม วัฒนะธรรม ความเชื่อทางสังคมคล้าย ๆ กันว่าไหมคะ


ดังนั้นสิ่งที่เราควรยอมรับคือความต่างบางอย่างของแต่ละบุคคล เคารพความคิดซึ่งกันและกัน เพื่อไม่ให้เกิดอคติกับผู้ที่มีความคิดหรือพฤติกรรมทางเพศที่ต่างจากเรา แม้กระทั่งลูกหลานเราเองก็มีเหตุผล มุมมอง และประสบการณ์ที่ต่างจากรุ่นเรา เพราะพวกเขาเติบโตในยุคที่มีสิ่งแวดล้อมทางสังคมมากมายที่แตกต่างจากยุคของรุ่นพ่อแม่อย่างเรามากมายเหลือเกิน การคุยเรื่องเพศกับลูกท่ามกลางความต่างเหล่านี้จึงต้องอาศัยความเข้าใจเหล่านี้


ยาวมาถึงบรรทัดนี้ รู้สึกหรือยังคะว่า ทำไมเราต้องรู้เท่าทันตัวเองก่อน เราควรปรับทัศนคติในเรื่องเพศที่มีของเราให้ดี ปรับจากลบให้เป็นบวกเสียก่อน เราอยากให้ลูกมีทัศนคติที่ดีต่อเรื่องเพศ แต่เราไม่มีทัศคติที่ดี แล้วเราจะให้เขาได้อย่างไรจริงไหมคะ หลักการง่าย ๆ ที่ใช้ในการเลี้ยงลูกอยากให้ลูกเป็นอย่างไร ก็จงเป็นเช่นนั้นให้ลูกดู อยากให้ลูกมีนิสัยอย่างไรตัวเราก็ควรมีนิสัยนั้น ๆ ก่อน ทำให้เป็น เป็นให้ดู เหมือนคนไม่มีเงิน แต่อยากจะบริจาคเงิน เราจะช่วยบริจาคให้เขาได้อย่างไร ก็ในเมื่อตัวเรายังไม่มี และขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ กับใครที่มีทัศนคติที่ดีต่อเรื่องเพศ และรู้เท่าทันตัวเองได้อย่างแท้จริง มิใช่การหลอกตัวเอง คุณผ่านข้อนี้แล้วค่ะ ข้ามไปอ่านในหัวข้อถัดไปได้เลย


สำหรับใครที่ยังไม่เท่าทันตัวเองหรือยังไม่สามารถปรับทัศนคติเรื่องเพศให้รู้สึกดีขึ้นจนเป็นบวกได้ ลองพยายามกันต่อไปนะคะ ส่วนตัวแม่ดาวมีเครื่องมือที่อยากแนะนำ คือ

- การศึกษาหาข้อมูลเรื่องเกี่ยวกับการคุยกับลูกเรื่องเพศ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ จากเว็บต่าง ๆ ฯลฯ และการมีกลุ่มที่จะสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์เหล่านี้ร่วมกัน ซึ่งกลุ่มที่แนะนำและแม่ดาวเองก็เป็นสมาชิกในนั้นคือ กลุ่มในFacebook ชือเพจ คุยกับลูก เรื่องเพศ

- การเข้ารับการอบรมค่ะ ส่วนตัวเป็นคนชอบศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงลูก เรื่องการคุยกับลูกเรื่องเพศนี้ก็อ่านผ่าน ๆ ตามาหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เข้าไปในใจ ติดอยู่แค่ในสมอง คือ รูุ้ แต่ยังทำใจให้ยอมรับไม่ได้ ยังรู้สึกว่า มันน่าอาย อึดอึด ขัดเขินที่จะคุยกับลูกอยู่ดี เพียงวันแรก ครั้งแรกที่เข้ารับการอบรมเรื่องนี้ ตกยกความดีความชอบให้กระบวนกรทั้ง 2 และเพื่อนๆ พี่ ๆ น้องๆ ที่เข้าอบรมร่วมกัน สำหรับแม่ดาวตรงตามชื่อหัวข้อที่เข้าอบรมเลยค่ะ "พลิกมุมมองเรื่องเพศ" พลิกจากดำ เป็นขาวได้ภายใน 1 วัน มหัศจรรย์ใจจริงๆ คอร์สนี้เข้าดีจริง

- การฝึกเจริญสติ จะเป็นคนที่นับถือศาสนาใด ๆ ก็ฝึกการเจริญสติได้ ปัจจุบันการเจริญสติได้รับความสนใจไปในต่างประเทศมากมาย ขนาดองค์กรยักษ์ใหญ่อย่ากูเกิ้ลยังจัดพื้นที่ในการเดินเจริญสติไว้ให้พนักงานกันด้วยนะคะ เพราะมันเป็นเครื่องมือที่ทรงอนุภาพมาก และส่วนตัวแม่ดาวก็ใช้วิธีการเจริญสติในชีวิตประจำวันเรื่อยๆ เท่าที่มีสติจะมี การฝึกเจริญสติ คือ การฝึกสังเกตุดูร่างกาย ดูลมหายใจ ดูความคิด ดูจิตใจตัวเองในแต่ละขณะ ไม่ว่าจะกายเคลื่อนไหวอย่างไร จังหวะการหายใจเป็นอย่างไร ใจล่ะ มีความคิด มีความรู้สึกอย่างไร ฝึกมาประมาณ 5 ปีแล้วค่ะ เป็นนักปฏิบัติที่ไม่ค่อยขยันเท่าไหร่ฮ่าๆๆๆ ช่วงปีแรก ๆ ก็ขยันอยู่ พอรู้สึกว่าตัวเองมีสติดี ก็มั่นใจเลิกทำไป และมาเห็นตัวเองว่า เรารู้ความคิด แต่ไม่เท่าทันกิเลสของตัวเอง จัดการอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เลยหันกลับมาฝึกอีก และก็ตั้งใจไว้ว่าอย่างไรเสีย เราจะต้องไม่ทิ้งสติ เมื่อใดเราทิ้งการฝึกสติ สติก็จะทิ้งเรา555 พอพกสติมา...ปัญญาจะเกิด ถ้าสติไม่มี...ปัญญาก็หนีเตลิด

การเจริญสติทำได้ทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะเดิน นั่ง นอน อ่านหนังสือ พิมพ์บทความนี้ก็รู้กาย รู้ใจไปเรื่อย ๆ และขณะนี้ก็รู้สึกว่า นิ้วขยับและเมื่อยนิ้ว การหายใจปกติ หัวใจเต้นปกติ(คุณจะรู้ว่าปกติไหม เมื่อคุณฝึกคุณจะรู้) เร่ิมปวดตา ตึงๆ แนวบริเวรหน้าผากระหว่างคิ้ว ปวดจุดหนึ่งตรงไหล่ข้างขวา ปวดหลังตรงจุดที่โดนยบล็อคหลัง กั้นเริ่มเป็นเหน็บเล็กน้อย นั่งห้อยขาขวาส้นเท้าวางลงบนที่วางเท้าใต้โต๊ะ ปลายเท้าชี้ขึ้นแตะฝาหลังโต๊ะ เท้าไปพาดใต้โต๊ะ พับขาซ้ายขึ้นมาทับบริเวณกลางเท้าซ้าย หลังและหัวพิงพนักเก้าอี้ ใจสบาย ๆ ค่ะ แต่ความคิดตื้อ ๆ เล็กน้อย นี่คือตัวอย่างการฝึกเจริญสติค่ะ


ฮา...นึกว่าจะทำเสร็จภายในวันเดียว ดูจากเนื้อหาที่อยากจะถ่ายเทออกมาแล้วยังอีกเยอะเลยค่ะ ขอแปะไว้ก่อนนะคะ ถือว่ารักษาสัญญาแล้วนะ แต่ยังไม่สำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ตั้งเป้าไว้กับตัวเองว่าจะพิมพ์แบ่งปันส่งต่อความคิด ความรู้ ด้วยปรารถนาดีและความสุขภายสุขใจ ตอนนี้เริ่มไม่ค่อยสุขกาย แต่ยังสุขใจอยุ่นะคะ และต้องขอตัวไปทำภาระกิจงานแม่บ้านอื่น ๆ ด้วยเนาะ


ใครสนใจอ่านต่อ รอหน่อยนะคะ...หรือใครใจร้อน อยากรู้ก่อน แนะนำไปอ่านบทความของพ่อเคี้ยงที่แบ่งปันไว้ใน Facebook เพจชื่อ คุยกับลูก เรื่องเพศ เลยจ้า ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนมาถึงบรรทัดนี้ และรู้แล้วฝากช่วยเอาไปใช้กันด้วยนะคะ ทบทวน และทำ ฝึกๆๆๆๆ เอาเรื่อง รู้เท่าทันตัวเอง คุยกับตัวเองให้รู้เรื่อง รู้ชัดกันก่อนเนาะ












หมายเลขบันทึก: 593219เขียนเมื่อ 7 สิงหาคม 2015 11:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 สิงหาคม 2015 11:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

มีภาพโฆษณามาฝาก คุณแม่ดาวดีดีเจ้าค่ะ รูป จากสถานีใต้ดินที่ เบอรลิน..กับคำว่าsex...ในสังคม..

ในฟินแลนด์..เขาเริ่มเรียนเรื่องสรีระกันแต่เด็ก...ว่าอวัยวะต่างๆมี..หน้าที่ทำอะไร...เป็นต้นว่าอวัยวะเพศ..

เรื่องสำคัญ ที่สังคมไทย ไม่เปิดเผยในเรื่องที่ควรเปิด...คือแอบทำสิ่งที่ไม่ควรทำ....เป็นต้น..

ดีใจที่เริ่มมีผู้ให้ความสนใจ ในวงเล็บเปิดบ้าง...ปัญหา เพศสัมพันธุ์..คงจะลดลง..สุขภาพสังคมด้านจิตและความรักที่แท้..คงมีเกิดขึ้น บ้างไม่มากก็น้อย..มาเป็นกำลังใจ เจ้าค่ะ..กับข้อเขียนนี้...


ตัวเองก็อยากให้เด็ก ๆ มีสังคมดี ๆ อยากได้ อยากมี ต้องก็เริ่มสร้างที่ตัวเราครอบครัวเราก่อน และค่อย ๆ ส่งต่อไปยังคนรอบข้าง ค่อย ๆ ส่งต่อความคิด ความรู้ไปเรื่อย ๆค่ะ หากคิดจะทำในสิ่งที่ใครๆ มองว่ายาก เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ ต้องเริ่มจากตัวเราเปลี่ยนความคิดและทัศนคติเสียก่อน เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริง แค่สักวัน และลงมือทำในส่วนที่ตัวเองทำได้ก่อนค่ะ ทำในสิ่งที่เป็นไปได้จริงก่อน

ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันภาพโฆษณาและความคิดเห็นดี ๆ นะคะ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งเลยค่ะ และดีใจที่มีคนคิดคล้าย ๆ กัน อย่างน้อยก็ไม่หัวเดียวกระเทียมลีบแล้วเนาะ55555


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท